มายมิ้นท์พยักหน้าเล็กน้อย “มีอยู่บ้างจริง ๆ”
“เอาล่ะยาหยี ในเมื่อเด็กคนนั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว คุณก็อย่าเอามาใส่ใจเลยนะ” ลาเต้ตบไหล่เธอเล็กเบา ๆ
มายมิ้นท์ตอบอืมไปคำหนึ่ง “ฉันรู้แล้ว ไปกันเถอะ ไปที่โรงพยาบาล”
ลาเต้ขมวดคิ้วขึ้นมา “นี่คุณจะไปเยี่ยมเปปเปอร์เลยเหรอ?”
“ฉันกลับมาแล้ว ก็ต้องไปดูแลเขานะซิ มีอะไรผิดปกติเหรอ?” มายมิ้นท์จ้องมองไปที่เขา
ลาเต้เบ้ปากเล็กน้อย “มันก็ไม่ใช่ เพียงแต่ว่าคุณยังไม่ได้กลับไปพักผ่อนสักหน่อยเลย ก็จะรีบไปดูเขาแล้ว นี่มันก็ให้ความสนใจเขามากเกินไปหรือเปล่า”
“ฉันพูดแล้ว ฉันไม่สนใจ ฉันก็แค่จะตอบแทนเขาเท่านั้น เอาล่ะ อย่ามัวแต่พูดไร้สาระเลย ตั้งใจขับรถไปเถอะ” มายมิ้นท์หลับตาลง แล้วก็ไม่สนใจเขาอีก
หางตาของลาเต้เหล่มองไปที่ใบหน้าเธอ ดวงตามืดมนลง แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
ไม่นาน ก็มาถึงโรงพยาบาลนิวเวอร์
มายมิ้นท์ลืมตาขึ้นมาแล้วลงจากรถไป แล้วเอากระเป๋าเดินทางของตัวเองออกมาจากกระโปรงหลังรถ จากนั้นก็ยืนอยู่ข้างทางจ้องมองไปที่ลาเต้ที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ “ลาก่อน”
“ไม่ต้องให้ผมอยู่รอคุณจริง ๆ เหรอ? เดี๋ยวผมจะได้ส่งคุณกลับไปที่คอนโดพราวฟ้าไง” มือของลาเต้วางพาดอยู่บนกระจกหน้าต่าง
มายมิ้นท์ส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่ต้องหรอก ฉันเองก็รู้ว่าจะกลับเมื่อไหร่ คงจะให้นายมานั่งรอเฉย ๆ ไม่ได้หรอก นายรีบกลับไปเถอะ”
“ก็ได้” ลาเต้ยักไหล่เล็กน้อย แล้วก็ปิดกระจกหน้าต่างรถลง
แล้วจู่ ๆ เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้อีก กระจกหน้าต่างที่ปิดไปครึ่งหนึ่งแล้ว ก็ลดลงมาอีกครั้ง จากนั้นก็ตะโกนไปทางแผ่นหลังของมายมิ้นท์ที่หันหลังเดินเข้าไปทางโรงพยาบาลขึ้นว่า “ยาหยีรอก่อน”
“อะไรเหรอ?” มายมิ้นท์หยุดฝีเท้าลงแล้วหันหน้ากลับมา
ลาเต้เปิดปากพูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ที่แม่ผมบอกว่า ถ้าคุณว่างก็ให้คุณไปพบท่านหน่อย คุณยังจำได้ไหม?”
