“อึม ออกมาแล้ว”เปปเปอร์พยักหน้า
สายตาของส้มเปรี้ยวเป็นประกายเล็กน้อย“ถ้างั้น……เธอเป็นยังไงบ้าง?”
เปปเปอร์ขมวดคิ้ว ไม่ได้ตอบกลับ
เมื่อส้มเปรี้ยวเห็นเช่นนั้น ก็แสร้งทำเป็นจิตใจกระสับกระส่าย“เปปเปอร์ เธอไม่ดีใช่ไหม เลวมากเลยใช่ไหม?”
“พอได้แล้วส้มเปรี้ยว อย่าคิดมาก”เปปเปอร์ลูบที่เส้นผมของหล่อน“ผมจะให้คุณหมอสตีฟรักษาคุณอย่างเต็มที่ ทำลายบุคลิกนั้นทิ้ง”
“ทำลายทิ้ง?”ส้มเปรี้ยวทำทีตกใจ มือกุมที่ริมฝีปาก“ทำไมจะต้องทำลายด้วยคะ?ไหนบอกว่าสามารถหลอมรวมได้ไงคะ?”
“ไม่สามารถหลวมรวมได้ครับ บุคลิกที่สองของคุณเลวร้ายเกินไป ผมเป็นกังวลว่าหากหลอมรวมเรียบร้อยแล้ว ลักษณะนิสัยของคุณจะเปลี่ยนไป”เปปเปอร์พูดขึ้นอย่างเรียบขรึม
ส้มเปรี้ยวพยักหน้า“เป็นแบบนี้นี่เอง ฉันทราบแล้วค่ะ ถ้างั้นก็เชื่อฟังสิ่งที่เปปเปอร์พูดก็แล้วกันค่ะ”
หล่อนหดเปลือกตาลง กำมือแน่น
ที่แท้ ตัวตนที่แท้จริงของหล่อน ในสายตาของเขามีความเลวร้ายซ่อนอยู่
“คุณหมอสตีฟ”เปปเปอร์ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีเล็กๆน้อยๆของส้มเปรี้ยว เขาหันกลับไปมองคุณหมอสตีฟที่อยู่ตรงข้าม
“ประธานเปปเปอร์เชิญเข้ามาครับ”คุณหมอสตีฟขยับแว่นตาเล็กน้อย ยิ้มพลางพูดขึ้น
เปปเปอร์พูดนำขึ้นก่อนว่า“สำหรับการรักษาอาการของส้มเปรี้ยว คุณทำแผนการให้ผมดูหน่อยนะครับ ผมอยากรับรู้ความก้าวหน้าของอาการส้มเปรี้ยวตลอดเวลา ”
“ได้ครับ”คุณหมอสตีฟรับปาก
จากนั้น เปปเปอร์กับส้มเปรี้ยวก็ออกไปจากประตูห้องตรวจ เตรียมที่จะจากไป
ขณะที่เพิ่งจะออกจากห้องตรวจ ก็เห็นการันต์เดินมาข้างหน้าพอดี
“การวินิจฉัยอาการเบื้องต้นเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอครับ?”การันต์หยุดฝีเท้าลง มองไปยังพวกเขาทั้งสองแล้วถามขึ้น
“สิ้นสุดแล้วค่ะ รันต์คุณมาได้ยังไงคะ?”ส้มเปรี้ยวยิ้มพลางเอ่ยปากถาม
มือทั้งสองข้างของการันต์ล้วงอยู่ในกระเป๋าเสื้อกาวทั้งสองข้าง“การผ่าตัดวันนี้ของผมเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นว่าพวกคุณอยู่ที่นี่ ก็เลยเข้ามาดู สถานการณ์ของส้มเปรี้ยวเป็นยังไงบ้าง?”
เขาหันไปมองเปปเปอร์
เปปเปอร์คลึงที่หว่างคิ้ว“ค่อนข้างร้ายแรง บุคลิกที่สองของหล่อนค่อนข้างสุกงอมมากแล้ว อายุพอๆกับส้มเปรี้ยว
“ใช่เหรอคะ?ถ้างั้นก็คงอาการรุนแรงจริงๆ”แว่นของการันต์สะท้อนแสงเป็นประกาย จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “แล้วไปต่อพวกคุณวางแผนไว้ว่ายังไงกันเหรอครับ?”
