เปปเปอร์ไม่ได้ตอบ เห็นได้ชัดว่าเธอเดาถูก
ระหว่างที่มายมิ้นท์สงสัย ก็รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาในเวลาเดียวกัน
เธอรู้ว่าเขาอยากทานข้าวเที่ยงกับเธอ ไม่อยากให้เธอทานก่อนคนเดียว
มายมิ้นท์ถอนหายใจ แววตาอ่อนโยนลง “ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย นายรู้อยู่แท้ๆ ว่าฉันหลับอยู่ ยังรอฉันอีก นายรู้เหรอว่าฉันจะนอนถึงกี่โมง ถ้าฉันนอนจนถึงตอนเลิกงานช่วงเย็น นายคงจะไม่รอฉันจนถึงตอนเลิกงานหรอกใช่ไหม”
เปปเปอร์ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย คุณอย่าทำหน้าจริงจังแบบนั้นสิ”
“นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่เหรอ” มายมิ้นท์เม้มปากแดง พูดเสียงสูง “กินข้าวไม่ตรงเวลา ไม่ดีต่อร่างกาย นายรู้หรือเปล่า อีกทั้งเมื่อคืนนายยังเกิดอุบัติเหตุด้วย”
“ไม่หรอกน่า” เปปเปอร์ส่ายหน้าเบาๆ แค่ทานอาหารช้าไปนิดหน่อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
มายมิ้นท์เห็นท่าทีไม่สะทกสะท้านของเขา เธอโมโหจนตีไปที่ขาเขาหนึ่งที
เปปเปอร์เจ็บจนส่งเสียงออกมา
มายมิ้นท์พูดอย่างเย็นชา “สมน้ำหน้า!”
“โกรธเหรอ” เปปเปอร์ลูบขาที่โดนเธอตีจนเจ็บ แล้วเอียงหัวมองเธอเล็กน้อย
มายมิ้นท์ไม่อยากมองหน้าเขา จึงหันหน้าไปทางอื่น “นายคิดว่าไงล่ะ กินข้าวไม่ตรงเวลายังไม่เท่าไร คิดไม่ถึงว่าจะไม่รู้สึกอะไร ฉันจะไม่โมโหได้ยังไง ฉันเป็นห่วงสุขภาพนาย ดูนายสิ กลับไม่สนใจ”
“เปล่านะ” เปปเปอร์ยื่นมือออกมาจับไหล่เธอ เห็นเธอหันมา จึงพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ผมไม่ได้ไม่สนใจ ผมฟังคำพูดของคุณ แต่ผมแค่คิดว่าทานข้าวไม่ตรงเวลาแค่มื้อเดียว คงไม่ส่งผลอะไรกับร่างกาย อีกอย่าง เทียบกับการทานข้าวคนเดียว ผมอยากทานกับคุณมากกว่า ทานข้าวสองคน ถึงจะอร่อยไม่ใช่เหรอ”
มายมิ้นท์ช้อนตามองเขา “พูดน่ะพูดได้ แต่ตอนนั้นนายปลุกฉันก็ได้นิ”
เปปเปอร์หัวเราะ “คุณหลับลึกขนาดนั้น หน้าตอนนอน สวยขนาดนั้น ผมจะปลุกคุณได้ยังไงกัน”
คำพูดนี้ทำให้มายมิ้นท์หน้าแดง จ้องเขาอย่างไม่สบอารมณ์ ความโกรธในใจ หายไปในพริบตา
เขามีวิธีระงับความโกรธของเธอตลอด
“ช่างเถอะ ครั้งนี้จะปล่อยนายไป ต่อไปไม่ต้องรอฉันแล้ว นายเป็นแบบนี้ ต่อไปฉันไม่กล้ามาพักผ่อนที่นี่แล้ว” มายมิ้นท์พูดออกมาอย่างเหนื่อยใจ
ไม่กล้ามาที่นี่เหรอ
ได้ยังไงกันล่ะ!
