รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 617

มองดูดารามายที่ดูตกตะลึง และมีท่าทีที่วุ่นวายยุ่งเหยิงไปหมดนั้น มายมิ้นท์ได้หรี่ตาลงเล็กน้อย และสายตานั้นมีความเย็นเยือกแวบวาบผ่าน“คุณคงกำลังคิดอยู่ ว่าฉันรู้เรื่องนี้ได้ยังไงใช่ไหม?”

ดารามายได้กลืนน้ำลายเล็กน้อย และได้เปิดปากอีกครั้ง แต่ไม่ได้เปล่งเสียงออกมา

มายมิ้นท์เยาะเย้ย“หากไม่ต้องการให้คนอื่นมารับรู้ในสิ่งที่ตัวเองทำ นอกซะจากตัวเองไม่ไปทำสิ่งนั้น สิ่งที่คุณเคยทำนั้น ก็ต้องมีคนรับรู้แล้วมาบอกกับฉัน ฉันรู้แม้กระทั่งใครที่เป็นคนเอายาให้กับคุณ เยี่ยมบุญใช่ไหม?”

สีหน้าของดารามายเปลี่ยนในทันทีอีกครั้ง

เมื่อเห็นเช่นนี้ มายมิ้นท์ได้กำหมัดแน่น ภายในใจรู้สึกเคร่งขรึมขึ้นมาทันที

เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เป็นเยี่ยมบุญจริงๆด้วย

แม้ว่าเธอสงสัยมาโดยตลอดว่าจะเป็นเยี่ยมบุญ แต่ก็ไม่มีหลักฐานใดๆมาพิสูจน์ว่าเป็นเขาแน่ๆ เธอก็ไม่พบเบาะแสอะไรออกมาเลย

ดังนั้นเมื่อสักครู่ ที่จริงแล้วเธอก็เพียงแค่ถามด้วยความหยั่งเชิงเท่านั้น แต่เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเธอแล้ว เธอก็มั่นใจได้แล้วว่า เป็นเยี่ยมบุญจริงๆ

“ดารามาย คุณเยี่ยมมากเลยจริงๆ ทั้งๆที่รู้ว่าตระกูลภักดีพิศุทธิ์กับตระกูลกิตติภัคโสภณเป็นความสัมพันธ์แบบคู่อาฆาตกัน แต่คุณกลับร่วมมือกับตระกูลภักดีพิศุทธิ์ มาคิดร้ายกับคุณพ่อแท้ๆของตัวเอง คนอย่างคุณ แทบจะไม่คู่ควรกับการเป็นมนุษย์เลย คุณเทียบไม่ติดกับหมาด้วยซ้ำ อย่างน้อยหมาก็ยังพอมีมโนธรรม แต่คุณกลับไม่มีอะไรเลย คุณมีเพียงความเน่าเสียภายในนั้นเท่านั้น ”มายมิ้นท์ได้เอามือออกจากคางของดารามายด้วยความแรงแล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าสูทที่ก่อนหน้านั้นเปปเปอร์ได้ให้ไว้ ออกมาเช็ดนิ้วมือของตัวเองที่ได้จับเธอด้วยความรังเกียจ

ที่ข้างๆ เมื่อเลขาซินดี้ที่ได้ยินคำพูดของมายมิ้นท์แล้ว ภายในใจเกิดความตกตะลึงขึ้นมาทันที ดวงตาคู่นั้นจ้องมองดารามายที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นนั้นด้วยความไม่น่าเชื่อ

เดิมทีตอนที่เธอได้ยินจากประธานลาเต้เรื่องที่ดารามายหอบเงินทุนหนี จนทำให้คุณพ่อของตัวเองฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึก ก็ทำให้รู้สึกตกตะลึงแล้ว ยังคิดอีกว่า ในโลกใบนี้ ทำไมถึงได้มีลูกสาวเช่นนี้ด้วย

แต่ตอนนี้เธอพึ่งจะรู้ว่าเรื่องที่ตัวเองได้ยินมาจากประธานลาเต้นั้น ถือได้ว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กเรื่องน้อยมาก แต่เรื่องที่ได้ยินจากที่ประธานใหญ่ต่างหาก จึงจะถือได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่น่าตกใจมาก

คาดไม่ถึงว่าอดีตประธานใหญ่ไม่ได้ฆ่าตัวตายโดยการกระโดดตึกเพราะดารามาย แต่เป็นเพราะถูกดารามายคิดร้ายวางยาใส่

เรื่องหนึ่งคือฆ่าคุณพ่อตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ อีกเรื่องหนึ่งคือตั้งใจฆ่าคุณพ่อตัวเอง

แม้ว่าเรื่องแรกจะทำให้คนรู้สึกรังเกียจ แต่ก็มีโทษไม่ถึงขั้นประหารชีวิต

แต่ว่าเรื่องที่สองนั้น กลับบ้าคลั่งไร้สติ และไร้มโนธรรมเช่นนั้น หากไม่ประหารชีวิตคงยากที่จะปล่อยวางได้

เมื่อดารามายได้ยินมายมิ้นท์เปรียบเทียบตัวเองเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ไม่มีความรู้สึกละอายใจเลยสักนิด กลับยิ้มด้วยความชั่วร้ายขึ้นมา“คุณพูดว่าฉันไร้มโนธรรม วางยาให้กับคุณพ่อตัวเอง ทำให้คุณพ่อตัวเองเสียชีวิต มายมิ้นท์ คุณไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ว่าฉันได้ทำเรื่องพวกนี้ ฉันไม่ยอมรับข้อหาความผิดนี้หรอกนะ”

ใช่แล้ว เพียงแค่มายมิ้นท์ไม่มีหลักฐาน แม้ว่าเธอได้ทำเรื่องเหล่านี้จริงๆ มายมิ้นท์ก็ไม่สามารถทำอะไรเธอได้

ไม่ว่าอย่างไร เธอแค่ไม่ยอมรับมันก็พอแล้ว

มายมิ้นท์มองดูท่าทางความมั่นหน้า และในสายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยคุณทำอะไรฉันไม่ได้หรอกเช่นนั้นอย่างดารามาย ใบหน้าก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ยังคงไม่รีบไม่ร้อน ใจเย็นอย่างมาก

เธอได้คิดไว้แต่แรกอยู่แล้วว่าดารามายต้องทำตัวเลวไร้เหตุผล ไม่มีทางยอมรับเรื่องที่ตัวเองเคยทำพวกนี้ดีๆหรอก มิเช่นนั้นเธอก็คงอัดคลิปเสียงในโทรศัพท์นานแล้ว

“คุณไม่ยอมรับตอนนี้ก็ไม่เป็นไร ฉันก็ไม่มีหลักฐานจริงๆ แต่ฉันจะต้องหามันออกมาได้แน่นอน ในโลกใบนี้ เพียงแค่เป็นเรื่องที่เคยทำไว้ ก็ต้องมีร่องรอยทิ้งไว้แน่นอน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคุณ หรือว่าเป็นตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ฉันก็จะไม่ปล่อยไว้เลยสักคน ต้องมีสักวันหนึ่ง ฉันจะให้พวกคุณได้ชดใช้อย่างสาสมแน่นอน”มายมิ้นท์ได้พับผ้าเช็ดหน้าสูท แล้วใส่ในกระเป๋าตัวเอง และพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก

หากไม่ใช่เพราะว่ากลัวทำมือตัวเองสกปรก หากไม่ใช่เพราะว่ากลัวทำให้ตระกูลกิตติภัคโสภณและเทนเดอร์กรุ๊ปอับอาย เธอแทบอยากจะกำจัดดารามายกับเยี่ยมบุญลับๆทันที เพราะไม่ว่าอย่างไรด้วยวิธีการแก้แค้นนี้ ทั้งง่ายดายและรวดเร็ว

แต่ว่ามันไม่ได้ วิธีการแก้แค้นเช่นนี้ คุณพ่อก็ไม่ชอบแน่นอน ชื่อเสียงของเทนเดอร์กรุ๊ปและตระกูลกิตติภัคโสภณก็จะพังลง ดังนั้นเธอทำได้เพียงใช้วิธีการทางกฎหมายมาแก้แค้น

“ได้ ฉันจะรอ ฉันจะรอดูซิว่าคุณจะสามารถหาหลักฐานได้ไหม”ดารามายไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของมายมิ้นท์เลยสักนิด กลับเยาะเย้ยมายมิ้นท์ขึ้นมา

มายมิ้นท์ขยับปากที่แดงก่ำนั้นพูดอย่างเบาๆว่า:“คุณจะได้เห็นอยู่แล้ว และแน่นอน ก่อนจะถึงเมื่อนั้น หน้าที่ที่คุณควรทำต่อคุณพ่อ ก็ต้องทำให้ฉันจนถึงที่สุด กดศีรษะของเธอต่อไป คุกเข่าคำนับเดี๋ยวนี้ จนกระทั่งเธอจะสลบไป!”

