“ผมทำไม่ได้ ผมรับปากเขาไว้แล้ว” ชายหนุ่มสงบนิ่งได้อย่างรวดเร็ว กำจัดความสับสนในใจ ส่ายหน้าปฏิเสธ
ความโกรธของเปปเปอร์พุ่งขึ้นมาในใจอีกครั้ง คำรามโดยกำหมัดเอาไว้แน่น “ทำไม่ได้? นี่มันเป็นเรื่องระหว่างพวกคุณกับส้มเปรี้ยว ไม่เกี่ยวกับผม ในเมื่อคนสำคัญที่สุดของคุณคนนั้นรักส้มเปรี้ยวขนาดนั้น ทำไมคุณไม่ไปสะกดจิตส้มเปรี้ยว ให้พวกเขาสองรักใคร่ซึ่งกันและกัน ทำไมต้องให้ผมมารับผิดชอบต่อความรักของเขาด้วย!”
เปลือกตาชายหนุ่มมองต่ำลง ในแววตาที่ไม่ค่อยมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงคู่นั้น กลับมีความโศกเศร้าประกายขึ้นมาเล็กน้อย “มันสายเกินไปแล้ว……”
“หมายความว่าอย่างไร?”
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบ แต่ก้าวขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ยกมือขึ้นมา ภายใต้การระวังตัวของเปปเปอร์กับผู้ช่วยเหมันต์ ดีดนิ้วเสียงดังครั้งหนึ่ง
แต๊ะ!
ได้ยินเสียงดีดนิ้วดังขึ้น รูม่านตาเปปเปอร์เมินเฉยต่อสิ่งรอบข้างในทันที ในสมองก็เริ่มว่างเปล่าขึ้นมาอีกครั้ง
แม้แต่ผู้ช่วยเหมันตร์ที่อยู่ในรถด้านหลังเขา สีหน้าท่าทางก็งุงงงขึ้นมา
หลังจากที่พวกเขากลับมาเป็นปกติแล้ว ผู้ชายคนนั้นก็ไม่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าจากไปเมื่อไหร่
“ประธานเปปเปอร์!” ผู้ช่วยเหมันตร์รีบหยิบร่มคันหนึ่งแล้วลงจากรถไป วิ่งไปข้างกายเปปเปอร์ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น? ผู้ชายคนนั้นเป็นใครกัน?”
เปปเปอร์ไม่ได้ตอบ กลับขึ้นรถด้วยแววตาไม่ชัดเจน
ผู้ช่วยเหมันตร์หยิบผ้าเช็ดตัวออกจากกล่องเก็บของในรถแล้วส่งไปให้ “ประธานเปปเปอร์ เช็ดน้ำบนตัวครับ”
เปปเปอร์รับเอาผ้าเช็ดหน้ามา วางเอาไว้บนหัว พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง: “คนคนนั้น ก็คือคนที่สะกดจิตพวกเรา”
“อะไรนะครับ?” ผู้ช่วยเหมันตร์หัวโขกกับหลังคารถ เจ็บจนร้องซี๊ดออกมา
แต่ว่าเขาไม่มีเวลาสนใจพวกนี้ กำพวงมาลัยเอาไว้แน่นแล้วถามว่า “ประธานเปปเปอร์ นี่เราถูกสะกดจิตจริงๆเหรอ?”
“ใช่” เปปเปอร์วางผ้าขนหนูเอาไว้บนหน้า มองไม่เห็นสีหน้าของเขา
ผู้ช่วยเหมันตร์รู้สึกแค่ขนลุกซู่ไปทั้งตัว “แต่ว่าเราถูกสะกดจิตเมื่อไหร่กัน?”
ใต้ผ้าขนหนู ขนตาเปปเปอร์สั่นสะท้าน
คำถามข้อนี้ เขาก็อยากจะรู้เหมือนกัน
เขาไม่เคยเห็นผู้ชายคนนั้นมาก่อน แต่กลับถูกผู้ชายคนนั้นสะกดจิตได้
แค่คิดก็รู้แล้ว ว่าผู้ชายคนนั้นน่ากลัวขนาดไหน
“ประธานเปปเปอร์ ทำไมเราต้องถูกเขาสะกดจิตด้วย?” ผู้ช่วยเหมันตร์ขึ้นถามอีกโดยการหายใจที่เร็วกว่าปกติ
เปปเปอร์เอาผ้าขนหนูลง “อย่าถามอีกเลย สืบหาตัวตนของผู้ชายคนนั้น และคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเขา”
เขาต้องการรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันแน่
แล้วผู้ชายที่หลงรักส้มเปรี้ยวเป็นใคร!
“ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
ไม่ต้องให้ประธานเปปเปอร์เตือนสติ เขาก็ตรวจสอบอยู่แล้ว
คนแบบนี้ ไม่เพียงสะกดจิตประธานเปปเปอร์เท่านั้น ยังสะกดจิตเขาด้วย ให้อภัยไม่ได้จริงๆ!
“ขับรถไปบ้านตระกูลภักดีพิศุทธิ์ต่อ” เปปเปอร์ออกคำสั่ง
ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบรับคำหนึ่ง สตาร์ทเครื่องรถขึ้นมาใหม่
ไม่ช้า ก็ถึงบ้านตระกูลภักดิ์ดีพิศุทธิ์
เปปเปอร์ยืนกดกริ่งอยู่หน้าประตู
คนรับใช้มาเปิดประตูให้ เห็นเปปเปอร์ที่ตัวเปียกโชกไปทั้งตัว ก็ตกใจกะทันหัน “ไอ้หยา คุณเปปเปอร์ นี่คุณเป็นอะไรไปค่ะ?”
เปปเปอร์ยังคงไม่สนใจเช่นเดิม เดินผ่านเธอแล้วเข้าประตูไป สถานที่ที่เดินผ่าน ทิ้งรอยน้ำเอาไว้เป็นแอ่งๆ
มาถึงห้องรับแขก คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์กำลังจัดดอกไม้อยู่ เงยหน้าขึ้นมามอง ถามด้วยความประหลาดใจ: “เปปเปอร์ คุณมาได้อย่างไรเนี่ย อีกอย่างแล้วนี่คุณ……”
“ส้มเปรี้ยวล่ะ?” เปปเปอร์ขัดจังหวะคำพูดของเธอโดยตรง
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์รู้สึกได้ว่าท่าทีของเขาผิดปกติไปเล็กน้อย ท่าทางดูเหมือนจะโกรธมาก ถามขึ้นมาอย่างหยั่งเชิง “ส้มเปรี้ยวอยู่ในห้อง พวกคุณทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ?”
“เรียกเธอลงมา!” เปปเปอร์ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
แต่แล้ววินาทีต่อมา คำพูดของเปปเปอร์ ทำลายความหวังของเธออย่างสิ้นเชิง
“ส้มเปรี้ยว ทำไมคุณต้องแอบอ้างตัวว่าเป็นมายมิ้นท์?” เปปเปอร์เค้นถามอย่างระงับความต้องการจะฆ่าเอาไว้
โครม!
ส้มเปรี้ยวรู้สึกถึงเพียงเสียงฟ้าร้องดังสนั่นลั่น ผ่าลงมาในสมองของเธอ ผ่าจนเธอตัวแข็งทื่อไปทั้งตัว มือเท้าเย็นเฉียบ นานพักใหญ่กว่าจะส่งเสียงออกมา “เปป……เปปเปอร์ คุณกำลังพูดอะไรอยู่ แอบอ้างตัวเป็นมายมิ้นอะไร ฉัน……ทำไมฉันถึงฟังไม่รู้เรื่องเลย?”
เขารู้แล้ว ไม่นึกเลยว่าเขาจะรู้แล้ว!
“ใช่เปปเปอร์ คุณหมายความว่าอย่างไรกันแน่?” คุณนายตระกูลภักดีพิสุทธิ์เองก็มึนงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน
เปปเปอร์ไม่ได้สนใจคุณนายตระกูลภักดีพิสุทธิ์ เพียงแต่จ้องมองส้มเปรี้ยวเอาไว้ ความเยือกเย็นในดวงตา ราวกับมันจะหลอมตัวกลายเป็นมีดที่เป็นรูปธรรม ตัดเธอออกมาเป็นชิ้นๆ
“ถึงตอนนี้คุณยังไม่ยอมรับอีก ในเมื่อผมมาถึงที่นี่แล้ว ก็แสดงว่าผมมีหลักฐาน หกปีก่อน คุณแอบอ้างตัวว่าเป็นมายมิ้นท์มาพบกับผม บอกว่าคุณเป็นเพื่อนทางจดหมายของผม ตั้งแต่ตอนนั้น ผมก็รักคุณ เอาใจคุณมาตลอด เพื่อคุณแล้ว ผมเฉยเมยเย็นชากับมายมิ้นท์สุดขีด เพื่อคุณแล้วกระทั่งทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานอย่างที่สุด ส้มเปรี้ยว ในตอนที่มายมิ้นท์ถูกผมปฏิบัติด้วยแบบนั้น คุณคงมีความสุขมากล่ะสิ?”
เสียงเปปเปอร์ฟังดูนุ่มนวลและสงบนิ่งมาก แต่ภายใต้ความสงบนิ่งนี้ กลับเก็บซ่อนความหนาวเย็นและพายุโหมกระหน่ำไม่มีที่สิ้นสุดเอาไว้
เธอจะไม่ดีใจได้อย่างไรกัน ตัวปลอมคนหนึ่งมาแทนที่ตัวจริง เห็นตัวจริงถูกทิ้งราวกับรองเท้าเก่าๆ เธอคงดีใจจนแทบบ้า?
รูม่านตาของส้มเปรี้ยวหดเล็กลงเท่าขนาดหัวเข็ม หน้าซีดขาวไปหมด
ผ่านไปไม่กี่วินาที จู่ๆเธอก็ร้องไห้แล้วก็ส่ายหน้า “ไม่ใช่นะ เปปเปอร์ ไม่ใช่แบบนั้นนะ ฉันไม่ได้แอบอ้างว่าเป็นมายมิ้นท์ ฉันก็คือต้นไผ่”
เปปเปอร์มองดูการแสดงของเธออย่างเย็นชา ในสายตาแฝงไปด้วยการเยาะเย้ย
หลังจากที่เขาบอกว่ามีหลักฐานที่แสดงว่าเธอไม่ใช่เพื่อนทางจดหมายแล้ว เธอกลับยังเล่นลิ้นเถียงข้างๆคูๆอยู่
เห็นได้ว่าธาตุแท้ในใจไม่ได้แค่เข้มแข็งเหมือนคนปกติธรรมดาทั่วไป
คนแบบนี้ จะแยกหลายบุคลิกภาพเพราะถูกกระตุ้นไหม?
เปปเปอร์รู้สึกสงสัยเล็กน้อย
“ในเมื่อคุณบอกว่าคุณคือต้นไผ่ ถ้างั้นคุณอาศัยอยู่ที่เขตนิวเทาน์ริเวอร์เหรอ? คุณเคยเลี้ยงสุนัขเหรอ? คุณมีแม่เลี้ยงน้องสาวเหรอ?” เปปเปอร์ก้าวเท้าเข้าใกล้เธอ ทุกครั้งที่ก้าวเท้าหนึ่งก้าว ก็จะถามคำถามเธอหนึ่งข้อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...