ส้มเปรี้ยวนับนิ้ว“เปปเปอร์พูดขึ้นว่า ทำลายเธอทิ้งซ่ะ”
“จริงเหรอครับ?เปปเปอร์?”การันต์เลิกคิ้ว
เปปเปอร์เงยคางขึ้น“อึม บุคลิกนั้น จะเอาไว้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด”
ส้มเปรี้ยวก้มหน้าลง ทำให้ไม่มีใครสามารถเห็นสีหน้าท่าทางได้
เมื่อหางตาของการันต์มองเห็นหล่อนเช่นนั้น ก็สามารถคาดเดาอะไรบางอย่างได้ นิ้วกลางขยับแว่นตาเล็กน้อย“หากต้องการทำลายบุคลิกของคนๆหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จ จะต้องค่อยเป็นค่อยไป”
“ผมทราบ ดังนั้นผมจึงกำชับให้คุณหมอสตีฟรักษาอย่างเต็มที่ พอได้แล้ว พวกเราควรกลับได้แล้ว”เปปเปอร์ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเย็น
การันต์เอียงลำตัวเพื่อหลีกทาง ทั้งยังทำท่าทีเป็นนัยเพื่อเชิญพวกเขาทั้งสอง
เปปเปอร์ก้าวเท้ามุ่งไปข้างหน้า
ส้มเปรี้ยวตามเขามาข้างหลังอย่างกระชั้นชิด
เมื่อผ่านด้านหลังของการันต์ จู่ๆหล่อนก็หันกลับมาพร้อมกับกะพริบตาให้เขาหนึ่งที
การันต์งุ้มริมฝีปากพลางยิ้มขึ้น
ท่าทางเล็กน้อยแค่นี้ ทั้งสองคนก็ได้สื่อสารอะไรบางอย่างแล้ว
อีกทั้งทุกสิ่งทุกอย่างนี้ เปปเปอร์ก็ไม่ทันสังเกตเห็น
……
เทนเดอร์กรุ๊ป เมื่อมายมิ้นท์กับลาเต้กลับมา ก็พุ่งตรงเข้าไปในห้องทำงานทันที
เนื่องจากอีกสองวันมายมิ้นท์จะต้องทำการผ่าตัด แน่นอนว่าจะต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสองคืน
สองวันนั้น เธอไม่สามารถทำงานได้ ทำได้เพียงจัดการงานที่จะต้องทำในสองวันนั้นให้เสร็จล่วงหน้า หากกองไว้ข้างหลัง ยิ่งกองยิ่งมากขึ้น
เมื่อถึงช่วงบ่าย ลาเต้ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง ผู้ช่วยของเขาโทรมา ให้เขากลับไปประชุม
มายมิ้นท์กระพริบตาขาว“คุณว่างแต่ฉันไม่ว่างหนิคะ พอได้แล้ว มีธุระอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ ถ้าไม่มีอะไรฉันขอวางสายก่อนนะคะ ฉันยังมีธุระต้องทำอีก”
“อย่าเพิ่ง อย่าเพิ่ง อย่าเพิ่ง ผมพูดแล้ว ผมพูดแล้ว”ทามทอยกลัวว่าเธอจะวางสายลง จึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
มายมิ้นท์แนบโทรศัพท์ไว้ที่ไหล่“พูดมาเลยค่ะ”
“สองวันก่อนคุณบอกว่าจะไปเอาเด็กออกไม่ใช่เหรอครับ ตอนนี้คุณเอาออกหรือยังครับ?”ทามทอยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
เดิมดีเขาอยากถามตั้งแต่ตอนกลางวัน แต่เมื่อคิดไปคิดมาเกรงว่าเธอจะกำลังทำการผ่าตัดอยู่ โทรไปก็อาจจะไม่รับสาย ดังนั้นก็เลยอดทนมาถึงตอนนี้
“ยังเลยค่ะ คุณโทรศัพท์ก็เพื่อที่จะถามเรื่องนี้โดยเฉพาะใช่ไหมคะ?”มายมิ้นท์รู้สึกขบขันเล็กน้อย
ทามทอยกระแอมเบาๆ“ใช่แล้ว ก็เป็นเพื่อนกัน ผมก็ต้องเป็นห่วงคุณเป็นธรรมดา”
“ขอบคุณมากค่ะ”มายมิ้นท์ยิ้มพลางพูดขึ้น
ทามทอยก็แอบยิ้มออกมา“คำขอบคุณไม่ต้องหรอกครับ เป็นเรื่องที่ควรทำ แต่ว่าคุณไม่ได้ผ่าตัด เพราะว่าไม่คิดจะเอาออกแล้วใช่ไหมครับ?”