มายมิ้นท์พยักหน้า “จำได้ซิ แต่ว่าตอนนั้นดวงตาของฉันยังมาหายดี เพราะฉะนั้นจึงกะว่ารอให้หายดีแล้ว ถึงจะไปพบคุณป้า”
“ตอนนี้ดวงตาคุณก็หายแล้ว งั้นคุณกะว่าจะไปเมื่อไหร่ล่ะ?” ลาเต้ถามขึ้นมา
มายมิ้นท์เอียงหัวครุ่นคิดเล็กน้อย “พรุ่งนี้มั้ง เดี๋ยวคืนพรุ่งนี้ฉันจะไปสักเที่ยว”
“ได้” ลาเต้ทำสัญญาลักษณ์มือโอเคขึ้นมาอันหนึ่ง “งั้นเดี๋ยวผมกลับไปจะบอกกับแม่ผมสักหน่อยนะ”
“ได้ รบกวนนายด้วยนะเต้” มายมิ้นท์ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
ลาเต้โบกมือเล็กน้อย “เรื่องเล็กน่ะ ผมไปก่อนนะ คุณก็ไม่ต้องอยู่โรงพยาบาลนานล่ะ อยู่เป็นเพื่อนเปปเปอร์สักพักก็รีบกลับไปได้แล้ว”
“อืม” มายมิ้นท์พยักหน้าขึ้น
ลาเต้ปิดกระจกหน้าต่างรถลง แล้วก็ขับรถจากไปเลย
มายมิ้นท์ยืนอยู่ข้างทาง จ้องมองรถของจากค่อย ๆ จากไปไกล จนกระทั่งหายวับไป ถึงได้หมุนตัวไป แล้วค่อยเดินไปที่ประตูใหญ่ของโรงพยาบาลอีกครั้ง
พอเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ ก็พบกับการันต์ที่กำลังพาคนไข้คนหนึ่งเดินไปอีกทางหนึ่งเข้า
การันต์เองก็เห็นมายมิ้นท์เข้าแล้วเหมือนกัน แล้วก็พูดกับคนไข้ขึ้นมาประโยคหนึ่ง แล้วก็ก้าวเท้าเดินไปทางมายมิ้นท์ “โอ้โห กลับมาแล้วเหรอ?”
“กลับมาแล้วค่ะ” มายมิ้นท์ยิ้มแล้วก็พูดขึ้นมาประโยคหนึ่ง
มือทั้งคู่ของการันต์ซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อกาวตัวใหญ่ “หลังเป็นยังไงบ้าง?”
“ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ ไม่ได้แค่ขยับก็ปวดแล้ว” มายมิ้นท์เอามือลูบไปที่แผ่นหลังเล็กน้อย
“งั้นก็ดีแล้ว” การันต์พยักหน้าขึ้นอย่างพึงพอใจ จากนั้นก็ถามขึ้นอีกว่า “จะไปดูเปปเปอร์เหรอ?”
“ใช่ค่ะ ไม่งั้นฉันก็ไม่มาแล้วล่ะ” มายมิ้นท์พยักหน้าขึ้น
การันต์แตะแว่นเล็กน้อย “งั้นคุณก็ไปเถอะ ตอนนี้เขาน่าจะเพิ่งตรวจร่างกายเสร็จ คงยังไม่ได้นอนหรอก”
“ได้ งั้นฉันไปก่อนนะคะ” มายมิ้นท์โบกมือให้เล็กน้อย แล้วก็ลากกระเป๋าเดินทางเดินไปทางลิฟต์
พอการันต์เห็นเธอไปแล้ว ก็กลับมาที่ข้างกายผู้ป่วยเหมือนกัน
ผู้ป่วยเป็นชายชราอายุเจ็ดสิบกว่าคนหนึ่ง แล้วก็เป็นคนไข้ประจำของการันต์อยู่แล้ว ถือได้ว่าค่อนข้างสนิทสนมกับการันต์ พอเห็นการันต์กลับมาแล้ว ก็ยิ้มแล้วก็ถามขึ้นว่า “คุณหมอการันต์ คนนั้นเป็นแฟนคุณเหรอ?”
“ไม่ใช่ครับ” การันต์ส่ายหน้าขึ้นมา
ชายชรายังไม่ตายใจ “งั้นก็เป็นหญิงสาวที่ชอบใช่ไหม?”
การันต์หัวเราะขึ้นมาเลย “ก็ไม่ใช่อยู่ดี เป็นผู้มีพระคุณครับ”
เขาเป็นตัวประหลาดตัวหนึ่ง จะไปเข้าใจว่าอะไรคือความรักได้ยังไง!
