ในฐานะที่มายมิ้นท์เป็นโจทก์ในคดีของส้มเปรี้ยว ดังนั้นขอแค่เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวส้มเปรี้ยว ทางตำรวจก็จะมารายงานกับมายมิ้นท์ทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้ พอส้มเปรี้ยวฆ่าตัวตายขึ้นมา เขาก็เลยรีบติดต่อมายมิ้นท์มาทันที และบอกเรื่องนี้กับมายมิ้นท์
“ส้มเปรี้ยว…… ตายแล้ว……” มายมิ้นท์พึมพำเสียงต่ำขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ผู้ช่วยเหมันตร์เองก็อ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ไม่ใช่มั้ง ส้มเปรี้ยวฆ่าตัวตายไปแล้ว นี่มันช่างทำให้คน……”
เปปเปอร์คว้าขวับแย่งโทรศัพท์ไปจากมือมายมิ้นท์ “แล้วสาเหตุที่ส้มเปรี้ยวฆ่าตัวตายล่ะ?”
พอพลตำรวจภูทิศได้ยินเสียงของเปปเปอร์ ก็ตอบกลับมาตรง ๆ ว่า “ตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุครับ เพราะว่าส้มเปรี้ยวฆ่าตัวตายขึ้นมากะทันหัน ดังนั้นจึงไม่มีคนรู้ว่าเธอฆ่าตัวตายทำไม ข้อสมมติฐานเดียวในตอนนี้ ก็คือเธออาจจะต้องการหลบหนีจากการติดคุก เพราะว่าวันพรุ่งนี้ เป็นวันสุดท้ายของการฝากขังแล้ว แล้วก็เป็นวันที่ที่จะต้องโดนส่งตัวเข้าไปอยู่ในคุกแล้ว แต่……”
“แต่ความเป็นไปได้ของการคาดเดานี้มันไม่ได้สูงมากนัก” เปปเปอร์หรี่ตาพูดขึ้นมา
พลตำรวจภูทิศพยักหน้าขึ้นมาเล็กน้อย “ใช่ครับ ถ้าส้มเปรี้ยวจะหลบหนีการติดคุกด้วยการฆ่าตัวตายจริง ๆ เธอก็ไม่มีทางรอมาจนถึงตอนนี้แน่ ๆ คิดว่าคงจะฆ่าตัวตายไปตั้งแต่วันแรกที่ฝากขังแล้ว แต่ว่าตอนนี้พวกเราก็ได้แต่ใช้ข้อสมมติฐานนี้ไปก่อน สำหรับเหตุผลของการฆ่าตัวตายโดยรวมนั้น ทางตำรวจเราก็ยังคงตรวจสอบอยู่ครับ”
“ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวฉันจะรีบไปที่ที่เกิดเหตุเดี๋ยวนี้เลย” เปปเปอร์พูดจบ ก็กดวางสายไป แล้วก็เอาโทรศัพท์คืนให้กับมายมิ้นท์
มายมิ้นท์รับโทรศัพท์มาอย่างมึน ๆ งง ๆ “นี่ส้มเปรี้ยวหล่อน……ฆ่าตัวตายไปจริงเหรอคะ?”
เห็นได้ชัด ว่าเธอยังออกมาจากความตื่นตกใจไม่ได้เลย
เปปเปอร์ลูบหัวเธอเล็กน้อย “ใช่”
เรียวปากของมายมิ้นท์สั่นไหวเล็กน้อย แล้วก็ไม่พูดอะไร ในใจสับสนวุ่นวายไปหมด ทำยังไงก็ไม่มีทางสงบสติลงมาได้
ส้มเปรี้ยว……ตายไปแบบนี้จริง ๆ เหรอ!