“เปล่าค่ะ สองวันนี้ทางโรงพยาบาลมีการผ่าตัด ดังนั้นการผ่าตัดของฉันจึงวางแผนไว้หลังจากนั้นอีกสองวัน”มายมิ้นท์จัดการกับเอกสารไปด้วย ตอบคำถามไปด้วย
ทามทอยเข้าใจในทันที“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ผมก็คิดว่าคุณจะไม่เอาออกซ่ะอีก”
“แน่นอนว่าไม่ค่ะ ฉันตัดสินใจอย่างหนักแน่นแล้วค่ะ”มายมิ้นท์พูดขึ้น
ริมฝีปากของทามทอยขยับเล็กน้อย ราวกับว่ามีอะไรที่ยากที่จะพูดออกมา อีกไม่กี่วินาทีต่อมาก็ถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า“เพื่อนของผมคนนั้น ทราบไหมว่าคุณวางแผนที่จะเอาเด็กออก?”
ในมือของมายมิ้นท์ถือปากกาอยู่ ไม่นานก็กลับเข้าสู่สภาพเดิม พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า:“ฉันไม่ได้บอกเขา เพราะถึงยังไงเด็กก็อยู่ในท้องฉัน ตามกฎหมายของประเทศฉัน ฉันมีอำนาจที่จะเอาเด็กออก”
“ผมรู้ แต่อย่างน้อยก็ควรที่จะให้เขารับผิดชอบบ้าง?”ทามทอยขมวดคิ้ว
มายมิ้นท์พลิกเอกสารหนึ่งหน้า“ไม่จำเป็นค่ะ เรื่องของค่ำคืนนั้น เป็นความผิดของฉันกับเขาสองคน ไม่ใช่ความผิดของเขาคนเดียว ดังนั้นฉันไม่ต้องการให้เขารับผิดชอบ พอได้แล้ว ยังมีเรื่องอื่นอีกไหมคะ?ถ้าไม่มีอะไรฉันขอวางสายก่อนนะคะ ฉันยุ่งมากเลยค่ะ”
เมื่อเห็นว่าเธอไม่อยากพูดอย่างเห็นได้ชัด ทามทอยจะทำยังไงได้ล่ะ ทำได้เพียงจบการสนทนาลง
เขาวางโทรศัพท์ลงจับที่ศีรษะ สีหน้าเต็มไปด้วยหงุดหงิด
อะไรเรียกว่าเป็นความผิดของคนทั้งสองคน กล้องวงจรปิดในวันนั้นเขาดูแล้ว คนที่เมาคือมายมิ้นท์คนเดียว ส่วนเปปเปอร์นั้นไม่ได้เมา ปกติทุกอย่าง
ในสถานการณ์แบบนั้น เปปเปอร์กับมายมิ้นท์กลับทำให้เกิดเรื่องเช่นนั้น แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคนที่ผิดคือเปปเปอร์ เพราะว่ามายมิ้นท์ดื่มจนเมาแล้ว คงจะทำอะไรเปปเปอร์ไม่ได้อย่างแน่นอน แม้ว่าคิดอยากจะทำอะไรเปปเปอร์ เปปเปอร์เป็นผู้ชาย จะผลักออกไม่ได้เชียวเหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...