จมูกของปีโป้เกือบชนเข้าให้ที่แผงประตู แต่โชคดีที่เขาหยุดฝีเท้าได้ทันเวลา
หลังจากนั้นเขาก็ถอนหายใจและเดินจากไปอย่างเศร้าใจ
……
วันรุ่งขึ้นมายมิ้นท์และลาเต้กำลังอ่านเอกสารอยู่ในห้องทำงาน เลขาซินดี้รีบตรงเข้าไปรายงานว่า “ประธานมายมิ้นท์คะ แย่แล้ว คุณเยี่ยมบุญได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้ว”
“อะไรนะ!?” สีหน้าของมายมิ้นท์เปลี่ยนไปทันที “เขาได้รับการปล่อยตัวแล้วเหรอ?”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่?” ลาเต้ก็ถามเช่นกัน
ซินดี้มองไปทางเขาอย่างรวดเร็วและตอบด้วยความเคารพว่า “เมื่อเช้านี้ค่ะ อีกทั้งเอสซีกรุ๊ปได้โพสต์ข่าวบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ โดยบอกว่าตำรวจพาตัวเขาไปไม่ใช่เพราะละเมิดในกฎหมาย แต่ให้ความร่วมมือสำหรับการสอบสวนคดีเท่านั้น ตอนนี้ตลาดหุ้นของเอสซีกรุ๊ปก็เสถียรภาพขึ้นด้วยเช่นกัน”
“มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง!” ลาเต้ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างแน่นหนา
มายมิ้นท์กัดริมฝีปากของเธอ “ต้องมีอะไรปิดปกติแน่ๆ ไม่อย่างนั้นเยี่ยมบุญจะถูกปล่อยออกมาได้ยังไง”
“เดี๋ยวผมให้คนไปสืบถามเรื่องนี้เอง” ลาเต้พูดแล้วเดินถือโทรศัพท์มือถือไปที่ระเบียง
มายมิ้นท์หลับตาลง สีหน้าของเธอแย่มาก อารมณ์ก็หงุดหงิดไปตามๆกัน
เดิมทีเธอคิดว่าเยี่ยมบุญจะต้องติดคุกแน่ จากนั้นเธอก็จะสามารถโค่นล้มเอสซีกรุ๊ปได้เร็วยิ่งขึ้น
เนื่องจากว่าหากไม่มีเยี่ยมบุญตาจิ้งจอกเฒ่านั่นอยู่ในเอสซีกรุ๊ป ก็เหมือนกับเสือที่ถูกถอนฟันและเขี้ยวเล็บ ความแข็งแกร่งจะไม่เทียบเท่าเมื่อก่อน แต่ไม่คาดคิดว่าเยี่ยมบุญจะออกมาเร็วขนาดนี้ ทำให้แผนของเธอหยุดชะงักลงอย่างสมบูรณ์
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้มายมิ้นท์ก็เอามือกุมขมับอย่างไม่เต็มใจ
ทันใดนั้น ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะดังขึ้น
มายมิ้นท์วางมือลงตอบว่า “เข้ามาค่ะ”
ผู้ที่อยู่ภายนอกเดินเข้ามา เป็นเลขานุการของเตชิตประธานเทนเดอร์กรุ๊ป
ทำไมเลขาของเขาจึงเดินทางมาที่นี่ได้?
“มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”มายมิ้นท์มองมาที่เขาและเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา
เลขานุการยิ้มให้มายมิ้นท์และตอบว่า “รองประธานมายมินท์ ประธานเตชิตต้องการให้คุณไปที่ห้องประชุมเพื่อเข้าร่วมการประชุม”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ รูม่านตาของมายมิ้นท์ก็หดตัวลงทันที
เตชิตกลับมาแล้ว!
เขากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?
มายมิ้นท์มองไปที่ซินดี้ซึ่งรออยู่ด้านข้าง
ซินดี้ก็ส่ายหัวด้วยความประหลาดใจ เป็นความหมายว่าเธอเองก็ไม่รู้ ไม่เคยได้ยินว่าประธานเตชิตกลับมาแล้ว
มายมิ้นท์เม้มริมฝีปาก อารมณ์ของเธอรู้สึกหนักอึ้ง แต่รอยยิ้มจางๆ ยังปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ทราบแล้วค่ะ รบกวนบอกประธานเตชิตว่าอีกสักครู่ฉันจะไป”
“ครับ” เลขาคนนั้นตอบแล้วเดินออกไป
เมื่อลาเต้เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกว่าบรรยากาศในห้องทำงานดูผิดปกติไป ท่าทางของมายมิ้นท์ก็ดูไม่ดีเช่นกัน เขาอดไม่ได้ที่จะถามซินดี้ว่า “ที่รักของผมเป็นอะไรไป?”
แม้ว่าเธอจะคุ้นเคยกับการได้ยินเขาเรียกประธานมายมิ้นท์ว่าที่รักมานานแล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้ยินเธอก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ซินดี้ก้มหน้าลงเพื่อซ่อนรอยแผลในดวงตาของเธอไว้ พยายามทำให้เสียงของเธอดูเป็นธรรมชาติและตอบว่า “ประธานเตชิตกลับมาแล้วค่ะ”
“หือ? เขากลับมาเมื่อไหร่ ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ลาเต้เหล่มอง
มายมิ้นท์เม้มปากพูดว่า “ดูเหมือนว่าเขาจะจงใจไม่แจ้งให้เราทราบว่าเขากลับมาแล้วนะคะ คงเพราะกลัวว่าเราจะหยุดเขา”
ในเทนเดอร์กรุ๊ปนั้น หากพูดถึงใครที่ไม่อยากต้อนรับเธอที่สุดก็คงเป็น เตชิต อย่างไม่ต้องสงสัย เตชิตเป็นคนกลุ่มแรกที่ติดตามพ่อของเธอมา หลังจากที่พ่อเธอเสียชีวิต เทนเดอร์กรุ๊ปก็ตกไปอยู่ในมือของ เตชิต
เมื่อเดือนที่แล้ว หากไม่ใช่เพราะเตชิต เดินทางไปเจรจาทางธุรกิจละก็ ต่อให้เธอจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเทนเดอร์กรุ๊ป เธอก็คงไม่มีสิทธิ์ในการจัดการของเทนเดอร์กรุ๊ปแน่ คาดว่าเตชิต กลัวเธอจะหาวิธีไม่ให้เขากลับมาเพื่อกีดกันอำนาจในการจัดการ ดังนั้นจึงได้ดินทางกลับมาอย่างเงียบๆ
“เขาเป็นโรคคิดมากและหวาดกลัวเหรอ?” ลาเต้กลอกตามอง
มายมิ้นท์ถอนหายใจออกมาแล้วลุกขึ้นยืน “เอาละค่ะ เราไปที่ห้องประชุมก่อนเถอะ”
ลาเต้ไม่ได้พูดอะไร เขาพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้องประชุมกับเธอ
ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเดินไปยังห้องประชุมมายมิ้นท์ก็ได้รับโทรศัพท์จากเปปเปอร์
ตอนแรกมายมิ้นท์รู้สึกประหลาดใจ จากนั้นเธอก็วางสายลงโดยไม่ตั้งใจจะรับสายเขา
มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรจึงพยักหน้าตอบว่า “คุณยายล้มน่ะค่ะ ฉันจะไปเยี่ยมท่านสักหน่อยในตอนบ่าย”
“ท่านเป็นคุณยายของเปปเปอร์ คุณกับเปปเปอร์หย่าร้างกันแล้ว จะไปเยี่ยมท่านทำไม?” ลาเต้ขมวดคิ้วและพูดขึ้น
มายมิ้นท์เก็บมือถือลง “นี่คุณ คุณยายใจดีกับฉันมาก ตอนนี้ท่านล้มลง ฉันไม่ไปไม่ได้หรอกค่ะ เอาละเราไปกันเถอะ อย่าให้ประธานเตชิตรอนาน”
ลาเต้ยักไหล่ของเขา
ทั้งสองเปิดประตูห้องประชุมและเข้าไปข้างในซึ่งมีคนอยู่เต็มแล้ว สายตาหลายสิบคู่ของผู้ถือหุ้นและสมาชิกแผนกอาวุโสของเทนเดอร์กรุ๊ปมองมาที่พวกเขาทั้งสอง
มายมิ้นท์เหลือบมองไปรอบๆ จากนั้นเคลื่อนสายตาไปยังที่นั่งหลักของโต๊ะประชุม
ก่อนหน้าของวันนี้ เธอยังนั่งอยู่ในตำแหน่งนั้นอยู่เลย แต่ขณะนี้กลับมีอีกคนนั่งอยู่
เขาคือเตชิต ประธานเทนเดอร์กรุ๊ปคนปัจจุบัน
“ประธานเตชิต ยินดีต้อนรับกลับมานะคะ”มายมิ้นท์ทักทาย เตชิต ด้วยรอยยิ้ม
เตชิต หันปากกาของเขามา “ผมคิดว่าที่หลานสาวของผมเดินทางมาประชุมช้า เพราะไม่พอใจที่คุณอาชิตกลับมาเสียอีก”
ดวงตาของมายมิ้นท์มืดมนลง รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงละคะ? ที่ช้าเป็นเพราะมีเรื่องต้องจัดการค่ะ ประธานเตชิตเป็นผู้อาวุโสกว่า อย่าได้โกรธหลานเลย”
เตชิต เหล่ตาของเขาลง แล้วมองไปที่มายมิ้นท์อย่างจริงจัง
หเดิมทีเขาต้องการใช้เหตุผลที่เธอสายเพื่อเป็นข้ออ้างในการไม่ให้เกียรติเขา บอกให้เธอรู้ว่าถึงแม้เธอจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แล้วอย่างไรเล่า? เขาจึงจะเป็นผู้มีอำนาจมากสุดในบริษัทนี้
คาดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กคนนี้จะโจมตีเขากลับโดยใช้เหตุผลเรื่องความอาวุโสเข้ามาอ้าง เพื่อให้เขาต้องวางท่าลง ไม่อย่างนั้นในฐานะผู้ใหญ่ หากยังติดใจเอาความเด็กก็คงไม่ดี เธอมีปฏิกิริยาว่องไวดีนี่ เขาคงจะมองเธอต่ำไป
เตชิตตอบโดยไม่ได้ยิ้มว่า “ไม่หรอก คุณอาชิตของคุณไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้น ถึงขนาดจะไปโกรธหลานได้”
“ขอบคุณนะคะประธานเตชิต”มายมิ้นท์ตอบด้วยรอยยิ้ม
ลาเต้ยกนิ้วโป้งให้จากใต้โต๊ะและกระซิบว่า “คุณยอดเยี่ยมมากเลยที่รัก”
“อยู่เฉยๆเลยค่ะ”มายมิ้นท์เหล่ตามองเขา
จากมุมมองของ เตชิต สามารถเห็นเคลื่อนไหวของทั้งสองได้ชัดเจน ใบหน้าของเขาดูมืดมน “เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนมาถึงแล้ว การประชุมเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ บัดนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...