บทที่ 178 ฉันอ่อนหัดเกินไป
“แก แก...” มู่เจิ้งเฉิงร้องลั่นขึ้น คำพูดไม่จบสักประโยชน์ เขาทำได้แค่มองมู่เฉินหย่วนที่เดินจากไปพร้อมกับถังซิน ในคอเต็มไปด้วยความหวานที่เต็มไปด้วยเลือดพุ่งออกมา
“พี่สาม” มู่เจิ้งหย่ารีบไปพยุงเขา “พี่ไม่เป็นอะไรนะ!”
“ไอเด็กบัดซบนี่!” มู่เจิ้งเฉิงเอ่ยขึ้นอย่างโมโห เขาใช้ชีวิตมากว่าหลายสิบปี แม้ว่าจะถูกเด็กที่รับเลี้ยงบังคับให้มาอยู่ในจุดๆนี้ และยังต้องให้ลูกชายคนที่สองมาเสียแขนไปหนึ่งข้างอีก
มู่เจิ้งหย่าเอ่ยขึ้น นายก็รู้ว่าพี่สองให้ความสำคัญกับลูกมาก การที่เขาเสียหลานไปเขาต้องร้อนใจแน่ เขาอยู่ข้างผู้ชายคนนั้นพวกเราก็ไม่มีทางเลือกแล้ว”
มู่เจิ้งเฉิงตะโกนขึ้น “แค่นนี้ฉันต้องชำระ!”
“คุณผู้ชาย เชิญครับ” บอดี้การ์ดเดินมาและมองไปยังมู่เจิ้งเฉิงแล้วเอ่ย “สรุปใครจะเป็นคนไปตัดแขนครับๆ คุณหรือลูกชายผมจะได้ให้หมอเตรียมยาชาไว้”
อีกนิดมู่เจิ้งเฉิงก็แทบจะสำลักเลือดออกมาอีกรอบ เขาหลับตาลงและผลักให้มู่เจิ้งหย่ารีบขึ้นไปข้างบน
มู่จินเซวียนที่เพิ่งจะถูกยิงมาสองนัดยังคงนอนสลบไม่รู้สึกตัวอยู่ หากไม่ได้ฉีดยาชาและถูกตัดแขนเขาก็คงไม่รู้สึกอะไร มู่เจิ้งเฉิงเมื่อได้เห็นลูกชายสุดที่รักต้องเป็นคนพิการที่น่าสงสาร ใบหน้าก็ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
เขาเดินไปยังด้านหน้าหน้าต่างมุมห้อง และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครสักคน หลังจากที่รอให้มีคนรับสาย มู่เจิ้งเฉิงจึงกัดฟันพูดขึ้น “ช่วยฉันบอกกับคุณผู้ชายหลินที ฉันสามารถลดราคาหุ้นของบริษัทมู่ซื่อเพื่อขายให้เขาได้ แต่เขาต้องรับปากฉันหนึ่งเรื่อง!”
อีกด้านถังซินที่เดินออกมาจากห้องใหญ่เมื่อครู่ยังคงมึนงงและหายใจหอบ คล้ายกับว่ากำลังฝันไป
เธอเพิ่งจะได้รู้ว่าอะไรคือการแสดงก็วันนี้นี่แหละ!
ฉากแต่ละฉากเรียงต่อกันของลุงมู่น้อย ความโกรธเคืองที่ไม่เอ่ยขึ้น และในที่สุดเขาก็ทำให้มู่เจิ้งเฉิงกระอักเลือด เขาเล่นใหญ่มาก เธอเงยหน้าขึ้นไปดูตัวละครที่โดดเด่นตัวนี้
มู่เฉินหย่วนเห็นเธอกำลังเหม่อจึงทำขึ้น “คิดอะไรอยู่ สติยังไม่กลับมาหรอ?”
“พูดเยอะขนาดนั้น มันประมวลผลยากมากนะ” ถังซินเงยหน้าขึ้นไปมองเขา และเดินห่างจากเขาไปสองก้าว “ฉันว่าฉันอยู่ห่างนายไว้นิดหน่อยจะดีกว่านะ ฉันอ่อนหัดเกินไป”
มู่เฉินหย่วนยิ้มเล็กน้อยและยื่นมือไปดึงเธอมานั่งบนตัก “ไม่เรียนรู้อะไรเพิ่มบ้างหรอ?”
ถังซินพูดเสียงเรียบ “เหอะ จะไปเรียนรู้ได้ยังไงล่ะ?”
“ง่ายจะตาย เช่นเธอกำลังต่อสู้กับคนยังไงเธอก็ต้องมีแผนรับมือกับคนแบบนั้น” มู่เฉินหย่วนเอ่ย “แค่เธอยั่วเขา ยังไงเขาก็ต้องคิดว่าเธอไม่กล้าทำอย่างนั้นกับเขา”
มันก็แค่นี้
ถังซินคิดถึงตอนที่จินเซวียนทำร้ายเธอนั้น ก็โกรธมาก
ว่ามู่เฉินหย่วนไม่กล้าทำอย่างนั้นกับเขา
ทว่าเธอยังคงมีความกังวลใจเล็กน้อย “คุณคิดว่าคนอย่างมู่เจิ้งเฉิงนั้น หากคุณไปตัดแขนลูกชายของเขา สักวันเขาก็ต้องกลับมาล้างแค้นคุณอยู่ดีอีกอย่างคุณก็ไม่ควรจะโกหกพ่อของคุณนะ”
มู่เฉินหย่วนหยีตาเล็กน้อย “”
“ไม่ๆ” ถังซินโบกมือ “ ความหมายของฉันก็คือพวกเราสามารถแอบหาคนไปตัดแขนของเขาก็ได้นี่ คุณไม่ควรที่จะโหดร้ายขนาดนี้นะเพราะว่าสุขภาพของคุณก็ไม่ดี”
“ ก็แค่อยากให้พวกเขาจำไว้ทีหลังพวกเขาจะได้ไม่ต้องกลับมาทำร้ายคนของผมอีก” มู่เฉิงหย่วนเอ่ย “พ่อของผมให้ความสำคัญกับญาติพี่น้องเขาอยากจะปล่อยจินเซียนไปผมก็เลยทำได้แค่นี้”
ถังซินมุ่นคิ้ว “ฉันกลัวว่าอุบัติเหตุรถชนมันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ฉันกลัวว่าคุณจะตกอยู่ในอันตราย”
เรื่องอุบัติเหตุครั้งนั้นก็เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเหมือนกัน
ดวงตาของมู่เฉินหย่วนขยับไปมา อุบัติเหตุครั้งนั้นู่เจิ้งหย่าเป็นคนวางแผน สุดท้ายกลับเป็นเขาที่ นมหนาวมู่เจิ้งอยากเข้าคุก ถังซินถูกปกปิดเรื่องนี้มาโดยตลอดจึงทำให้เธอไม่รู้
หากเธอรู้เรื่องนี้แล้วจะสามารถเข้าใจเขาได้หรือไม่?
หรือจะกดเป็นฟืนเป็นไฟ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้มู่ทั้งอยู่ด้วยก็รู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเค้ากัดปากเล็กน้อยก่อนเอ่ย “ถังซิน”
“ ท่านประธานมู่คะสิ่งที่คุณอยากจะพูดฉันรู้หมดแล้วค่ะ”
เขาอึ้งเล็กน้อย
คุณผู้ชายมู่พยักหน้า “ใช่พวกเธอเด็ก ยังมีได้ใหม่อีก เอาอีกหลายๆคน!”
ถังซิน “...”
