“ดังนั้นแล้วท่านย่าไม่ได้โกรธผมใช่ไหมครับ?”เปปเปอร์ยิ้มมุมปาก
ท่านย่าได้เหลือกตาใส่เขา“ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคุณทำเพื่อมิ้นท์ แต่เป็นการคิดขึ้นมากะทันหันแล้วก็ไปทำเช่นนี้เลย หญิงชราอย่างฉันคงตีคุณแน่ๆ”
เปปเปอร์ยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรเลย
ด้านข้างนั้น คนทั้งคนของมายมิ้นท์รู้สึกอึดอัดไปหมดแล้ว
แม้ว่าเรื่องที่เปปเปอร์ทุบทางเดินทิ้งนั้น ไม่ได้เป็นการยุยงของเธอ และท่านย่าก็ไม่ได้โกรธเลย
แต่ว่าเรื่องนี้ ก็ถือได้ว่าเกิดจากเธอเช่นกัน ภายในใจของเธอรู้สึกผิดเล็กน้อย รู้สึกว่าเป็นความผิดของตัวเองตลอด
หากไม่ใช่เพราะว่าตัวเองใส่รองเท้าส้นสูง เปปเปอร์ก็คงไม่มีความคิดที่จะทุบทางเดินนั้นทิ้งเลย
เดิมทีแล้วตัวเองก็แค่เป็นแขกรับเชิญคนหนึ่ง แต่กลับมาถึงบ้านเพียงครู่หนึ่ง ก็ทำให้เจ้าของบ้านนั้นปรับเปลี่ยนบ้านให้อำนวยความสะดวกเพราะตัวเอง นี่ทำให้เธอรู้สึกมีแรงกดดันเกินไปหน่อย
“ท่านย่าคะ ไม่ต้องฟังเปปเปอร์ที่ว่าจะปูทางเดินใหม่นะคะ ฉันไม่ได้มาบ่อยสักหน่อย พวกคุณทำเช่นนี้ ทำให้ฉันรู้สึกลำบากใจมากเลยค่ะ”มายมิ้นท์ได้จับมือของท่านย่าไว้ รีบพูดอย่างเร็วไว ต้องการหยุดความคิดของย่าหลานสองคนนี้ที่ต้องการจะเปลี่ยนทางเดินนั้น
แต่ท่านย่ากลับแตะที่มือของเธอ ยิ้มอย่างอ่อนโยน“มิ้นท์รู้สึกมีแรงกดดันที่ฉันเห็นด้วยกับการที่เปปเปอร์จะปูทางเดินใหม่ใช่ไหมคะ?ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องคิดเยอะ และก็ไม่ต้องใส่ใจเลย เปปเปอร์ยอมทำเพื่อคุณ ก็แสดงให้เห็นว่าเขารักคุณจริงๆ ดังนั้นคุณไม่ต้องรู้สึกเลยว่าจะมีแรงกดดันอะไร”
“แต่ว่า……”
มายมิ้นท์ต้องการจะพูดอะไรอีก เปปเปอร์ก็ได้หันศีรษะมองดูเธอ“ใครว่าคุณจะไม่มาบ่อยๆ?อีกหน่อยเราคบหากันแล้ว ก็พักที่บ้านเก่านี้เลย”
เขาได้คิดไว้แล้ว ว่าในอนาคตจะไม่พักที่คฤหาสน์ตระกูลนวบดินทร์ ให้มายมิ้นท์กับคุณแม่แยกกันอยู่
ทั้งสองคนมาที่บ้านเก่า มาอยู่กับท่านย่า
ท่านย่าอายุมากแล้ว ชอบความครึกครื้น เพราะว่าไม่ชอบคุณแม่ ดังนั้นจึงไม่ยอมไปพักอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลนวบดินทร์ จึงอยู่ที่บ้านเก่ามาโดยตลอด
