รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 632

“ไปๆๆ อย่ามัวแต่ยืนแช่อยู่ตรงนี้ เรารีบกลับไปเขียนข่าวกันเถอะ จะได้ชิงปล่อยข่าวเป็นคนแรก รับรองได้หายห่วงเรื่องความนิยมประจำเดือนนี้แน่ๆ”

บริษัทตระกูลนวบดินทร์มีอิทธิพลขนาดไหนใครๆก็รู้ทั้งนั้น เปปเปอร์เป็นถึงประธานบริษัท จึงตกเป็นที่สนใจระดับต้นๆในทุกวงการอยู่แล้ว

ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เล่นข่าวเกี่ยวกับเขา ยังไงก็ต้องขึ้นฮอตเสิร์ชแน่นอน

ปาปารัซซี่ทั้งสองเก็บซ่อนกล้องอย่างระมัดระวัง หดตัววิ่งดุ่มๆขึ้นรถตู้ที่จอดอยู่ข้างทาง จากนั้นก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว

มายมิ้นท์กับเปปเปอร์ยังไม่รู้ตัวว่าถูกแอบถ่าย ในตอนนี้ทั้งสองคนออกมาจากตัวเมือง มุ่งหน้าไปยังเขตนอกชานเมือง

มายมิ้นท์ลดกระจกลงมองวิวข้างทาง หางตากระตุกถี่ไม่หยุด “เปปเปอร์ นี่อย่าบอกนะว่าเรากำลังจะไปดูหนังที่ภาคเหนือ?”

เปปเปอร์ตอบอืม “ใช่”

“ทำไมล่ะ?”มายมิ้นท์หันมามองเขา “ในเมืองมีโรงหนังตั้งเยอะทำไมไม่ดู จะถ่อไปดูถึงภาคเหนือทำไมตั้งไกล?”

เปปเปอร์หลุบตาลงเล็กน้อย เพื่อปกปิดประกายบางอย่างในแววตา ตอบกลับอย่างเรียบนิ่งว่า “เหมันต์บอกว่า โรงหนังที่ภาคเหนือหลงเหลือมาจากศตวรรษที่แล้ว โครงสร้างตึกยังคงความเป็นยุคเก่าเอาไว้ อีกอย่างหนังที่ผมอยากดูวันนี้ ก็เป็นหนังในสมัยนั้น ไปดูที่นั่นน่าจะได้บรรยากาศ”

ผู้ช่วยเหมันที่กำลังขับรถอยู่เบาะหน้าได้ยินประโยคนี้เข้า ก็อดที่จะเหลือบตามองบนไม่ได้

เขาบอกกับผีน่ะสิ เขาไม่เคยพูดอะไรพวกนี้เลยสักนิด จะไปดูที่ไหน มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประธานเปปเปอร์ต่างหากล่ะ

ตอนที่เขาซื้อตั๋ว เขาสงสัยแทบตายว่าทำไมประธานเปปเปอร์ต้องให้เขาจองตั๋วโรงหนังภาคเหนือที่อยู่ตั้งไกลขนาดนั้นด้วย แต่ประธานเปปเปอร์ก็ตอบแค่ว่า “เพราะว่าไกลนี่แหละ เวลากลับบ้านจะได้นานๆ”

ผลกลับกลายเป็นว่า ประธานเปปเปอร์โบ๊ยทุกอย่างมาที่เขา ให้เขาแบกรับความผิดซะอย่างนั้น ทั้งๆที่เขาก็เป็นคนแค่คนตัวเล็กๆน่าสงสาร ยังต้องมาเป็นแบกรับความผิดนี้อีก

ทำได้เพียงกักเก็บคำพร่ำบ่นในใจเอาไว้ ผู้ช่วยเหมันต์ดึงเนกไท ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่แล้วครับคุณมายมิ้นท์ ดูหนังทั้งทีก็ต้องซึมซับไปกับมันด้วย ไม่ใช่แค่ต้องเข้าถึงตัวบท บรรยากาศเองก็มีส่วนสำคัญ ถ้าบรรยากาศเข้ากับหนังก็จะยิ่งทำให้ผู้ชมอินและซึ้งไปกับมันมากกว่าเดิม”

เมื่อมายมิ้นท์ได้ยินที่เขาอธิบาย ก็พยักหน้า “คุณพูดมีเหตุผลดี”

“ขอบคุณสำหรับคำชมครับคุณมายมิ้นท์” ผู้ช่วยเหมันต์ยิ้มตาหยีพร้อมกับดันกรอบแว่นขึ้น จากนั้นก็ปรายตามาที่กระจกหลัง เพื่อมองเปปเปอร์

ซึ่งเปปเปอร์ก็กำลังมองมาพอดี ทั้งสองจึงสบตากัน

ผู้ช่วยเหมันต์ส่งซิกทางสายตาประมาณว่า “ประธานเปปเปอร์ ผมเล่นละครเป็นยังไงบ้าง?”

เปปเปอร์เชิดหน้าอย่างสูงส่ง “ไม่เลว”

ผู้ช่วยเหมันต์ถอนหายใจอย่างโล่งอก ละสายตากลับมามองทางตรงหน้า

ในตอนนี้เอง จู่ๆมายมิ้นท์ก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกว่า “ว่าแต่ หนังชื่อว่าอะไรเหรอ?”

ช่วงนี้สไตล์ย้อนยุคกำลังเป็นที่นิยมในวงการบันเทิง ดังนั้นภาพยนตร์และละครที่ถ่ายทำ จึงเกี่ยวข้องกับประเทศหรือสงครามเป็นส่วนใหญ่

เอาแค่หนังเกี่ยวกับประเทศที่ได้ฉายในเดือนนี้ ก็ปาไปสามเรื่องแล้ว

ดังนั้น เธอจึงไม่รู้ว่าหนังที่เปปเปอร์กำลังพาเธอไปดูมันคือเรื่องไหน

เปปเปอร์หยิบตั๋วออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นส่งไปให้เธอ “บนตั๋วมีชื่อเรื่องอยู่”

“ขอดูหน่อย” มายมิ้นท์รับตั๋วหนังมา แล้วก้มดู จากนั้นก็อ่านชื่อเรื่องออกมาช้าๆว่า เงาลับฐานันดร ที่แท้ก็หนังเรื่องนี้นี่เอง

“เคยดูแล้วเหรอ?” เปปเปอร์เผยสีหน้าตกใจออกมา

มายมิ้นท์ส่ายหน้า “ยัง เคยได้ยินมาน่ะ หนังเรื่องนี้ดังมาก เวลานักแสดงในเทนเดอร์คุยกันก็พูดถึงเรื่องนี้กันทั้งนั้น ได้ยินมาว่าบทไม่เลวเลยนี่ ความรักระหว่างตัวเอกก็ซึ้งมาก เพราะงั้นฉันเลยค่อนข้างอยากดู แต่ว่าช่วงนี้ยุ่งเกินไป เลยไม่มีเวลาไปดูเลย ขอบคุณคุณด้วยนะที่ชวนมาดู ฉันจะได้ดูให้เห็นกับตาสักทีว่าหนังเรื่องนี้มันดีเท่าไหร่กันเชียว”

เธอคืนตั๋วหนังให้เขา พร้อมกับยิ้มให้

เปปเปอร์เบาใจลงเล็กน้อย

ไม่เคยดูก็ดีแล้ว

เขากลัวก็แต่ว่าเธอจะเคยดูแล้ว การที่ตัวเองพาเธอมา ก็คงเหมือนชวนมาดูซ้ำอีกรอบ แบบนั้นก็คงไม่น่าตื่นเต้นสำหรับเธอเท่าไหร่

ผู้ช่วยเหมันต์ที่ขับรถอยู่เบาะหน้าเองก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเหมือนกัน

ดีแล้วที่คุณมายมิ้นท์ยังไม่ได้ดู

ถ้าเกิดว่าเคยดูแล้วล่ะก็ ประธานเปปเปอร์ต้องใช้งานเขาไปหาหนังดีๆเรื่องใหม่ จากนั้นก็ให้เขาซื้อตั๋วแน่ๆ

มายมิ้นท์โบกมือ “เปล่าๆ เราเข้าไปกันเถอะ ใกล้จะได้เวลาแล้ว”

“อืม” เปปเปอร์พยักหน้า เดินจูงมือเธอเข้าไปในโรงหนัง

โรงหนังแห่งนี้มีประวัติเกือบร้อยปี ทว่าสิ่งอำนวยความสะดวกหลายๆอย่างก็ยังคงความเป็นยุคเก่าเอาไว้ ดังนั้นทันทีที่ก้าวเข้ามาข้างใน ก็ทำให้รู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปช่วงยุคเก่า

ผู้ช่วยเหมันต์พูดเอาไว้ไม่มีผิด ว่าการมาดูหนังที่นี่ มันได้บรรยากาศจริงๆ

เมื่อมาถึงจุดตรวจตั๋ว จู่ๆเปปเปอร์ก็ดึงตั๋วออกมาจากมือของมายมิ้นท์ที่กำลังจะเข้าไปตรวจตั๋ว

มายมิ้นท์เงยหน้ามองเขา “มีอะไรเหรอ?”

เปปเปอร์ชี้ไปยังร้านขายอาหารตรงหน้า “อยากกินอะไรไหม?”

เขาเห็นคนไปเข้าแถวซื้อป็อบคอร์นหลายคน

ส่วนใหญ่พอผู้ชายซื้อเสร็จก็จะยื่นให้ผู้หญิง ผู้หญิงก็จะแสดงท่าทีดีใจออกมา บางคนถึงขั้นจุ๊บแก้มกันก็มี

ถ้าเขาซื้อให้เธอเหมือนกัน มายมิ้นท์จะจุ๊บเขาบ้างหรือเปล่านะ?

ในตอนที่เปปเปอร์กำลังนึกถึงความเป็นไปได้นี้ จู่ๆมายมิ้นท์ก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่เอาดีกว่า ถ้าหนังดีจนฉันตั้งใจดู ก็คงลืมว่าตัวเองมีของกินอยู่ดี หนังเริ่มฉายก็คงไม่ค่อยได้กินเท่าไหร่ ซื้อมาเปลืองเปล่าๆ เราไปกันเถอะ”

“ผมอยากซื้อ” เปปเปอร์ยืนนิ่งไม่ขยับ จากนั้นก็มองผู้หญิงคนอื่นเหมือนส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง “พวกเธอยังซื้อเลย ผมอยากให้คุณซื้อด้วย รอผมแป็บนะ”

พูดจบ เขาก็ปล่อยมือเธอ แล้วเดินตรงไปยังจุดขาย

มายมิ้นท์มองตามแผ่นหลังของเขา ริมฝีปากสีแดงขยับกลายเป็นรอยยิ้มอ่อนหวาน

จู่ๆเขาก็หลุดพูดอะไรเสี่ยวๆออกมาอีกแล้ว

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า คำพูดนี้มันทำให้เธอประทับใจจริงๆ

เพราะมันหมายความว่าเขาให้ความสำคัญกับเธอ ไม่อยากให้เธอแพ้ผู้หญิงคนอื่น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว