Z-H:ผมอยู่ชั้นล่างตึกคุณ
เมื่อมายมิ้นท์เห็นข้อความนี้แล้ว ก็ได้ยกเท้าขึ้นเดินไปทางระเบียงของห้องรับแขก ยืนตรงราวระเบียงแล้วมองลงไป เห็นไมบัคที่คุ้นเคย ที่อยู่ชั้นล่างตึกตรงริมถนน จอดอยู่ที่นั่น ด้วยความสูงศักดิ์สง่าผ่าเผย
และเปปเปอร์ก็ไม่ได้นั่งอยู่ด้านในของรถ แต่กลับเอนตัวพิงที่ประตูรถของด้านที่นั่งคนขับนั้น และกำลังก้มศีรษะดูโทรศัพท์อยู่
ราวกับว่าสัมผัสอะไรได้ ทันใดนั้นเปปเปอร์ก็ได้วางโทรศัพท์ลงแล้วเงยหน้าขึ้นมา จากนั้นดวงตาคู่นั้นก็ได้สบสายตากับมายมิ้นทันที
เปปเปอร์เลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ยกมือขึ้น และได้โบกมือให้กับเธอ
มายมิ้นท์ก็คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเห็นเธอได้ หลังจากที่ตะลึงไปพักหนึ่งแล้ว ก็ได้ยกมือขึ้นและโบกมือเช่นกัน
“รีบลงมา”เปปเปอร์ได้เอ่ยปากตะโกนออกมา
มายมิ้ยท์พยักหน้าเล็กน้อย“จะลงไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
พอพูดจบ เธอก็ได้หันหลังและเดินออกจากระเบียง
ในห้านาทีต่อมา เธอได้สะพายกระเป๋า พร้อมกับใส่รองเท้าส้นสูงมาถึงตรงหน้าของเปปเปอร์
เนื่องจากเดินเร็วเกินไปหน่อย บวกกับหิมะที่พึ่งจะละลาย และพื้นที่ยังลื่นมากอีกด้วย จึงทำให้มายมิ้นท์ทรงตัวไม่อยู่ เท้าลื่นไปทันที ทำให้คนทั้งคนล้มไปด้านหน้า
และด้านหน้าของเธอนั้นเป็นเปปเปอร์พอดี
เมื่อเปปเปอร์เห็นว่าเธอจะล้มลงไปแล้ว บนใบหน้านั้นไม่เพียงแต่ไม่มีความกังวลใจเลยสักนิด แต่กลับยิ้มออกมาทันที และได้กางแขนขวาโดยไม่รีบไม่ร้อน ทำท่าทางที่พร้อมจะรับเธอไว้
ท้ายที่สุด เขาก็ได้รับเธอไว้จริงๆ
มายมิ้นท์กระแทกเข้าไปในอ้อมแขนของเขาทันที เขารวบเก็บแขนขวาของเขา ได้โอบกอดเธอไว้ตรงหน้าอกของเขาอย่างแน่นหนา ก้มศีรษะมองดูเธอ และพูดเบาๆว่า:“ครั้งหน้าเดินให้ช้าหน่อยสิ”
ใบหน้ามายมิ้นท์แดงก่ำ ออกจากอ้อมแขนของเขาด้วยความเขินอาย“ฉันรู้แล้วค่ะ เมื่อกี้ขอบคุณนะคะ”
“เอาล่ะ ขึ้นรถเถอะครับ”เปปเปอร์ได้ดึงประตูรถ ให้เธอขึ้นไปก่อน
มายมิ้นท์ก็ไม่ได้เสแสร้งเช่นกัน เธอโยนสิ่งของในมือของเธอไปที่เบาะหลังก่อน แล้วจึงก้มลงนั่งที่นั่งข้างคนขับ
เปปเปอร์มองดูสิ่งของที่ถูกเธอโยนไปทางเบาะหลังนั้น และได้ถามว่า:“นั่นคืออะไรหรือ?”
“เป็นของขวัญที่ให้ท่านย่าน่ะ สิ่งของจำพวกสำหรับผู้สูงอายุ เป็นเครื่องนวดอะไรทำนองนั้น”มายมิ้นท์ได้ตอบกลับขณะคาดเข็มขัดนิรภัย
เปปเปอร์พยักหน้า ได้ปิดประตูรถให้กับเธอ และได้เดินไปทางที่นั่งคนขับ
ระหว่างทาง มายมิ้นท์ลังเลอยู่หลายครั้ง และในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากพูดออกมา“เปปเปอร์”
“อื้อ?”แววตาของเปปเปอร์มองไปทางเธอ ถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า“ทำไมหรือครับ?”
“ทำไมท่านย่าถึงได้บอกให้คุณเรียกฉันไปทานข้าวด้วยกันหรือคะ?”มายมิ้นท์ถามตรงๆ
เปปเปอร์ส่ายหัวเล็กน้อย“หลักๆแล้ว ผมก็ไม่รู้เลย แต่ในตอนนั้นที่ได้ฟังจากน้ำเสียงคำพูดของท่านย่าแล้วดูจริงจังมาก อาจจะมีเรื่องอะไรที่ต้องการจะคุยกับคุณมั้งครับ ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องให้ผมพาคุณไปให้ได้เลย”
“อย่างนี้เองหรือคะ”มายมิ้นท์พยักหน้าเล็กน้อย และไม่ได้ถามอีก
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า ก็ได้มาถึงที่บ้านเก่าตระกูลนวบดินทร์
พอเปปเปอร์ได้จอดรถเรียบร้อย มายมิ้นท์ก็ได้ปลดเข็มขัดนิรภัยออก หันหลังกลับไปถือถุงหลายอันที่วางไว้ที่เบาะหลัง จากนั้นจึงจะเปิดประตูและลงจากรถ
เปปเปอร์ได้มาถึงตรงหน้าของเธอ และได้ยื่นมือไปทางเธอ“สิ่งของนี้ให้ผมถือเถอะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่ได้หนักเลย”มายมิ้นท์ส่ายหัวได้ปฏิเสธเขาไป“และอีกอย่าง คุณมีแขนข้างเดียวที่ยังดีอยู่ แล้วฉันเอาสิ่งของให้คุณอีก มันไม่รังแกคุณมากไปหน่อยหรือ?”
“นี่นับประสาอะไรกับการรังแกกันล่ะ”ทันใดนั้น ก็มีน้ำเสียงคนแก่ แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความเมตตาและอ่อนโยนนั้น ดังออกมาจากด้านหลังของมายมิ้นท์
ดวงตามายมิ้นท์เป็นประกาย รีบหันหลังกลับไป“ท่านย่า!”
ท่านย่าถูกป้าแดงพยุงอยู่แล้วเดินมาทางเธอ และมองดูเธอด้วยรอยยิ้ม“มิ้นท์ ไม่เจอกันตั้งหลายวัน สวยงามขึ้นอีกแล้วนะ วันนี้แต่งหน้าได้ดูดีใช้ได้เลย แม้ว่าจะไม่ค่อยเหมือนกับการแต่งหน้าตอนปกติของคุณเล็กน้อย แต่มันก็เหมาะกับคุณมากกว่า การแต่งหน้าก่อนหน้านั้นดูองอาจผึ่งผายมากไป ทำให้คนรู้สึกห่างเหินไปหน่อย แต่การแต่งหน้านี้ดีที่สุด ดูอ่อนโยน และสวยงามมากเลยนะคะ ”
เมื่อได้ยินคำชมของท่านย่าที่ชมการแต่งหน้าของตัวเองแล้ว มายมิ้นท์รู้สึกทั้งเขินอายและใจไม่เป็นสุขเล็กน้อย
เพราะว่าการแต่งหน้าในวันนี้ เป็นการแต่งหน้าแบบอ่อนๆ ที่เธอจงใจแต่งออกมาให้กับผู้ชายที่ชอบดู
เอ่ยปากพูดปฏิเสธหรือ?
นั่นมันเป็นไปไม่ได้เลยสักนิด!
มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าเปปเปอร์กำลังคิดอะไรอยู่ เธอมองไปทางท่านย่าและป้าแดงด้วยความเขินอาย“ท่านย่า ป้าแดงคะ พวกคุณอย่าหยอกฉันเล่นเลยค่ะ”
เธอและเปปเปอร์นั้นเป็นอดีตคู่สามีภรรยากัน แต่กลับถูกกล่าวว่าเป็นสามีภรรยากันอย่างดื้อๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้คนรู้สึกเขินอายมาก
พอท่านย่าเห็นว่ามายมิ้นท์หน้าแดงไปหมด ก็รับรู้ว่าเธอรู้สึกอึดอัด และได้ยิ้มพร้อมกับโบกมือ“ขอโทษนะคะมิ้นท์ ท่านย่าแค่หยอกเล่นนิดหน่อย อย่าโกรธกันนะ”
“ไม่หรอกค่ะ”มายมิ้นท์ส่ายหัวเล็กน้อย
เปปเปอร์ได้มองดูที่นาฬิกาข้อมือ“เอาเถอะครับ ไม่ต้องยืนอยู่ที่นี่กันแล้ว พวกเราเข้าไปก่อนเถอะ”
“ใช่ๆๆ เปปเปอร์ได้เตือนฉันแล้ว พวกเราเข้าไปกันก่อนเลย มิ้นท์ก็คงหิวแล้วใช่ไหมคะ?”ท่านย่าได้ถาม
มายมิ้นท์ตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้มว่า:“ยังโอเคอยู่ค่ะ ไม่ค่อยหิวสักเท่าไหร่”
“ถ้างั้นก็แปลว่าหิวแล้ว งั้นพวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ ให้ห้องครัวเตรียมอาหารให้ มิ้นท์คะ คุณเอาของที่อยู่ในมือของเธอให้เปปเปอร์เลย ให้เขาเป็นคนถือ เป็นผู้ชายคนหนึ่ง แม้ว่าจะมีเพียงแขนเดียวที่สามารถใช้ได้ แต่แขนข้างนั้นก็ไม่ได้แปลว่าถือของไม่ได้เลยนี่คะ ดังนั้นคุณก็วางใจที่จะเอาของให้เขาเลย เราไม่ควรตามใจผู้ชายนะ เข้าใจไหมคะ?”ท่านย่าสอนเธอด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูจริงจัง
มุมปากของมายมิ้นท์กระตุก แล้วเธอก็มองไปที่เปปเปอร์ที่อยู่ข้างๆเธอ โดยไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี“ท่านย่าพูดตลกแล้วค่ะ”
“ฉันไม่ได้พูดตลกเลยนะ แล้วคุณจะรู้เองในภายหลัง เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ”ท่านย่าได้แตะที่หลังมือของป้าแดงอยู่หลายครั้ง ให้สัญญาณกับป้าแดงว่าให้พยุงตัวเองเข้าไปก่อน
เปปเปอร์กับมายมิ้นท์ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ได้ตามไป
“ได้ยินที่ท่านย่าพูดเมื่อสักครู่นี้ไหม ตอนนี้สามารถเอาของให้กับผมได้หรือยังครับ?”เปปเปอร์ยิ่นมือออกไป
“ให้คุณ”มายมิ้นท์ได้หยิบถุงหลายอันในมือให้กับเขาไป
เปปเปอร์ก็ได้ถือมา“ไปเถอะ อีกสักพักตอนที่เดินผ่านสวนไปนั้น จับแขนของผมไว้ด้วยนะ”
“ทำไมหรือ?”มายมิ้นท์เงยหน้าขึ้นมองดูเขาด้วยความสงสัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...