มายมิ้นท์กัดริมฝีปากไป
เปปเปอร์เองก็ไม่ได้พูดอะไรแล้ว
พูดตามตรง เรื่องที่ส้มเปรี้ยวฆ่าตัวตาย เป็นเรื่องที่เขา หรือว่าใคร ๆ ต่างก็คาดคิดกันไม่ถึงเลย
ที่สำคัญ เขามักจะรู้สึกว่าเรื่องที่ส้มเปรี้ยวฆ่าตัวตายนั้นมันไม่ธรรมดาแน่
อย่างแรกคือเรื่องของเวลา อย่างที่สองคือเหตุผลของการฆ่าตัวตาย
พอเอาจุดน่าสงสัยทั้งสองจุดมารวมเข้าด้วยกันแล้ว แค่มองดูก็มีปัญหาแล้ว
แต่ว่าจะเป็นปัญหาอะไรนั้น ก็จะต้องไปดูด้วยตัวเองถึงจะรู้
“ไป ไปดูที่สถานที่เกิดเหตุสักหน่อย เรื่องที่ส้มเปรี้ยวฆ่าตัวตายมันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ คุณเป็นโจทก์ของหล่อน ก็จำเป็นที่จะต้องไปดูสถานการณ์ให้เข้าใจสักหน่อย” เปปเปอร์ลูบหน้าของมายมิ้นท์ไป แล้วเชยคางขึ้นมาเบา ๆ แล้วพูดขึ้น
มายมิ้นท์จ้องมองไปที่เขา แล้วตอบอืมไปคำหนึ่ง “ได้ค่ะ”
“ออกรถ” เปปเปอร์ปล่อยใบหน้าของเธอออก แล้วออกคำสั่งกับผู้ช่วยเหมันตร์
ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้ารับ “ครับ!”
แล้วทั้งสามคนก็ขึ้นรถไป แล้วมุ่งหน้าตรงไปที่โรงพยาบาลนิวเวอร์
ตลอดทาง ทั้งสามคนต่างก็ไม่พูดไม่จา บรรยากาศในรถทั้งคันค่อนข้างที่จะเคร่งขรึมจนทำให้คนอึดอัด
มันช่วยไม่ได้ เพราะว่าเรื่องที่ส้มเปรี้ยวฆ่าตัวตายมันทำให้คนตกตะลึงมากจริง ๆ
พวกเขาสงบนิ่งกันไม่ได้แล้ว
ผู้ช่วยเหมันตร์ขับรถไปอย่างรวดเร็วมาก ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงโรงพยาบาลนิวเวอร์แล้ว
ในตอนที่ลงรถนั้น มายมิ้นท์ก็เห็นตรงนอกโรงพยาบาลมีรถตำรวจจอดอยู่หลายคัน มีตำรวจหลายนายยืนกันเป็นแถวอยู่ แล้วลากเทปกั้นกันที่เกิดเหตุ และไม่ยอมให้คนอื่นเข้าไปในโรงพยาบาลนอกจากผู้ป่วยฉุกเฉิน
พอมายมิ้นท์มองเห็น ว่าคนที่โดนกั้นอยู่นอกเทปกั้น เกือบหกสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ล้วนเป็นนักข่าวของพิมเพอร์มีเดีย
นักข่าวพวกนี้ต่างก็ชูไมค์ขึ้นมาและยกกล้อง แล้วคอยเบียดเสียดไปทางเทปกั้น อยากจะเบียดให้เทปกั้นขาดแล้วฝ่าเข้าไป เพื่อจะแย่งข่าวหน้าหนึ่งกัน
พอเห็นสิ่งเหล่านี้แล้ว มายมิ้นท์ก็หรี่ตาลง
ดูท่าข่าวที่ส้มเปรี้ยวโดดตึกฆ่าตัวตาย น่าจะแพร่ออกไปแล้ว
ไม่แน่ตอนนี้ในโลกโซเชียลอาจจะลุกฮือกันขึ้นมาแล้ว
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น มายมิ้นท์ก็รู้สึกว่าบนหัวโดนของอะไรคลุมลงมา
เธอยกมือขึ้นไปลูบเล็กน้อย “หมวกเหรอ?”
