“เอ่อ……” เลขาซินดี้เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตั้งสติกลับมาได้ เหมือนกับว่าจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ ด้วย
พอแตะจมูกไปอย่างเขินอายครู่หนึ่ง แล้วเลขาซินดี้ก็พูดขึ้นอย่างเขินอายว่า “ถึงแม้ว่าท่านประธานจะเป็นคนบีบให้เธอขอโทษ แต่ว่านี่ก็เป็นเพราะว่าเธอทำผิดก่อน ถ้าคุณไม่บีบเธอ เธอก็ไม่มีทางขอโทษด้วยซ้ำ ดังนั้นที่ท่านประธานบับบังคับเธอมันก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่เธอกลับทำเหมือนกับว่าคุณมีความผิด คุณมีความผิดมากมายยังไงอย่างงั้น นี่มันช่างทำให้คนรู้สึกอยากจะอ้วกจริง ๆ”
มุมปากของมายมิ้นท์คลี่ยิ้มขึ้นมาอย่างเยาะเย้ย “ไม่มีทางเลือก คนที่สมองมีปัญหาแบบนี้ ไม่มีทางคิดว่าตัวเองมีความผิดอยู่แล้ว พวกเขาจะคิดแต่ว่า คนที่ผิดคือผู้อื่นเท่านั้น”
ส้มเปรี้ยวก็เป็นคนแบบนี้
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ตกลงส้มเปรี้ยวหลบไปอยู่ที่ไหนแล้ว
การันต์เคยบอกไว้ว่า เขาเคยวางยาพิษที่ได้จากสารสกัดต้นปรงสาคูให้ส้มเปรี้ยวไปสองครั้ง ยาพิษอันนั้นสามารถทำให้คนเป็นหนึ่งในโรคร้ายแรงที่ทรมานมากได้ ซึ่งก็คือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงALS
ถึงแม้ว่าตอนนี้ส้มเปรี้ยวอาจจะยังไม่ได้เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงALSโดยตรง แต่ว่าร่างกายของส้มเปรี้ยว ก็โดนยาพิษนั่นทำลายไปแล้ว การเคลื่อนไหวก็จะต้องเริ่มเชื่องช้าลง
เพราะฉะนั้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เธอกับเปปเปอร์ก็จะลงมือตามหาเบาะแสของส้มเปรี้ยว จากพวกหมอที่รักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงALSบนโลกนี้ แต่ตามหามานานขนาดนี้แล้ว หมอพวกนั้นก็ยังไม่เคยได้รักษาผู้ป่วยที่คล้ายกับส้มเปรี้ยวเลย แล้วก็ยิ่งไม่เคยโดนใครเชิญไปรักษาให้คนไข้ส่วนตัวเลยด้วย
ดังนั้น จากสิ่งนี้จะสามารถเห็นได้ว่า หรือไม่ก็เป็นเพราะว่าร่างกายของส้มเปรี้ยวยังไม่เริ่มเชื่องช้าแข็งทื่อ ในเมื่อร่างกายของคนทุกคนนั้นไม่เหมือนกัน การันต์เองก็ไม่รับประกันว่าตอนนี้ร่างกายของส้มเปรี้ยวจะต้องมีปัญหาแน่นอน พูดได้แต่เพียงว่าโอกาสที่จะมีปัญหานั้นสูงมาก
อย่างที่สองก็คือ ร่างกายของส้มเปรี้ยวมีปัญหาขึ้นมาแล้วจริง ๆ เพียงแต่แค่เพื่อไม่ให้โดนหาเจอ ก็เลยตั้งใจไม่ไปหาหมอรักษาอาการป่วย โดยปล่อยให้ร่างกายค่อย ๆ แข็งทื่อต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งมันก็มีความเป็นไปได้อยู่
ในเมื่อส้มเปรี้ยวเป็นคนที่โหดเหี้ยมแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ทั้งโหดเหี้ยมกับคนอื่น และโหดเหี้ยมกับตัวเองด้วย
พอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้ว มายมิ้นท์ก็เก็บเรื่องราวของส้มเปรี้ยวไปก่อนชั่วคราว ไม่งั้นยิ่งคิดก็จะยิ่งกลุ้มใจ
“ตอนนี้สถานการณ์ในอินเทอร์เน็ตเป็นยังไงบ้าง?” มายมิ้นท์ขยับคอเล็กน้อยแล้วก็ถามขึ้นมา
เลขาซินดี้ตอบกลับไปว่า “เพราะว่าคุณได้สั่งไว้ตั้งแต่แรก ดังนั้นทางประชาสัมพันธ์ก็เลยได้เฝ้าสังเกตการณ์ไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ถึงแม้ในโลกออนไลน์จะมีการคาดเดาต่อตัวคุณ เพราะว่าการร้องห่มร้องไห้ของพัดชา แต่ว่าปัญหาไม่ได้ใหญ่โตมาก ส่วนใหญ่ทางประชาสัมพันธ์ได้ข่มลงไปหมดแล้ว ไม่ได้มีกระแสที่มากมายนัก แต่กลับมีสื่อบางสำนักติดต่อฉันมา อยากจะถามสาเหตุโดยรวมที่พัดชาออกมาขอโทษ แต่ฉันไม่ได้สนใจค่ะ”
“ไม่สนใจก็ถูกแล้ว ไม่ว่าใครจะมาถาม ก็ไม่ต้องสนใจทั้งนั้น” มายมิ้นท์สะบัดมือแล้วพูดขึ้นมา
เลขาซินดี้พยักหน้าเล็กน้อย “ฉันรู้ค่ะ แต่ว่าพัดชาคนนี้ตั้งใจแสดงท่าทางแบบนั้นในอินเทอร์เน็ต ชักนำให้ชาวเน็ตเข้าใจผิด ท่านประธาน คุณจะ……”
“ไม่ต้องหรอก” มายมิ้นท์เม้มปากขึ้นเล็กน้อย “ฉันเข้าใจความหมายของคุณ แต่ว่าคนแบบนี้ไม่ต้องไปสนใจหรอก ยิ่งคุณไปสนใจ เธอก็จะยิ่งได้ใจ สุดท้ายก็อาจจะทำเรื่องอะไรออกมา มายืนยันว่าฉันรังแกเธอจริง ๆ ได้ไม่คุ้มเสีย คิดเสียว่าเธอเป็นอากาศเถอะ ในเมื่อต่อไปนี้ก็ไม่ได้เจอหน้ากันแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปเพิ่มความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งกับเธอหรอก”
ในเมื่อเธอก็พูดมาอย่างนี้แล้ว แน่นอนว่าเลขาซินดี้ก็ได้ช่างมันเถอะ “โอเคค่ะ ฉันรู้แล้วค่ะ”
มายมิ้นท์ตอบอืมไปคำหนึ่ง “ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ก็วางสายเถอะ ฉันไปจะเทนเดอร์กรุ๊ปก่อนเริ่มงานช่วงบ่ายนะ”
“ได้ค่ะท่านประธาน” เลขาซินดี้พยักหน้าเล็กน้อย
มายมิ้นท์เอาโทรศัพท์ออกจากข้างหู แล้วถึงมองดูเวลาเล็กน้อย
สิบโมงยี่สิบนาทีแล้ว
เธอก็ไม่ได้นอนไปนานเท่าไหร่นี่
เธอยังจำได้ เมื่อคืนก่อนที่เธอจะนอนหลับไปนั้น คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเห็นว่าที่หน้าต่างบานใหญ่ ท้องฟ้าได้เกิดแสงสีเหลืองทองขึ้นมาแล้ว
ในเวลานั้น น่าจะเป็นเวลาตีห้ากว่าแล้ว
ดังนั้น เธอก็แค่นอนไปประมาณห้าหกชั่วโมงเท่านั้น ไม่ได้นานมากจริง ๆ
แต่ว่านี่ก็แค่สำหรับคนที่นอนดึกอย่างเธอมาพูดเท่านั้น
สำหรับคนทั่วไปที่นอนก่อนเที่ยงคืนมาพูดนั้น เธอก็ตื่นสายมากเกินไปจริง ๆ
รูดเวลาหน้าจอผ่านไป มายมิ้นท์ถึงพบว่า ในโทรศัพท์ยังมีข้อความของเปปเปอร์อีกอันหนึ่ง เวลาที่ส่งข้อความมา กลับเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้ากว่า ๆ
ที่แท้ เขาตื่นเช้าขนาดนี้เลย และจากไปเช้าขนาดนี้เลย
นั่นก็หมายความว่า เขาไม่ได้นอนมาตลอดทั้งคืนเลยเหรอ?
ตรงข้างประตูมีคนนั่งอยู่คนหนึ่งจริง ๆ ด้วย
คนที่ใส่ชุดพนักงานของโรงแรมเอาไว้ ข้างกายมีกล่องส่งอาหารวางอยู่ด้วย ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ตรงนั้น และเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือไปอย่างเบื่อหน่าย
พอได้ยินเสียงด้านหลังเปิดประตูแล้ว พนักงานก็รีบหันหน้าไปมองข้างหลัง พอเห็นมายมิ้นท์ ก็รีบเก็บโทรศัพท์ไปแล้วลุกขึ้นมาทันที แล้วกล่าวทักทายอย่างดีใจขึ้นมา “คุณผู้หญิง ในที่สุดคุณก็ตื่นสักที”
จะไม่ให้ดีใจได้ยังไง เขารออยู่ตรงนี้มาตั้งหนึ่งชั่วโมงกว่าแล้วนะ และนั่งจนขาชาแล้ว ในที่สุดตอนนี้ก็รอจนเจอตัวสักที จะได้กลับไปส่งงานสักที
มายมิ้นท์เห็นพนักงานคนนี้จดจ้องตัวเองจนตาเป็นประกาย ก็เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไรแล้วเหมือนกัน และยิ้มอย่างเก้อเขินขึ้นว่า “ขอโทษด้วยนะคะ นอนเพลินไปหน่อย ทำให้คุณต้องรออยู่นานเลย”
“ไม่เป็นไรครับ” พนักงานสะบัดมือเล็กน้อย จากนั้นก็หิ้วกล่องขึ้นมาและเปิดซิปออก แล้วเอาอาหารเช้าที่อยู่ด้านในออกมา ยื่นให้กับมายมิ้นท์ “คุณผู้หญิง นี่คืออาหารเช้าที่คุณเปปเปอร์สั่งให้คุณครับ เก็บอยู่ในกล่องเก็บอุณหภูมิมาตลอด ยังร้อนอยู่เลยนะครับ คุณสามารถกินได้เลยครับ”
“โอเคค่ะ รบกวนคุณแล้วนะคะ” มายมิ้นท์รับอาหารเช้ามา พอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ลอยมาจากถุง ในใจก็เกิดรอยยิ้มขึ้นมา
พนักงานสะพายกล่องไว้บนไหล่ “ไม่รบกวนหรอกครับ งั้นคุณผู้หญิงค่อย ๆ รับประทานไปนะครับ ผมขอตัวก่อนแล้ว”
“ค่ะ” มายมิ้นท์พยักหน้าขึ้นมา
พนักงานหมุนตัวจากไป มายมิ้นท์จ้องมองเขาจากไปแล้ว ถึงได้ปิดประตูห้องลง แล้วหิ้วอาหารเช้าเข้าบ้านไป พอมาถึงหน้าโต๊ะอาหาร ก็ดึงเก้าอี้ออกมานั่งลงไป แล้วเริ่มกินอาหารขึ้นมา
กินไปด้วย แล้วเธอก็ครุ่นคิดไปด้วยว่า ตัวเองจะส่งอะไรไปให้เปปเปอร์สักหน่อยไหม?
เมื่อคืนเขาไม่ได้พักผ่อนเลย หรือว่าจะส่งซุปบำรุงร่างกายอะไรไปให้เขาสักหน่อยไหมนะ?
ในเมื่อของอย่างอื่นก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ ไม่มีส่วนช่วยร่างกายอะไรเขาเลย
และที่สำคัญตอนนี้เปปเปอร์ก็ยังไม่ได้ตอบข้อความของเธอ คิดว่าคงจะกำลังยุ่งอยู่แน่
ไม่ได้พักผ่อนมาทั้งคืน แล้วตอนนี้ก็ต้องยุ่งไม่หยุด ร่างกายจะไปรับไหวได้ยังไง?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...