แล้วถึงจะรู้ ก็ไม่มีทางที่จะตกหลุมรักใครได้แน่
ความรักสำหรับเขาแล้ว มันก็เป็นแค่ภาระอย่างหนึ่ง
……
มายมิ้นท์มาถึงหน้าห้องพักผู้ป่วยของเปปเปอร์ ประตูนั้นปิดอยู่ เธอยกมือขึ้นมาเคาะประตูเล็กน้อย
เขาชี้ไปที่ที่นั่งที่ผู้ช่วยเหมันตร์นั่งอยู่เมื่อกี้
มายมิ้นท์เดินไปนั่งลง แล้วอยู่ ๆ ท้องก็ร้องจ๊อก ๆ ขึ้นมา
สีหน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นมาทันที แล้วก็รีบกุมท้องไว้ “คือว่า……”
“คุณยังไม่ได้กินข้าวมาเหรอ?” เปปเปอร์ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
เรียวปากของมายมิ้นท์อ้าออกเล็กน้อย สุดท้ายก็พยักหน้ายอมรับขึ้นมา “ค่ะ มันแต่รีบเดินทาง ก็เลยไม่ทันได้กินค่ะ”
ช่างขายหน้าจริง ๆ
เธอเพิ่งมาถึงที่นี่ ท้องก็ร้องขึ้นมาอย่างไม่ไว้หน้า นี่มันช่างเป็นเรื่องตลกสำหรับคนอื่นจริง ๆ
พอได้ยินมายมิ้นท์บอกว่าตัวเองยังไม่ได้กินข้าว เรียวปากของเปปเปอร์ก็เม้มเข้าหากันแน่นเป็นเส้นตรง บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ตอนนี้มันบ่ายสองโมงแล้วนะ นี่เธอยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงอีกเหรอ!
ลาเต้ดูแลเธอแบบนี้เหรอ?
เปปเปอร์ไม่ได้พูดอะไร แล้วก็เอาโทรศัพท์ออกมา แล้วต่อสายถึงเบอร์ของผู้ช่วยเหมันตร์เลย “เหมันตร์ ไปซื้ออาหารกลางวันขึ้นมาชุดหนึ่ง”
พอมายมิ้นท์ได้ยินคำพูดนี้ ก็รีบยื่นมือไปห้ามปราม “ประธานเปปเปอร์ ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันออกไปกินก็พอแล้ว”
เปปเปอร์ไม่ได้สนใจเธอ แล้วก็พูดกับอีกฝั่งของสายขึ้นว่า “ต้องเร็วนะ”
พอพูดจบ เขาก็โทรศัพท์ลง แล้วถึงหันสายตามาที่ตัวเธอ “รอก่อนนะ เดี๋ยวก็จะได้กินข้าวแล้ว”
“……” เรียวปากของมายมิ้นท์ขยับเล็กน้อย เหมือนกับว่าอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรออกมาสักอย่าง และกล้ำกลืนคำพูดลงไป
เธอรู้สึกเกรงใจมากจริง ๆ
ทั้ง ๆ ที่เธอจะมาดูแลเขาแท้ ๆ แต่ปรากฏว่าคนยังไม่ทันได้ดูแล แต่กลับต้องให้เขามาเป็นห่วงเธออีก
เธอรู้สึกว่าตัวเองช่างไม่มืออาชีพเลย
เหมือนกับว่าจะมองออกถึงความกังวลของหญิงสาว เปปเปอร์จึงยกมือขึ้นมา อยากจะไปแตะผมของเธอเป็นการปลอบโยนเธอสักหน่อย
แต่พอยกมือขึ้นมาได้นิดหน่อยแล้ว เขาก็วางกลับลงไปอีก และขยับเรียวปากพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “อย่าคิดมากเลย ตอนนี้คุณเป็นพยาบาลพิเศษชั่วคราวของฉัน เพราะฉะนั้นสั่งของให้คุณกิน มันก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว ถ้าหากคุณไม่ได้กินข้าว แล้วจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาดูแลผมล่ะ?”
มายมิ้นท์กัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย สุดท้ายจู่ ๆ ก็ยิ้มขึ้นมา “ฉันรู้สึกว่า คุณมักจะมีวิธีมาเกลี้ยกล่อมฉันได้เสมอเลยนะคะ”
“เพราะว่าผมเข้าใจคุณ ดังนั้นผมถึงรู้ว่าจะทำให้คุณหวั่นไหวได้ยังไง” เปปเปอร์จ้องมองเธอ แววตาดูจริงจังเป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...