“พี่ พี่ครับ?” เมื่อเห็นว่ามายมิ้นท์เหม่อลอย ราเม็งจึงได้ยกมือขึ้นโบกไปมาต่อหน้าเธอ
สายตาของมายมิ้นท์ขยับเขยื้อนเล็กน้อยและได้สติกลับคืนมา เธอเผยอริมฝีปากเอ่ยถามว่า “หืม มีอะไรเหรอ?”
“เมื่อสักครู่พี่คิดอะไรอยู่?” ราเม็งมองไปทางเธอแล้วถามขึ้น
มายมิ้นท์อ้าปาก จากนั้นจึงยิ้มแล้วตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอก เข้าไปข้างในกันเถอะฉันหิวแล้ว”
“ครับ” ราเม็งพยักหน้าตอบรับ
มายมิ้นท์ก้าวขาเดินเข้าไปด้านใน
“รอแป๊บหนึ่งครับ” ราเม็งเรียกเธอให้หยุดลง
มายมิ้นท์กะพริบตามองเขาด้วยสายตางุนงง “มีอะไรเหรอ?”
ราเม็งยกแขนขึ้นเล็กน้อย “ควงแขนผมเข้าไปเถอะ”
มายมิ้นท์เห็นดังนั้นก็อดจะหัวเราะไม่ได้ “ก็ได้ พ่อรูปหล่อของฉัน”
ใบหน้าของราเม็งแดงเรื่อเล็กน้อย จากนั้นพาเธอเดินเข้าไปด้านในภัตตาคาร
จากการนำทางของบริกร ทั้งสองคนจึงได้เดินมานั่งลงตรงที่ซึ่งจองเอาไว้
ทันใดที่นั่งลง มายมิ้นท์ก็ได้ยินเสียงกัดฟันกรอดดังขึ้นจากโต๊ะด้านข้าง “มายมิ้นท์!”
มายมิ้นท์เลิกคิ้วแล้วเงยหน้าไปมอง พบว่าส้มเปรี้ยวกำลังจ้องตนด้วยสายตาอาฆาตแค้น เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าโลกนี้ช่างเล็กเหลือเกิน
“พี่ครับ เราเปลี่ยนร้านดีไหม?” ราเม็งคิดไม่ถึงว่าส้มเปรี้ยวจะอยู่ที่ภัตตาคารนี้ด้วย สีหน้าเขาดูเยือกเย็นลงทันใด
มายมิ้นท์ส่ายหน้า “ไม่จำเป็นหรอก ที่นี่แหละ ทำไมถ้าเราเจอคนที่ไม่ชอบหน้าแล้วเราต้องเป็นคนเดินหนีล่ะ?”
“แต่ผมกังวลว่าพี่จะทานอาหารไม่ลง” ราเม็งถอนหายใจออกมา
มายมิ้นท์ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่หรอกน่า คนที่กินอาหารไม่ลงไม่ใช่ฉันหรอก”
เมื่อพูดจบเธอก็ชายตาไปมองส้มเปรี้ยวเบาๆ
มือของส้มเปรี้ยวทั้งสองข้างจับส้อมและมีด เธอหั่นลงไปที่จานจนเกิดเสียง ราวกับว่าจานนั้นคือมายมิ้นท์ เธอเอาแต่ระบายอารมณ์ในใจออกมาเช่นนี้ จะไปมีกะจิตกะใจที่ไหนนั่งรับประทานอาหารเล่า?
ราเม็งจึงได้เข้าใจว่าการที่มายมิ้นท์ไม่ย้ายภัตตาคาร คงเป็นเพราะต้องการอยู่ต่อให้สะใจ เขาจึงไม่ได้ชักชวนที่จะย้ายร้านอีก แต่กลับนั่งลงอีกครั้ง
ขณะนั้นเองเปปเปอร์ก็เดินกลับมา เมื่อเขาเห็นว่าส้มเปรี้ยวนั่งอยู่ด้านข้างก็ได้แต่ตกตะลึง
ส้มเปรี้ยวอยู่ที่นี่ได้ยังไง!
อีกทั้งข้างกายเธอยังมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง
ครั้งที่แล้วคือทามทอย ครั้งนี้คือราเม็ง ครั้งหน้าคงจะเป็นลาเต้ใช่ไหม?
สต๊อกผู้ชายของเธอไม่เคยขาดเลยจริงๆ!
ใบหน้าของเปปเปอร์ดูเยือกเย็นลงเล็กน้อย เขาลากเก้าอี้ตรงข้ามส้มเปรี้ยวแล้วทำท่าทางจะนั่งลง
“เปปเปอร์คะโทรศัพท์เสร็จแล้วเหรอ?” ส้มเปรี้ยววางส้อมกับมีดในมือลงแล้วลุกขึ้น ตั้งใจจะขยับเก้าอี้ให้เขา
แต่กลับถูกเปปเปอร์ปฏิเสธเสียก่อน เขาวางไม้ค้ำยันเอาไว้ด้านข้างจากนั้นพยุงตัวเองนั่งลง
มือของส้มเปรี้ยวค้างอยู่กลางอากาศแข็งทื่อ ใบหน้าของเธอดูเขินเล็กน้อย
แต่ในไม่ช้าเธอก็แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและวางมือลงอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนจะกลับไปยังที่นั่งของตนเอง
ท่าทางของเปปเปอร์ที่มีต่อเธอช่างเยือกเย็นเหลือเกิน
เดิมทีเธอคิดว่าการที่เขาตอบรับเป็นเพราะเขายินดีที่จะคืนดีกับเธอ คิดไม่ถึงว่าเธอคิดมากไปคนเดียว
ที่โต๊ะด้านข้าง เมื่อมายมิ้นท์เห็นเปปเปอร์ปรากฏตัวขึ้น เธอก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด
เพราะส้มเปรี้ยวก็อยู่ที่นี่ด้วย การที่มีเขาอยู่ก็ไม่น่าแปลก
มายมิ้นท์ไม่คิดจะเข้าไปทักทายเปปเปอร์ เธอนั่งดื่มน้ำเงียบๆ ตรงโต๊ะของตนเอง
แต่ราเม็งชายตามองดูเปปเปอร์เล็กน้อย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอิจฉา และน้อยเนื้อต่ำใจต่อตนเอง
ใช่แล้ว ทั้งอิจฉาและน้อยเนื้อต่ำใจ
แม้ว่าเขาจะเป็นนายแบบ มีทั้งชื่อเสียงและเงินทอง ไม่มีเหตุผลใดจะต้องไปอิจฉาเปปเปอร์ ต่อให้เปปเปอร์มีเงินมากกว่าเขาก็ตาม
“เรื่องนั้นเขาคงเดาไปเอง” เปปเปอร์จิบน้ำแล้วพูดขัดจังหวะเธอ
ส้มเปรี้ยวชะงักลงเล็กน้อย
ในเมื่อไม่ได้โกรธเธอเพราะในงานเลี้ยงที่เธอทำร้ายมายมิ้นท์ แล้วเป็นเพราะอะไรกัน? ทำไมอยู่ๆ เขาจึงได้ทำตัวเยือกเย็นกับเธอ
หรือว่าสิ่งที่เธอทำเหล่านั้นถูกเขาค้นพบเข้าให้แล้ว?
แต่ก็ไม่น่าใช่ ถ้าเขาพบอะไรเข้าจริงๆ ก็ควรจะคิดบัญชีกับเธอก่อนหน้านี้แล้ว ทำไมถึงอดทนมาได้ถึงตอนนี้ละ?
ส้มเปรี้ยวกัดริมฝีปากของตนเอง ในใจเธอรู้สึกกระสับกระส่าย “เปปเปอร์คะ คุณพูดกับฉันสิว่าฉันทำผิดอะไรกันแน่ การที่คุณไม่พูดอะไรกับฉันเลยแบบนี้ฉันกลัวนะคะ”
เมื่อพูดจบดวงตาของเธอก็แดงเรื่อ
จู่ๆ ดวงใจของเปปเปอร์ก็ตึงเครียดและความรู้สึกปวดใจอย่างไม่อาจควบคุมได้ เขาเหมือนจะเข้าไปปลอบโยนเธอ
แต่ในใจของเขาก็รู้อยู่อย่างชัดเจนว่า เขาไม่ได้รักเธอ และไม่อยากเข้าไปปลอบโยนเธอเลย แต่ไม่รู้ว่าทำไมในสมองของเขาจึงได้สั่งการให้รีบทำแบบนั้น
เปปเปอร์กำมือแน่น เขาไม่อยากจะทำเช่นนั้นอีก
แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือ หัวใจของเขาอยู่ๆ ก็เจ็บปวดขึ้นมาราวกับมีเข็มทิ่มแทงไม่หยุดหย่อน มันเจ็บเสียจนแทบหายใจไม่ออก หน้าของเขาขาวซีดในทันควัน
วินาทีต่อมาจู่ๆ เขาก็ฟุบลงไปบนโต๊ะ แก้วน้ำถูกมือของเขาชนจนหมุนและตกลงไปบนพื้นแตกกระจาย
เสียงของแก้วแตกที่ดังกระจายไปทั่วทำให้สายตาของคนที่อยู่ในภัตตาคารหันมามองเขา
มายมิ้นท์ขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วมองไปทางเปปเปอร์อย่างสงสัย
เขาเป็นอะไรไป?
“เปปเปอร์ คุณเป็นอะไรคะ?” ส้มเปรี้ยวลุกขึ้นแล้วเดินมาดูอาการของเขาในทันควัน
ผู้จัดการร้านก็รีบเดินตรงเข้ามาแล้วเอ่ยถามว่า “เกิดอะไรขึ้นครับ?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ อยู่ๆ คู่หมั้นของฉันก็เป็นแบบนี้” ดวงตาของส้มเปรี้ยวน้ำตาคลอแทบจะหลั่งไหลออกมา
ราเม็งกุมมือตนเองเอาไว้แล้วกล่าวว่า “พี่ครับ ไม่ใช่ว่าเขามีโรคประจำตัวและเกิดกำเริบขึ้นเหรอครับ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...