เธอจำได้ว่า ก่อนที่เธอกินยาแล้วหลับไปนั้น ไม่ได้เรียกแอร์โฮสเตสให้เอาผ้าห่มมาให้
ดังนั้นแล้วผ้าห่มอันนี้ เป็นไปได้ว่าเป็นเขาที่เป็นคนห่มให้กับเธอ
เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่ผิด เปปเปอร์พยักหน้า“เป็นผมเอง ผมกลัวว่าคุณจะเป็นหวัด จึงได้บอกให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเอามาโดยเฉพาะ ”
เมื่อได้ยินคำนี้แล้ว ภายในใจมายมิ้นท์รู้สึกอบอุ่นขึ้นทันที“ขอบคุณค่ะ”
“ไม่เป็นไร เดินได้ไหม?”เปปเปอร์มองไปที่เธอแล้วถาม
ในตอนที่เธอพึ่งจะลุกขึ้นนั้นไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงสักเท่าไหร่นัก
ดังนั้นในตอนนี้ เขาก็เลยเป็นห่วงว่าเธอสามารถเดินได้ไหม
มายมิ้นท์ได้ขยับขาทั้งคู่ของเธอ“ได้ค่ะ แม้ว่ายาแก้เมาเครื่องบินจะทำให้ฉันหมดเรี่ยวแรงไปหน่อย แต่ด้วยเวลาที่ตื่นนอนนานมากขึ้น ฤทธิ์ของยาที่ตกค้างจะค่อยๆ หายไป จึงไม่เป็นอุปสรรคเลย”
“ถ้างั้นก็ดี ไปเถอะ”เปปเปอร์ได้ถือกระเป๋าของเธอขึ้นมา
มายมิ้นท์นึกว่าเขาถือกระเป๋าขึ้นมา เพื่อที่จะให้เธอสามารถสะพายกระเป๋าบนไหล่ได้ง่ายขึ้น
ในวินาทีต่อมา เธอก็เห็นเปปเปอร์ได้นำกระเป๋าของเธอสะพายไว้บนไหล่ของตัวเขาเอง
ชายร่างใหญ่ที่มีส่วนสูงประมาณหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรนั้น การแต่งตัวก็หล่อเหลาอย่างมาก ได้ให้ความรู้สึกเป็นประธานจอมเผด็จการนั้น
แต่ทว่าคนเช่นนี้ ที่ดูไปก็เป็นผู้ชายที่เป็นประธานจอมเผด็จการนั้น กลับสะพายกระเป๋าใบเล็กของผู้หญิงคนหนึ่งไว้บนไหล่ คนทั้งคนก็ไม่มีความดุดันหลงเหลืออยู่เลย และยังเพิ่มความตลกมาเล็กน้อย
มายมิ้นท์กลั้นไม่ไหวและได้หัวเราะออกมา
เปปเปอร์มองไปที่เธอ“เป็นอะไรหรือ?”
“ไม่……ไม่เป็นอะไรค่ะ”มายมิ้นท์โบกมือของเธออย่างรวดเร็ว จากนั้นเอื้อมมือไปทางกระเป๋าของเธอ“ประธานเปปเปอร์คะ เอากระเป๋าให้ฉันดีกว่าค่ะ”
“ไม่เป็นไร ผมสะพายแทนคุณเอง ไปเถอะ”เปปเปอร์ได้ปฏิเสธไป
มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว“นี่เป็นกระเป๋าของฉัน ฉันจะไปรบกวนคุณได้ยังไงล่ะคะ ดังนั้นประธานเปปเปอร์ คุณคืนให้กับฉันเถอะค่ะ”
“ผมอยากสะพายแทนคุณ”เปปเปอร์มองไปที่เธอ“ได้ยินว่าแฟนหนุ่มอื่นมักจะสะพายกระเป๋าแทนแฟนสาวตัวเองอยู่เสมอ แม้ว่าในตอนนี้พวกเรายังไม่มีความสัมพันธ์เช่นนั้น แต่ว่ามันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่ผมจะทำมันก่อน”
ใบหน้ามายมิ้นท์แดงก่ำทันที“คุณก็พูดแล้วนี่ ว่านั่นมันเป็นแฟนหนุ่มคนอื่นที่สะพายกระเป๋าให้กับแฟนสาว ในตอนนี้ที่คุณทำเช่นนี้ ยังคิดว่าพวกเราจะคบหากันในอนาคตหรือ?”
