ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงหน้าราว และหันหลังให้กับเขา
เปปเปอร์มองไม่เห็นใบหน้าของพวกเขา และไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกันอยู่
แต่พอเห็นว่าพวกเขาไม่ได้ยืนติดกัน ตรงกลางยังห่างกันประมาณยี่สิบถึงสามสิบเซนติเมตร ใบหน้าที่มืดมนถึงได้ดูดีขึ้นมาบ้าง
“ลาเต้มาตั้งแต่เมื่อไหร่?” เปปเปอร์ถามเสียงเย็นขึ้นมา
ผู้ช่วยเหมันตร์มองดูนาฬิกาเล็กน้อย “น่าจะประมาณสิบกว่านาทีแล้วครับ”
เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่ารับรู้แล้ว “นายมาหาฉันมีเรื่องอะไร?”
“ท่านย่าให้คุณไปพบท่านครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบกลับไป
เปปเปอร์ตอบอืมกลับไปคำหนึ่ง “เดี๋ยวฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ นายยืนอยู่ตรงนี้นะ เฝ้ามองพวกเขาเอาไว้ ขอแค่ลาเต้เข้าไปใกล้มายมิ้นท์ นายก็รีบขึ้นไปแยกพวกเขาออกเลยนะ”
มุมปากของผู้ช่วยเหมันตร์กระตุกขึ้นเล็กน้อย
ประธานเปปเปอร์ คุณจะต้องปัญญาอ่อนขนาดนี้เลยเหรอ?
ถึงจะคิดไปแบบนี้ แต่ผู้ช่วยเหมันตร์กลับไม่กล้าพูดคำพูดพวกนี้ออกมา แล้วแตะแว่นเล็กน้อยแล้วก็ตอบรับขึ้นมา “ผมรู้แล้วครับ ประธานเปปเปอร์”
เปปเปอร์ก็มองไปที่มายมิ้นท์กับลาเต้อีกทีหนึ่ง แล้วถึงได้หมุนตัวไปหาท่านย่า
บนระเบียง
ลาเต้เขย่าแก้วเหล้าที่อยู่ในมือเล็กน้อย แล้วจ้องมองหญิงสาวที่หรี่ตาอยู่ ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่อยู่ข้าง ๆ ตัวเอง แล้วถามขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า “เป็นอะไรไป? มีเรื่องไม่สบายใจเหรอ? เมื่อกี้พูดกับคุณไปตั้งเยอะตั้งแยะ คุณก็ไม่ค่อยตอบเลย”
“ไม่สบายใจนิดหน่อย” มายมิ้นท์ชนแก้วกับเขาเล็กน้อย แล้วก็แหงนหน้าดื่มไวน์แดงไปแล้วพูดตอบกลับไป
ลาเต้หมุนตัวมา ข้อศอกแขนทั้งสองข้างวางพาดอยู่บนราวด้านหลัง “ตกลงเป็นอะไรไป?”
มายมิ้นท์จ้องมองไปข้างนอก “ก็ไม่ได้เป็นอะไร ก็แค่รู้สึกว่าบนโลกใบนี้ ไอ้เรื่องความรู้สึกนี้ มันเชื่อถือไม่ได้จริง ๆ”
พอได้ยินแบบนี้ ท่าทีของลาเต้ก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย “คุณพูดว่าเรื่องความรู้สึกเหรอ?”
“อืม” มายมิ้นท์พยักหน้า “ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกนายแล้วไงว่า เปปเปอร์บอกว่าอยากจะปล่อยมือ แต่มาคืนนี้เขากลับเปลี่ยนใจแล้ว บอกว่าจะรอฉัน ดังนั้นเต้ นายไม่รู้สึกว่า ความรักของเขา มันช่างน่าขำเกินไปเหรอ?”
บอกว่าจะยอมแพ้ก็จะยอมแพ้ บอกว่าจะเปลี่ยนใจก็จะเปลี่ยนใจ
นี่ตกลงคิดว่าเธอเป็นอะไรกัน?
ลาเต้กำแก้วเหล้าไว้แน่น สีหน้าและรอยยิ้มค่อนข้างแข็งทื่อ “ใช่มันช่างน่าขำ แล้วคุณล่ะ? คุณคิดยังไง?”
“ฉันเหรอ?”
“ใช่ คุณตอบตกลงกับเขาไปหรือเปล่า?”
มายมิ้นท์ดื่มเหล้าไปคำหนึ่ง “ฉันจะไปตอบตกลงกับเขาได้ยังไง ฉันไม่ได้รักเขาสักหน่อย ฉันก็แค่รู้สึกโกรธเท่านั้น มีความรู้สึกเหมือนโดนล้อเล่นอยู่”
“งั้นก็ดีมากเลย” ลาเต้โล่งใจขึ้นมาทันที
เธอยังไม่รู้สึกถึงความจริงที่เธอกลับมาตกหลุมรักเปปเปอร์อีกครั้งหนึ่ง
เขากลัวว่าในตอนที่เธอยังไม่รู้ตัวนั้น แล้วจู่ ๆ จะสังเกตเห็นจุดนี้ขึ้นมา
พอถึงตอนนั้น เขาก็จะไม่มีโอกาสแล้ว
“ดีมากเลยเหรอ?” พอมายมิ้นท์ได้ยินคำพูดของลาเต้ ก็รีบหมุนตัวมา แล้วจ้องมองเขาด้วยท่าทีแปลก ๆ “นี่นายจะบอกว่าฉันโดนล้อเล่นนี่เป็นเรื่องที่ดีเหรอ?”
ลาเต้รีบส่ายหัวและโบกมือขึ้นมา “ไม่ใช่ ไม่ใช่ ยาหยี ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ผมจะบอกว่า คุณไม่ได้ตอบตกลงกับเปปเปอร์ไปถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากเลย”
“จริงเหรอ?” มายมิ้นท์เหล่ตามองเขา
“จริงซิ” ลาเต้ชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว
มายมิ้นท์เบ้ปากเล็กน้อย “เอาล่ะ ฉันจะพยายามเชื่อนายก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็รู้สึกว่าคำว่าดีมากเลยของนาย มันหมายถึงเรื่องอย่างอื่นอยู่ดี”
“จะเป็นไปได้ยังไงกัน” ลาเต้เบือนสายตาไปอย่างเลิ่กลั่ก “นอกจากผมจะดีใจที่คุณไม่ตอบตกลงเปปเปอร์แล้ว ยังจะไปมีความหมายอะไรได้อีก? ดังนั้นยาหยี คุณอย่าคิดมากเลยนะ”
เขาแหงนหน้าขึ้นมาดื่มเหล้าไปคำใหญ่
มายมิ้นท์เองก็รู้สึกว่าตัวเองสงสัยมากเกินไปแล้ว แล้วก็รวบรวมสายตากลับมา และก้มหน้าลงไปมองแก้วเหล้าของตัวเอง และไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
“งั้นผมไปแล้วนะ” ลาเต้ยกมือขึ้นมา อยากจะขยี้หัวเธอเล็กน้อย
พอผู้ช่วยเหมันตร์เห็นเข้า ก็รีบเปิดปากพูดขึ้นมา “คุณลาเต้ รีบไปเถอะครับ”
ลาเต้ถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ “ไม่ต้องให้คุณมาเตือนหรอก ยุ่งเรื่องไปทั่ว”
เขาลดมือที่เกือบจะแตะโดนหัวของมายมิ้นท์แล้วลงมา แล้วสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง และยกเท้าก้าวเดินออกไปจากระเบียง
พอเห็นเขาไปแล้ว ผู้ช่วยเหมันตร์ก็ค่อย ๆ พ่นลมหายใจออกมาทีหนึ่ง
ประธานเปปเปอร์ให้เขาเฝ้ามองคุณมายมิ้นท์กับลาเต้ไว้
แล้วขอแค่ลาเต้แตะเนื้อต้องตัวคุณมายมิ้นท์ ก็ให้เขามาแยกพวกเขาออกทันที
และตอนนี้ เขาทำได้แล้ว
“ผู้ช่วยเหมันตร์” มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าผู้ช่วยเหมันตร์กำลังคิดอะไรอยู่ แล้วเดินมาหยุดลงตรงหน้าเขา “ท่านย่าอยู่ที่ไหนคะ?”
“ถ้าคุณมายมิ้นท์จะไปหาท่านย่าละก็ ผมสามารถพาคุณไปได้ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์พูดขึ้นมา
มายมิ้นท์พยักหน้า “งั้นก็รบกวนคุณด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ เชิญครับ” แล้วก็ทำท่าเชิญขึ้นมาอันหนึ่ง
มายมิ้นท์ตามหลังเขาไป แล้วเดินไปทางฝั่งตรงข้ามกับที่ลาเต้จากไป
ตอนนี้ท่านย่ากำลังนั่งดื่มชาอยู่กับเปปเปอร์ที่ศาลาแห่งหนึ่ง
ท่านย่าจ้องมองหลานชายที่เพียบพร้อมตรงหน้า “ก่อนหน้านี้พิศมัยเกือบจะทำให้มิ้นท์หกล้ม พอแกช่วยมิ้นท์แล้ว ความร้อนใจที่มิ้นท์มีต่อแก แกมองเห็นหรือยัง?”
พอได้ยินคำพูดนี้ เปปเปอร์ก็วางแก้วน้ำชาลง หัวคิ้วก็ดูอ่อนโยนลง “อืม เห็นแล้วครับ”
“ตอนนี้มิ้นท์จิตใจหวั่นไหวกับแกใหม่แล้วใช่ไหม” ท่านย่าลูบคลำหัวมังกรของไม้เท้าไปแล้วพูดขึ้น “ฉันนึกมาตลอดว่า มิ้นท์จะลืมแกไปแล้วจริง ๆ แล้วก็ไม่มีทางจิตใจหวั่นไหวต่อแกอีก แต่คิดไม่ถึงว่าฉันจะมองผิดไป แต่สิ่งที่ฉันแปลกใจก็คือ ตกลงมิ้นท์จิตใจหวั่นไหวกับแกอีกครั้งได้ยังไง? ระหว่างนี้ คงจะเกิดเรื่องอะไรที่ยัยแก่อย่างฉันไม่รู้ขึ้นมาใช่ไหม? เมื่อเดือนที่แล้วตอนที่ฉันเจอกับมิ้นท์ มิ้นท์ยังรังเกียจแกมากอยู่เลยนี่ แต่มาตอนนี้กลับหวั่นไหวแล้ว ถ้าจะมาพูดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยัยแก่อย่างฉันไม่มีทางเชื่อหรอก”
“ท่านย่าสายตาดีจริง ๆ ครับ” เปปเปอร์ยกกาน้ำชาขึ้นมา แล้วเติมน้ำชาให้ท่าน “เดือนนี้ผมกับมายมิ้นท์มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นมาจริง ๆ แต่เรื่องอะไรนั้น ผมไม่คิดที่จะบอกท่านย่าหรอกครับ ผมอยากจะให้มันเป็นความลับอย่างหนึ่งที่จะปกปิดไปตลอด ท่านย่าแค่รับรู้ไว้ว่า มายมิ้นท์จิตใจหวั่นไหวกับผมใหม่ก็พอแล้วครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...