รออีกหน่อย เขากับมายมิ้นท์ย้ายเข้ามาล่ะก็ ท่านย่าคงต้องชอบมากแน่ๆ
เป็นอย่างที่คาดไว้เลย พอท่านย่าได้ยินคำพูดนี้ของเปปเปอร์แล้ว ดวงตาประกายทันที“ข้อเสนอนี้ของคุณดีเลย”
“นายหญิงคะ ฉันก็รู้สึกว่ามันไม่เลวเลยค่ะ อีกหน่อยคุณชายใหญ่พวกเขาเข้ามาอยู่แล้ว ที่บ้านคงต้องครึกครื้นแน่นอนเลยค่ะ ”ป้าแดงก็พูดด้วยความดีอกดีใจ
“นั่นน่ะสิ”ท่านย่าก็ได้ยิ้มพร้อมกับพยักหน้า
ใบหน้ามายมิ้นท์แดงก่ำไปหมด คนทั้งคนนรู้สึกเขินทำอะไรไม่ถูกเลย “ท่านย่าคะ ท่านย่าพูดอะไรเนี่ย ฉันและเปปเปอร์เป็นแค่เพื่อนทั่ว……”
“ในไม่ช้าก็เร็ว พวกเราก็จะคบหากัน ไม่ใช่หรือครับ?”เปปเปอร์ขัดจังหวะพูดของเธอ พร้อมมองดูเธอด้วยสายตาที่ล้ำลึก
ริมฝีปากที่แดงก่ำของมายมิ้นท์เปิดออก แต่พูดอะไรไม่ออกเลย
โดยหลักแล้ว เธอควรจะคัดค้านว่าพวกเขาไม่มีทางคบหากันเลย
แต่พอคำพูดนั้นมาถึงปาก เธอกลับพูดไม่ออกเลยสักนิด
เพราะเธอรักเขา ดังนั้นภายในใจของเธอก็คิดที่จะคืนดีกับเขาอยู่สินะ?
มายมิ้นท์ก้มศีรษะลง ทำให้คนดูสีหน้าบนใบหน้าได้ไม่ชัดเจน
เปปเปอร์รู้ว่าเธอหนีปัญหาอีกแล้ว ไม่ยอมที่จะเผชิญหน้ากับมัน จึงเลือกที่จะหนี ได้ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ได้เปลี่ยนเรื่อง“เอาเถอะ ไปกินข้าวก่อนเลย”
ท่านย่าก็ดูการหนีปัญหาของมายมิ้นท์ออก มองดูเปปเปอร์ด้วยความเห็นอกเห็นใจเล็กน้อย และได้พยักหน้า“กินข้าวกันเถอะ มิ้นท์ กินข้าวกันนะ”
เหตุผลที่เธอพูดกับแดงเช่นนั้น เป็นเพราะเธอต้องการช่วยเปปเปอร์สักหน่อย ทำให้เปปเปอร์และมิ้นท์ได้อยู่ด้วยกันโดยเร็วที่สุด
เพียงแต่นึกไม่ถึงเลย ว่าตอนนี้มิ้นท์จะขี้ขลาดต่อความรู้สึกถึงขั้นนี้ได้ขนาดนี้
เห็นได้ว่าหกปีมานี้ เธอเจ็บปวดมากจริงๆ
ขณะที่คิด ท่านย่าก็ได้มองไปทางเปปเปอร์ด้วยความไม่สบอารมณ์
แม้เปปเปอร์ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆท่านย่าถึงไม่ชอบตัวเองขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย ได้ตักอาหารเล็กน้อยใส่ไปที่ถ้วยของมายมิ้นท์“ลองชิมดูว่ารสชาติเป็นยังไงบ้าง?”