“แน่นอนสิ!”เปปเปอร์ได้ยิ้มมุมปาก“ผมมีความมั่นใจ อีกอย่างความรู้สึกผมได้บอกกับผมว่า พวกเราจะเป็นเช่นนั้น และก็จะเป็นในหลังจากนี้ไม่นาน”
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินตรงไปทางประตูเครื่องบินก่อน
มายมิ้นท์มองจากด้านหลังของเขาและเบะปากเล็กน้อย“หยุดพูดจาไร้สาระเลย นี่มันเป็นไปไม่ได้หรอก!”
แต่ว่าคำนี้ ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุอะไร ไม่ได้พูดออกมาดังๆ แต่กลับพึมพำออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด
ที่นอกสนามบิน เปปเปอร์มองดูรถที่มารับตัวเอง“คุณพักที่ไหน?”
“เพื่อนของฉันได้จัดเตรียมที่พักให้ฉันแล้ว คุณล่ะ?”มายมิ้นท์ได้เหลือบดูโทรศัพท์แล้วถาม
เปปเปอร์ตอบกลับว่า:“ที่โรงแรมอ่ะ”
มายมิ้นท์พยักหน้า“อย่างนี้เองหรอกหรือ ถ้างั้นพวกเราก็ไม่ได้ไปทางเดียวกันแล้ว”
เปปเปอร์เงียบลง
ที่แท้เธอยอมรับที่พักที่คู่บ่าวสาวมือใหม่นั้นได้จัดเตรียมให้
ถ้าเขารู้แต่เนิ่นๆ เขาก็จะไม่ปฏิเสธแล้ว น่าจะยอมรับดีกว่า ถ้าเช่นนี้ บางทีพวกเขาอาจจะได้พักอยู่ด้วยกันก็ได้
ชั่วขณะหนึ่ง ภายในใจของเปปเปอร์รู้สึกเสียดายอย่างมาก สีหน้าก็ดูไม่ดีขึ้นมาเล็กน้อยเลย
ทันใดนั้น มายมิ้นท์ก็เห็นคนถือป้ายที่มีชื่อของตัวเองเขียนอยู่ด้านหน้านั้น รีบหันศีรษะกลับไปทางเปปเปอร์เพื่อบอกลาเขา“ประธานเปปเปอร์คะ ฉันเห็นคนที่มารับฉันแล้ว ขอตัวไปก่อนนะคะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็ได้ลากกระเป๋าเดินทาง เดินตรงไปทางคนที่ถือป้ายคนนั้น
เปปเปอร์มองดูเธอเดินไปใกล้กับคนคนนั้น หลังจากที่ได้คุยกับคนคนนั้นไม่กี่คำก็ได้ขึ้นรถไปแล้ว ได้เม้มริมฝีปากอันบางของเขา และได้หยิบโทรศัพท์ขึ้น แล้วโทรออกไป“ผมเอง จัดเตรียมที่พักให้ผมที่หนึ่ง”
คนที่อยู่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์นั้นตะลึงไปครู่หนึ่ง“ที่พัก?ก่อนหน้านั้นคุณพูดว่าไม่พักไม่ใช่หรือ?”
“อย่าพูดมากน่ะ รีบจัดเตรียมให้ผมทันทีเลย ผมจะพักอยู่ตรงข้ามหรือข้างๆของคนคนหนึ่ง”
“ใคร?”
พอเปปเปอร์ได้พูดชื่อของมายมิ้นท์ออกมาแล้ว ไม่ให้โอกาสปฏิเสธกับคนในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เลย ก็ได้รีบวางสายทันทีแล้วขึ้นรถไป
ไม่กี่นาทีต่อมา เปปเปอร์ได้รับข้อความ บนนั้นเป็นที่อยู่ และก็เป็นหมายเลขห้องพัก
เมื่อเห็นหมายเลขพวกนี้แล้ว เปปเปอร์ได้ยิ้มมุมปากขึ้นมาทันที สายตานั้นมีความพึงพอใจแวบวาบผ่าน
ในอีกด้านหนึ่ง มายมิ้นท์ก็ได้ถึงที่พักที่เพื่อนของเธอได้จัดเตรียมให้เธอ เป็นคฤหาสน์ขนาดเล็ก ที่คู่หมั้นของเพื่อนมอบให้
ขณะที่มายมิ้นท์ได้เก็บห้องพักเรียบร้อยแล้ว กำลังจะเตรียมตัวออกไปซื้อยาแก้เมาค้างสักหน่อย เพื่อเตรียมใช้ในคืนนี้ที่เข้าร่วมงานแต่งที่จะดื่มเหล้าด้วยนั้น ก็ได้รับสายจากเพื่อนที่โทรมา
ขณะที่คิด มายมิ้นท์ได้ย่อเข่าลงเล็กน้อย กำลังคิดว่าบนใบหน้าตัวเองมีอะไรหรือเปล่า ทันใดนั้นก็ได้เห็นหน้าของคนคนนี้อย่างชัดเจน ในแววตามีความตกตะลึงแวบวาบผ่าน
คนคนนี้……บนใบหน้ามีผ้าพันแผลเต็มไปหมดเลย เหมือนกับมัมมี่เช่นนั้น
แน่นอน ว่าคนคนนี้ไม่ใช่มัมมี่ ตอนนี้ก็ไม่มีมัมมี่แล้ว
แต่ในตอนนี้คนที่สามารถมีผ้าพันแผลบนใบหน้าเยอะขนาดได้ มีเพียงคนประเภทเดียว นั่นก็คือคนที่ทำศัลยกรรม
ไม่แปลกใจเลยที่คนคนนี้แต่งกายแน่นขนาดนี้ ได้พันผ้าพันคอและใส่หมวกไว้ ใส่จนตัวเองดูราวกับเป็นบ๊ะจ่างเช่นนั้น ที่แท้ก็เพื่อที่จะปกปิดผ้าพันแผลบนใบหน้าตัวเองนี่เอง
มายมิ้นท์ไม่ได้เห็นต่างเกี่ยวกับคนที่ทำศัลยกรรมเลย เพราะไม่ว่าอย่างไรทุกคนก็มีสิทธิ์เลือกที่จะสวยงาม
ดังนั้นเธอก็ได้เก็บความประหลาดใจบนใบหน้าทันที กลับมาเป็นสีหน้าท่าทางปกติ และได้ยิ้มด้วยความขอโทษกับคนคนนั้น“ขอโทษด้วยค่ะ เมื่อกี้ชนโดนส่วนไหนของคุณหรือเปล่าคะ?”
เธอกลัวว่าตัวเองจะชนโดนใบหน้าของคนคนนี้
หากว่าชนจนเกิดเรื่องขึ้นมา เธอก็ไม่สามารถชดใช้ได้เลย
คนคนนั้นราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของมายมิ้นท์เช่นนั้น ได้ก้มศีรษะลงไป
เมื่อมายมิ้นท์เห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งอกทันที
ดูเหมือนว่า ใบหน้าของคนคนนี้น่าจะไม่เป็นอะไร
มิเช่นนั้น คนคนนี้คงไม่ใจเย็นขนาดนี้
“คือว่า……คุณสามารถลุกขึ้นได้ไหมคะ?”มายมิ้นท์ได้เอื้อมมือให้คนคนนี้อีกครั้งหนึ่ง ต้องการจะดึงคนคนนี้ลุกขึ้นมา
แต่คนคนนี้มองดูที่มือของเธอ หลังจากกัดฟันด้วยความโกรธแล้ว ได้ยกมือของตัวเองขึ้น และได้ตบมือของเธอออกอย่างแรง
“โอ๊ย!”ทันทีที่มายมิ้นท์รู้สึกเจ็บหลังมือ ก็รีบดึงมือกลับมา ก้มศีรษะลงและมองดูมือตัวเองในจุดที่โดนตบนั้น และได้หายใจเข้าด้วยความตกใจ
โอ้พระเจ้า แดงหมดเลย
เห็นได้เลยว่าเมื่อสักครู่คนคนนี้ ได้ใช้แรงมากขนาดไหน
นอกจากนี้แล้ว มายมิ้นท์ยังสามารถรู้สึกได้ในตอนที่เธอถูกคนคนนี้ตบมือนั้น ในสายตาคู่นั้นมีความเกลียดชังอยู่ในนั้นด้วย
เธอสงสัยมาก ตัวเองก็ไม่ได้รู้จักกับคนคนนี้ แล้วทำไมคนคนนี้ถึงได้เกลียดตัวเองล่ะ
ในขณะที่มายมิ้นท์ต้องการที่จะถามคำถามนี้ให้ชัดเจนนั้น ทันใดนั้นคนคนนี้ก็ได้ลุกขึ้นมาจากพื้น จากนั้นก็ถลึงตาใส่เธอด้วยความโกรธ และได้หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...