เปปเปอร์สีหน้าเคร่งขรึม พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ได้ ต่อไปจะไม่ทำอีก นี่เป็นครั้งสุดท้าย”
“จริงเหรอ” มายมิ้นท์เลิกคิ้วขึ้น
เปปเปอร์พยักหน้า “จริง”
“งั้นก็ดี” ในที่สุดมายมิ้นท์ยิ้มออกมา จากนั้นยังไม่ลืมกำชับว่า “ถึงต่อไปฉันไม่ได้มาที่นี่ นายก็ต้องทานข้าวให้ตรงเวลา ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินผู้ช่วยเหมันตร์บอกว่า บางครั้งนายยุ่งจนไม่มีเวลาทานข้าว แบบนี้ไม่ได้นะ ร่างกายจะรับไหวได้ยังไง ถ้าร่างกายนายมีปัญหาขึ้นมา ฉันจะรังเกียจนายนะ”
เธอข่มขู่เขา
แววตาเปปเปอร์เคร่งขรึม ยากจะได้เห็น “งั้นดูเหมือนว่า เพื่อไม่ให้คุณรังเกียจผม เพื่อไม่ให้โดนคุณทอดทิ้ง ผมคงต้องบำรุงตัวเองอย่างดีจริงๆ แล้วล่ะ”
“แน่นอน นายแก่กว่าฉันตั้งหลายปี ต้องบำรุงตัวเองให้ดี ไม่งั้นต่อไปนายแก่ตัวลง เวลาเราไปข้างนอก คนอื่นจะว่านายแก่เหมือนพ่อฉันนะ” มายมิ้นท์มองเขาแล้วยิ้ม
เปปเปอร์มีสีหน้าตกตะลึง
แก่กว่าเธอหลายปีงั้นเหรอ
ไปข้างนอก คนอื่นจะว่าเขาแก่เหมือนพ่อเธองั้นเหรอ
การพูดทั้งสองอย่างนี้ เขาไม่ชอบสักอย่าง รู้สึกเหมือนเขาแก่แล้วจริงๆ
คิดพลาง เปปเปอร์อดยกมือขึ้นมาลูบหน้าตัวเองไม่ได้ จากนั้นจึงมองหน้ามายมิ้นท์
“อืม” มายมิ้นท์พยักหน้า จากนั้นขมวดคิ้ว “ทำไม หน้านายหมายความว่าไง สงสัยฉันเหรอ”
“เปล่า” เปปเปอร์ส่ายหน้า “ผมไม่ได้สงสัย ผมแค่อยากรู้ว่า คุณเอาหลักฐานมาจากไหน”
“ฉันมีวิธีของฉันน่า” มายมิ้นท์ยิ้มให้เขา จากนั้นเอามือถือออกจากกระเป๋า เปิดเสียงที่บันทึกเอาไว้
เปปเปอร์ได้ยินเสียงที่บันทึกเอาไว้ เขาหรี่ตาลง
เป็นผู้จัดการคนหนึ่ง ที่เป็นลูกน้องของธนู
ก่อนหน้านี้เขาให้เหมันตร์ไปสืบ ว่าธนูส่งใครเข้ามาในห้องทำงานเขา สิ่งที่เหมันตร์สืบได้ ก็คือผู้จัดการคนนี้
แต่รู้ว่าเป็นผู้จัดการคนนี้ ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่ได้พิสูจน์ว่าผู้จัดการคนนี้ เข้ามาหาเอกสารในห้องทำงานเขา อีกทั้งผู้จัดการคนนี้ยังสามารถเล่นลิ้นได้ บอกว่าตัวเองเข้ามาดูเท่านั้น ทำอะไรเขาไม่ได้
ถึงเป็นเขาก็ทำไม่ได้
เพราะผู้จัดการคนนี้ เป็นคนของธนู อีกทั้งธนูยังเป็นประธานอาวุโสของบริษัท มีความดีความชอบต่อบริษัทในช่วงแรก
ถ้าเขาหาหลักฐานไม่ได้ แล้วทำกับคนของธนูกับธนูแบบนี้ พวกผู้ถือหุ้นบางส่วนของบริษัท ต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน
ดังนั้น เขาจึงสั่งให้เหมันตร์ไปหาหลักฐาน ถ้าเป็นผู้ถือหุ้นคนอื่น เขาคงไม่อดทน หาหลักฐานแบบนี้หรอก จัดการทันทีก็จบแล้ว
แต่คิดไม่ถึงว่า เหมันตร์ยังไม่ทันหาหลักฐาน ที่คนของธนูเข้ามาหาเอกสารได้ มายมิ้นท์ก็เอาหลักฐานมาให้เขาแล้ว อีกทั้งยังเป็นเสียงที่อัดไว้ ซึ่งเป็นหลักฐานที่มีประโยชน์มาก
นี่ทำให้เขา......โมโหมาก!
เมื่อเปิดเสียงที่บันทึกไว้จนจบ เปปเปอร์เม้มปาก มองผู้หญิงตรงหน้า ด้วยสีหน้าอึมครึม
หญิงสาววางมือถืออย่างได้ใจ ยังไม่เห็นความเปลี่ยนไปของชายหนุ่ม ยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นไง หลักฐานฉันไม่เลวใช่ไหม เดี๋ยวฉันส่งให้นาย เดิมทีฉันจะส่งให้นายพร้อมข้อความพวกนั้น แต่ตอนนั้นนายกำลังประชุม ฉันกลัวนายจะเปิดในที่ประชุม ทำให้คนในบริษัทนายได้ยิน ความลับรั่วแล้วจะอันตราย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...