“ฉันตักเองค่ะ”มายมิ้นท์หยิบตะเกียบขึ้นมา และได้คีบกุ้งที่อยู่ในถ้วยใส่เข้าไปในปากของตัวเอง
เปปเปอร์มองดูที่เธอ เห็นได้ชัดว่ากำลังรอความคิดเห็นจากเธออยู่
แต่ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นความหมายที่ท่านย่าต้องการสื่อ แน่นอนว่าเขาก็ต้องทำตามอยู่แล้ว
ระหว่างที่คิดอยู่ เปปเปอร์ก็ได้ลุกขึ้นมา“ครับ ผมจะไปจัดเตรียมตอนนี้ครับ”
หลังจากนั้น เขาก็ได้ยื่นมือไปวางไว้ที่ไหล่ของมายมิ้นท์ แตะเบาๆ“คุณอยู่ที่นี่คุยกับท่านย่าเลย อีกเดี๋ยวจัดห้องพักเสร็จแล้ว ผมจะมาบอกคุณเอง”
มายมิ้นท์หันศีรษะมองไปตรงมือที่วางอยู่บนไหล่นั้น และได้ตอบกลับ“โอเคค่ะ”
เปปเปอร์ได้เอามือออก เตรียมจะก้าวเดินจากไป
พึ่งจะเดินได้ก้าวหนึ่ง ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้ และได้หยุดก้าวเดินอีกครั้ง จากนั้นก็ได้ถอดเสื้อโค้ทบนตัวลงมา และได้คลุมให้เธอ“ไม่รู้ว่าท่านย่าจะคุยกับคุณนานแค่ไหน ใส่เสื้ออีกตัวหนึ่งจะดีกว่า”
“……”มายมิ้นท์คาดไม่ถึงว่าจู่ๆ เปปเปอร์ก็ได้คลุมเสื้อให้กับเธอ และได้ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
ท่านย่าได้เหลือบตามองดูเปปเปอร์“ทำไม?คุณรู้สึกว่าฉันจะปล่อยให้มิ้นท์หนาวงั้นหรือ?”
“ผมรู้อยู่แล้วครับว่าท่านย่าไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน แต่มันก็ไม่ได้ขัดกับความเป็นห่วงของผม และอีกอย่าง มีเรื่องอะไรให้คุย ท่านย่าก็รีบคุยให้เสร็จเร็วๆ อย่ายืดเวลานานนะครับ เธอต้องการพักผ่อน”เปปเปอร์ยกข้อมือขวาขึ้น ส่งสัญญาณให้เธอดูเวลา
ท่านย่าสะบัดมือด้วยความน่ารำคาญ“ฉันรู้แล้ว ฉันรู้แล้ว จะไม่รบกวนการพักผ่อนของมิ้นท์หรอก คุณรีบออกไปเถอะ คุณอยู่ที่นี่สิถึงเรียกว่ายืดเวลา”
เปปเปอร์เม้มริมฝีปากเล็กน้อย ได้เก็บสายตาคู่นั้นแล้วก้มศีรษะลงมองดูผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ น้ำเสียงก็อ่อนโยนขึ้นมาทันที“ผมไปนะครับ หากว่าภายในครึ่งชั่วโมงนี้ท่านย่ายังคุยกับคุณไม่เสร็จ คุณโทรมาหาผมนะ”
“คุณทำเช่นนี้มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้งคะ?”มายมิ้นท์พูดด้วยความหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
เปปเปอร์ได้ขยับริมฝีปากที่แดงก่ำ กำลังจะพูดนั้น ท่านย่าก็ได้กระแทกไม้เท้าด้วยความรำคาญใจ“พอได้แล้ว จุกจิกจู้จี้อะไรอยู่นั่น หญิงชราอย่างฉันจะพยายามคุยให้จบภายในครึ่งชั่วโมงนี้ได้ไหมล่ะ รีบไปให้เร็ว จริงๆเลย!”
เมื่อเผชิญหน้ากับการขับไล่ของท่านย่าอีกครั้ง เปปเปอร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ในที่สุดก็ไม่พูดอะไรอีก ได้หันหลังกลับและออกจากศาลาริมน้ำไป
หลังจากที่เขาไปแล้ว มายมิ้นท์รู้สึกโล่งใจขึ้นมาในทันที
เพราะว่ามีเขาอยู่ และยังกำชับเรื่องมากมายกับเธอ ทำให้เธอค่อนข้างลำบากใจ
“ไอ้หมอนี่ในที่สุดก็ไปได้สักที ก่อนหน้านั้นไม่เห็นเขาจะจุกจิกจู้จี้ขนาดนี้เลย”ท่านย่าได้พูดอย่างช่วยไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าการจากไปของเปปเปอร์ ก็ทำให้เธอโล่งใจด้วยเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...