“หลังจากนั้นล่ะ”
“หลังจากนั้น......” มายมิ้นท์ตัวสั่นเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยการโทษตัวเอง “หลังจากนั้นฉันเคยถามพ่อว่าเป็นอะไร พ่อบอกว่าไม่เป็นอะไร ฉันก็เชื่อว่าพ่อไม่เป็นอะไร แค่กลุ้มใจเพราะเทนเดอร์กรุ๊ป ถ้าตอนนั้นฉันไม่ปล่อยเอาไว้ และหาหมอมาดูอาการพ่อ บางทีอาจรู้เร็วกว่านี้ว่าพ่อโดนวางยา พ่อก็คงไม่กระโดดตึก ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน ฉันช่วยเขาได้แท้ๆ แต่เพราะฉันไม่สนใจเลยพลาดไป เปปเปอร์ นายว่าฉันอกตัญญูมากไหม”
“ไม่ คุณไม่ได้อกตัญญู” เปปเปอร์จับมือเธอ มองเธออย่างจริงจัง แล้วพูดว่า “เพราะบนโลกใบนี้ ไม่มีใครสามารถคาดเดาและป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ และไม่มีใครคิดหรอกว่า สติของพ่อคุณผิดปกติ เพราะกินยา ดังนั้นทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณ คุณอย่าโทษตัวเอง ผมว่าถ้าพ่อคุณรู้ ก็ไม่อยากให้คุณโทษตัวเองเหมือนกัน สิ่งที่คุณต้องทำตอนนี้ ไม่ใช่การโทษตัวเอง แต่ต้องหาหลักฐานที่พ่อคุณโดนวางยา มาให้เร็วที่สุด”
เขาพูดเตือนสติอย่างนี้ มายมิ้นท์เบิกตาโต ความเศร้าบนใบหน้าหายไป แปรเปลี่ยนเป็นความแน่วแน่ “คุณพูดถูก ฉันต้องฮึกเหิม แก้แค้นให้พ่อ!”
“นี่สิถึงจะถูก” เปปเปอร์ลูบผมเธออย่างอ่อนโยน แล้วถามว่า “หิวหรือยัง ตอนเช้าคุณยังไม่ได้ทานอะไรเลย คงจะหิวแล้วใช่ไหม”
เดิมทีมายมิ้นท์จะบอกว่าตัวเองไม่หิว เพราะเมื่อรู้เรื่องเศร้านี้ เธอจะกินอะไรลงได้อย่างไร
ทว่ายังไม่ได้พูดอะไรออกมา เสียงท้องร้องดังขึ้น
เธอรีบกุมท้อง หน้าแดงระเรื่อ
เปปเปอร์หัวเราะเบาๆ จากนั้นยืนขึ้น จับมือเธอเดินไปทางห้องอาหาร “ไปกันเถอะ กินอะไรก่อน กินอิ่มแล้วจะได้มีแรงทำงาน แก้แค้นก็เหมือนกัน”
มายมิ้นท์ขยับปาก แต่ไม่ได้พูดอะไร เดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย
หลังจากทานข้าวเสร็จ เปปเปอร์ออกจากบ้าน
เขาอยู่ที่นี่ นอกจากมาร่วมงานหมั้นแล้ว ก็ยังมีงานของตัวเอง
ดังนั้น จึงไม่ได้อยู่คฤหาสน์เป็นเพื่อนมายมิ้นท์
มายมิ้นท์อยู่ในคฤหาสน์คนเดียว รอข่าวจากกิมจิตอนบ่าย
กิมจิตรงเวลามาก เธอโทรมาตอนบ่ายสาม บอกมายมิ้นท์เกี่ยวกับที่อยู่ของดารามาย
ตอนนี้ดารามายถือสัญชาติประเทศบิวตี้ ดังนั้นตระกูลลิลิตประกายสิทธิ์ ต้องส่งเธอกลับไปจากเกาหลีอยู่แล้ว
ตอนนี้ ดารามายอยู่บนเครื่องบิน ที่จะบินไปยังประเทศบิวตี้
เมื่อได้ยินดังนั้น มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว เพราะช้าไปเพียงก้าวเดียว
ตอนแรกเธอกะว่าหลังจากรู้ที่อยู่ของดารามาย จะจับดารามายมาสอบปากคำ
แต่คิดไม่ถึงว่าการกระทำของตระกูลลิลิตประกายสิทธิ์ จะเร็วขนาดนี้ จับดารามายขึ้นเครื่องบินไปยังประเทศบิวตี้
ตอนนี้เป็นแบบนี้ เธอจะจับคนยังไง
มายมิ้นท์ปวดหัวจนนวดขมับ
ดูเหมือนตอนนี้ คงต้องหาวิธีว่าจะพาดารามายกลับมาได้หรือเปล่า
หรือไม่ตัวเองก็กลับประเทศบิวตี้ไปเอง
ขณะกำลังคิด มายมิ้นท์รีบเปิดปฏิทินมือถือ ดูเวลาของตัวเอง จะหาวันกลับประเทศบิวตี้
ไม่นาน มายมิ้นท์กำหนดเวลาเอาไว้ช่วงปลายเดือน
ตอนนั้นเทนเดอร์กรุ๊ปเข้าสู่ช่วงสินค้าคงคลังประจำปี ในบริษัทไม่ค่อยยุ่ง เธอจะมีเวลาไปหาดารามาย
หาเบาะแสจากดารามาย น่าจะสามารถดึงผู้บงการอยู่เบื้องหลังอย่างเยี่ยมบุญออกมาได้
มายมิ้นท์กำมือถืออย่างไม่แน่ใจ มองออกไปนอกกระจกบานใหญ่อย่างเหม่อลอย
วันต่อมา มายมิ้นท์กับเปปเปอร์อยู่บนเครื่องบินกลับประเทศ
มายมิ้นท์ใจลอยตลอดทาง สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ถึงขนาดที่เกือบชนกับคนที่เดินไปมาในสนามบินอยู่หลายครั้ง
ถ้าไม่ใช่เพราะเปปเปอร์ดึงเธอเอาไว้ทัน เธอคงล้มลงไปแล้ว
“ยังไม่เลิกคิดอีกเหรอ” ภายในที่นั่งโดยสารชั้นหนึ่ง เปปเปอร์ปิดนิตยสารในมือ มองผู้หญิงข้างๆ ที่กำลังกลุ้มใจ
หญิงสาวเอามือลูบแก้ม “จะเลิกคิดได้ยังไงล่ะ อย่างน้อยคงต้องคิดอีกสักสองสามวัน”
ถ้าพ่อฆ่าตัวตายจริงๆ ในใจเธอคงไม่ถึงขนาดรับไม่ได้แบบนี้
แต่เพราะพ่อโดนคนวางแผนฆ่า ดังนั้นเธอคงไม่ใจเย็นลงเร็วขนาดนั้น
คำพูดนี้ทำให้เปปเปอร์รู้สึกผิดขึ้นมาในใจ เขายกมือขึ้นมาลูบหัวเธอเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “ขอโทษนะมายมิ้นท์ อันที่จริงตอนนั้น ไม่ใช่ว่าผมจำคุณไม่ได้ แต่เพราะเหตุผลบางอย่าง ทำให้ผมลืมคุณ”
“หมายความว่ายังไง” มายมิ้นท์รีบเงยหน้าขึ้น “คุณความจำเสื่อมเหรอ”
เปปเปอร์ส่ายหน้า “เปล่า ผมไม่ได้ความจำเสื่อม”
ตอนนั้น ตอนที่ส้มเปรี้ยมปลอมเป็นเธอ มาเจอเขา เขาก็รู้ว่าส้มเปรี้ยวไม่ใช่มายมิ้นท์
เขาให้เหมันตร์สืบว่าต้นไผ่เป็นใครกันแน่ ทำไมส้มเปรี้ยวต้องปลอมตัว
แต่สุดท้ายเหมันตร์ยังสืบอะไรออกมาไม่ได้ เขากับเหมันตร์ก็โดนอีธานสะกดจิตก่อน
อีธานทำให้เขา รวมไปถึงคนข้างกายเขาที่รู้จักต้นไผ่ เข้าใจว่าส้มเปรี้ยวเป็นต้นไผ่
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงลืมว่าตัวเองรู้ว่าส้มเปรี้ยวไม่ใช่ต้นไผ่ หนำซ้ำยังเข้าใจว่าส้มเปรี้ยวคือต้นไผ่ด้วย
“คุณไม่ได้ความจำเสื่อมเหรอ” มายมิ้นท์สีหน้าสงสัย “ทำไมฉันฟังไม่ค่อยเข้าใจ คุณไม่ได้ความจำเสื่อม แล้วทำไมถึงลืมล่ะ”
รู้สึกว่าคำพูดของเขาขัดแย้งกันมาก
แววตาเปปเปอร์วูบไหว เหมือนกำลังสับสนอะไรอยู่
ผ่านไปไม่กี่วินาที เขามองเธอ “ถ้าผมบอกว่าผมโดนสะกดจิต คุณจะเชื่อไหม”
“สะกดจิตเหรอ” มายมิ้นท์รีบนั่งตัวตรง “คุณโดนสะกดจิตเหรอ”
เปปเปอร์พยักหน้า
เขาเล่าเรื่องการเจรจาระหว่างอีธานกับส้มเปรี้ยวออกมา
หลังจากมายมิ้นท์ฟังจบ เธอไม่พูดอะไรอยู่นาน
เปปเปอร์มองแววตาสั่นไหวของเธอ รู้ว่าเธอยังตกใจกับการสะกดจิต เขาไม่ได้พูดอะไร อดทนรอเธอ
รออยู่ครู่หนึ่ง มายมิ้นท์ตั้งสติได้ กลืนน้ำลายแล้วพูดว่า “บนโลกนี้ มีเรื่องแบบนี้จริงเหรอ อีกทั้งยังอัศจรรย์ขนาดนี้ด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...