ไม่ต้องหรอกค่ะ
“ ต้องขอบคุณเธอจริงๆ” คุณผู้ชายมู่เอ่ยคำขอบคุณขึ้น “แม้ว่าวันนี้เฉินหย่วนจะทำเกินไป แต่ความอ่อนโยนที่มีมากในตัวเขาล้วนแต่เป็นเพราะเธอที่ให้เขามา”
“ เธอก็รู้เขาคือคนที่ฉันรับกลับมาเลี้ยง คนตระกูลมู่เยอะ ก็ยังไม่ชินกับเขา เขาพูดด้วยเสียงไม่ดีแต่เรียนหนังสืออย่างขยันขันแข็ง ตอนอายุ 13 ก็เรียนธุรกิจกับฉัน”
“ คนอื่นตอนที่ยังเรียนอยู่มหาลัย เขาก็เรียนจบแล้ว ตอนอายุยี่สิบเขาก็สามารถ เป็นตัวแทนให้บริษัทอื่นทำสัญญาร่วมกันกับบริษัทมู่ซื่อมูลค่าสามพันล้าน และเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทมู่ซื่ออีกหนึ่งระดับ เขาเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุด”
“เรื่องพวกนี้ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ” ถังซินเม้มปากก่อนเอ่ยชมยกใหญ่ “ท่านประธานมู่เก่งมากเลยค่ะ”
คุณผู้ชายมู่ยิ้มเล็กน้อยด้วยความภูมิใจ “ใช่แล้ว คนตระกูลมู่ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขาไปจนถึงอาของเขาหรือลุงสามก็เทียบเขาไม่ติด นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมฉันถึงต้องยกมู่ซื่อให้กับเขา”
“เมื่อก่อนเขาเป็นคนเงียบๆ แต่ว่าอยู่ใครกลับไมาได้เย็นชาขนาดนั้น พักหลังมานี้ไม่รู้ทำไม หลังจากกลับมาจากคุยธุรกิจพฤติกรรมก็แปลกๆไป บางครั้งฉันก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่”
“ถังน้อยอ่า ฉันหวังว่าเธอจะทำให้เขามีความสุข ไม่ต้องปฏิเสธคนเป็นพัน ช่วยพากันทำมาหากิน” คุณผู้ชายมู่ตบมือถังซินเบาๆ “เขาเป็นผู้นำที่ดีคนหนึ่ง และเขาสมควรที่จะมีคู่ชีวิตที่ดี พ่อคนนั่นนะสามารถมีครอบครัวและลูกเป็นของตัวเองได้ เขาช่างลำบากจริงๆ”
ถังซินหน้าแดงก่ำ “ท่านอย่าพูดแบบนี้สิคะ ท่านเองก็เป็นคนสนิทของประธานมู่นะคะ”
คุณผู้ชายมู่ส่ายหัวพลางยิ้มพร้อมเอ่ย “ร่างกายของฉันฉันรู้ดีว่าอยู่ได้ไม่นานหรอก ตอนที่ฉันไปแล้วได้เห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข มีลูก ฉันก็พอใจแล้ว”
เขาเปิดลิ้นชักออกและหยิบของออกมาจากด้านในนั้น
คือกล่องแหวนสีน้ำเงินที่ทำจากหินหนึ่งกล่อง กล่องนั้นไม่ใหญ่ ทว่าสีสันของมันช่างงดงาม เธอถูกสะกดด้วยความงามจนอยู่มัด มองดูแล้วมันช่างสวยงามและประณีต
คุณผู้ชายมู่มองดูแหวนอยู่ครู่พร้อมทั้งถอนหายใจออกมาเบาๆ “นี่เป็นสมบัติที่มีค่าของแม่เขาเพียงชิ้นเดียว”
ถังซินเอ่ยอย่างตกใจ “คุณรู้จักคุณแม่ของท่านประธานมู่หรอคะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน
สนุกมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ ที่มีนิยายสนุกๆ ได้อ่าน...
สนุกมากๆๆๆ...