“อืม พอจะปิดบังใบหน้าของคุณไปได้บ้าง ไม่งั้นเดี๋ยวลงจากรถไป ถ้าพวกนักข่าวพวกนั้นจำคุณขึ้นมาได้ จะต้องจับตัวคุณไว้ แล้วซักถามคำถามต่าง ๆ ไม่ยอมปล่อยตัวคุณแน่” เปปเปอร์พูดไป แล้วก็เอาเสื้อคลุมมาคลุมให้เธออีกตัว
เสื้อคลุมตัวนี้ไม่ได้ถอยออกมาจากตัวเขา แต่เป็นเสื้อคลุมที่เขาเก็บไว้เผื่อใช้ในรถเมื่อก่อนหน้านี้
มาตอนนี้ก็ได้เอาออกมาใช้ได้พอดี
พอคาดด้วยสีน้ำเงิน ก็เหมือนกับในความมืดมิดก็ได้มีแสงจันทร์เพิ่มขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง จนกลายเป็นจุดเด่นที่สุดไปเลย
“ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว” เปปเปอร์จัดโบที่เอวมายมิ้นท์เล็กน้อย แล้วก็เก็บมือกลับไป
มายมิ้นท์ก้มหน้าลงไปมองผลงานชิ้นโบแดงของเขา “ก็ไม่เลวนะคะ คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคุณจะมีความสามารถแบบนี้ด้วย”
เปปเปอร์ยิ้มจาง ๆ ขึ้นมา “ถือซะว่าคุณชมผมแล้วกัน เอาล่ะ ลงรถเถอะ”
เขาก็ใส่หมวกให้ตัวเองไปใบหนึ่งเหมือนกัน
หมวกสองใบนี้ ล้วนเป็นหมวกที่ผู้ช่วยเหมันตร์ลงไปซื้อในร้านละแวกนี้ก่อนเมื่อสักครู่ ตอนที่เพิ่งมาจอดรถลง
เปปเปอร์เปิดประตูรถออก แล้วลงไปก่อน
พอลงไปแล้ว เขาก็ยื่นมือมาให้มายมิ้นท์
มายมิ้นท์เองกลับไม่ได้ปฏิเสธเขา แล้วก็เอามือวางลงบนมือเขา
เปปเปอร์จับมือเธอไว้ แล้วพยุงเธอลงจากรถ จากนั้นก็เดินไปทางเทปกั้น
พอมาถึงหน้าตำรวจนายหนึ่งตรงที่เทปกั้น มายมิ้นท์ก็ข่มเสียงให้ต่ำแล้วบอกสถานะของตัวเองออกไป
นายตำรวจได้รับคำสั่งของผู้บังคับบัญชามาก่อนแล้ว จึงรู้ว่าพวกเขาจะมา ดังนั้นพอดูบัตรประชาชนของมายมิ้นท์แล้ว ก็ยกเทปกั้นขึ้นมา แล้วให้เธอกับเปปเปอร์รวมทั้งผู้ช่วยเหมันตร์เข้าไปเลย
พอพวกมายมิ้นท์ย่อตัวลอดเข้าไปในเทปกั้นแล้ว พวกนักข่าวที่ตั้งหน้าตั้งตารอถึงตั้งสติกลับมาได้ แล้วดูสถานะของพวกเขาออกขึ้นมาได้
แต่จะมาขวางพวกเขาในตอนนี้ก็ไม่ทันการแล้ว เพราะว่าพวกมายมิ้นท์ได้เข้าไปในเขตเทปกั้นแล้ว
แล้วพวกนักข่าวอย่างพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะแทรกเข้าไปจริง ๆ ดังนั้นจึงทำอะไรไม่ได้ แต่ละคนจึงทำได้แค่ชะเง้อคอ แล้วถลึงตาโตและร้องตะโกนเสียงดังตามหลังพวกมายมิ้นท์ไป ร้องถามพวกเขาว่ารู้สึกยังไงกับเรื่องที่ส้มเปรี้ยวฆ่าตัวตายนี้
แต่มายมิ้นท์กับเปปเปอร์กลับทำเป็นไม่ได้ยินอย่างเข้าขากันเป็นอย่างมาก แล้วเดินหน้าต่อไป แล้วเงาก็หายวับไปจากสายตาของพวกนักข่าวพวกนี้ไปอย่างรวดเร็ว
พอมาถึงแถวแผนกห้องพักผู้ป่วย
จากที่ไกล ๆ มายมิ้นท์ก็เห็นว่าที่ใต้ตึกหอพักผู้ป่วยตึกหนึ่ง มีตำรวจหลายนาย หมอและพยาบาลยืนอยู่
นอกเหนือจากนี้ ก็ไม่มีคนทั่วไปอยู่ด้วยสักคนเลย น่าจะเป็นเพราะว่าโดนเคลียร์สถานที่ไปแล้ว
“คือที่นี่แหละ” เรียวปากของเปปเปอร์ขยับพูดขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...