“ครับ ประธานใหญ่”บอดี้การ์ดทั้งสองได้ตอบตกลง

รูม่านตาของดารามายได้ขยายใหญ่ขึ้น มองดูมายมิ้นท์ด้วยความไม่น่าเชื่อ เห็นได้ว่าเธอนึกไม่ถึงเลยว่ามายมิ้นท์จะมีจิตที่วิปริตฟั่นเฟือนได้ขนาดนี้ ต้องการให้เธอคุกเข่าคำนับจนกระทั่งจะสลบไป

“มายมิ้นท์ คุณมันบ้าไปแล้ว!”ดารามายตะโกนออกไปด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

มายมิ้นท์ได้หันหลังกลับไป ไม่มองดูเธอเลยแม้แต่น้อย และได้เดินตรงไปทางเปปเปอร์

พึ่งจะก้าวเดินออกไป มายมิ้นท์ก็ได้ยินเสียงที่คุกเข่าคำนับดังมาจากด้านหลังของเธออีกครั้ง

เสียงนั่นเสียงดังฟังชัดมาก เห็นได้ว่าบอดี้การ์ดทั้งสองคนใช้แรงเยอะมาก ไม่มีความออมมือเลยสักนิด

ถึงจะเป็นโลหะ ก็คงจะคุกเข่าคำนับจนมันเป็นรอยบุบ นับประสาอะไรกับศีรษะมนุษย์

มายมิ้นท์ได้พยักหน้าเล็กน้อย “ฉันก็คิดว่า เธอจะสามารถอดทนได้อีกหน่อย โอเค ในเมื่อได้สลบแล้ว ก็นำคนส่งขึ้นไปบนรถเถอะ แล้วส่งไปที่โรงพยาบาลนิวเวอร์โดยตรงเลย ส่งให้กับคุณหมอคนหนึ่งที่ชื่อว่าการันต์ หลังจากส่งให้แล้วพวกคุณก็เลิกงานได้เลย พรุ่งนี้ไปรับโบนัสสำหรับหนึ่งเดือนที่แผนกการเงินเลย ถือว่าเป็นการชดเชยที่ฉันให้พวกคุณที่ได้ตากฝน”

“ได้ครับประธานใหญ่”บอดี้การ์ดตอบรับคำสั่งนั้นด้วยความดีใจ และได้หันหลังเดินจากไป

เมื่อเปปเปอร์เห็นบอดี้การ์ดสองคนนั้นได้ยกดารามายจากไปแล้ว จึงจะถามมายมิ้นท์“คุณวางแผนที่จะให้การันต์สกัดยีนของดารามายในตอนนี้เลยหรือ?”

มายมิ้นท์ได้ตอบกลับ“ใช่แล้วค่ะ ถือโอกาสนี้ รีบทำเรื่องโดยเร็ว และเลี้ยงดูเด็กที่ต่างประเทศก่อนดีกว่า”

“แล้วคุณได้ทักทายการันต์ก่อนแล้วหรือเปล่า?”เปปเปอร์ที่ถือร่มอยู่ ถามไปพร้อมกับเดินออกจากสุสานกับเธอด้วยกัน

มายมิ้นท์ได้ส่ายหัว“ยังเลยค่ะ เดี๋ยวขึ้นรถแล้วค่อยไปติดต่อหาเขา”

เปปเปอร์พยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้ถามอะไรอีก

ในระหว่างทางกลับไปนั้น เธอกับมายมิ้นท์ยังคงนั่งอยู่ที่เบาะหลัง และเป็นเลขาซินดี้ที่ขับรถ

แอร์ระบบอุ่นภายในรถก็เปิดอุ่นมาก ดังนั้นแม้ทั้งสองคนจะถอดเสื้อกันหนาวแล้ว ก็ไม่รู้สึกว่าหนาวเลย

เปปเปอร์หยิบผ้าเช็ดสองผืนออกจากกล่องเก็บของในรถ แล้วยื่นให้มายมิ้นท์หนึ่งผืน“เช็ดผมสักหน่อย”

เมื่อสักครู่ตอนที่ฝนตกนั้น เธอก็ได้ตากฝนอยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่าผมของเธอจะไม่เปียกมากนัก แต่ก็ยังเปียกอยู่ดี ไม่เช็ดผมสักหน่อย มันจะง่ายต่อการเป็นหวัด

แต่หลังจากที่มายมิ้นท์ได้รับผ้าเช็ดไปแล้ว กลับวางลงบนตัก ไม่มีท่าทีว่าจะเช็ดผมเช่นนั้น และได้หยิบผ้าเช็ดจากมือของเปปเปอร์มา

เปปเปอร์มองดูเธอด้วยแววตาที่สงสัย“เป็นอะไรหรือ?”

มายมิ้นท์ได้จับที่มือของเขาเล็กน้อย “คุณก้มศีรษะลงหน่อย”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว