ทามทอยฟังออกถึงความเสียดายที่ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงของเธอ มุมปากกระตุกเล็กน้อย “เดี๋ยวสิมายมิ้นท์ นี่คุณอยากให้ผมเดินไม่ไหวงั้นเหรอ? มิน่าเมื่อสักครู่คุณถึงได้ลงมือหนักแบบนั้น ผมนึกว่าคุณแค่ควบคุมแรงไม่ได้ ใครจะรู้ล่ะว่า คุณจงใจ!”
เขาชี้ไปที่เธอ ด้วยสีหน้าตกตะลึง
มายมิ้นท์เบ้ปาก และทำเสียงไม่พอใจ “ใครใช้ให้คุณพูดจายุแยงตะแคงรั่วล่ะ มันเป็นการไม่ให้เกียรติฉันและเปปเปอร์คุณรู้ไหม?”
เมื่อสักครู่เธอโมโหเล็กน้อยจริง ๆ
ทามทอยพูดจาให้ร้ายเปปเปอร์ พูดให้เปปเปอร์เป็นคนอารมณ์แปรปรวน แบบที่ชอบใส่อารมณ์และลงไม้ลงมือกับคนอื่น
เปปเปอร์เป็นแฟนของเธอ เป็นธรรมดาที่เธอจะไม่ยอมให้คนอื่นมาว่าเขาแบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้น คนคนนี้ยังเป็นเพื่อนของเปปเปอร์อีกด้วย
อีกอย่างก็คือ ทามทอยให้เธอทิ้งเปปเปอร์และคบหากันกับเขา แล้วนี่เขาเห็นเธอเป็นอะไรกัน
เห็นเธอเป็นนางวันทอง ที่จิตใจรวนเรเปลี่ยนใจไปเรื่อยงั้นเหรอ?
มีใครบ้างที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้แล้วไม่โมโห?
ดังนั้นเมื่อสักครูเธอถึงได้ทนไม่ไหว และได้เหยียบเท้าของเขาไป นับว่าเป็นการสั่งสอนเล็กน้อยเท่านั้นเอง
ทามทอยมองใบหน้าที่ค่อนข้างเย็นชาของมายมิ้นท์ และรู้ว่าคำพูดที่เขาพูดไปนั้นไม่ถูก เขาเอามือแตะจมูกด้วยความรู้สึกกินปูนร้อนท้อง “เอ่อคือ ผมแค่ล้อเล่นน่ะ”
“จะล้อเล่นแบบนี้ไม่ได้” มายมิ้นท์ถลึงตาใส่เขา
ทามทอยก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด และนั่งลงบนที่นั่งข้าง ๆ เธอ “ผมรู้แล้ว ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีก ผมไม่อยากจะกลายเป็นคนพิการเดินไม่ได้จริง ๆ หรอกนะ”
เขาชี้ไปที่เท้าของตัวเอง
รองเท้าหนังที่เขาสวมใส่อยู่นั้นวาววับ พื้นผิวมันเป็นเงา
แต่หลังจากที่ถูกเธอใช้ส้นเท้าเหยียบเมื่อสักครู่ ไม่เพียงมีฝุ่นอยู่บนพื้นผิว แถมยังได้ทิ้งรอยเอาไว้ ดูแล้วเทียบกับอีกข้างไม่ได้เลยสักนิด
ในที่สุดมายมิ้นท์ก็กลั้นเอาไว้ไม่อยู่ และหลุดหัวเราะออกมา “รู้ก็ดีแล้ว เรื่องบางอย่างจะล้อเล่นไม่ได้”
“เข้าใจแล้ว ๆ ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว” ทามทอยโบกมือ เปลือกตาห้อยลง ปิดความโศกเศร้าที่อยู่ในดวงตาของเอาไว้
เฮ้อ เมื่อสักครู่เขาล้อเล่นจริง ๆ แต่ในเวลาเดียวกัน ในการล้อเล่นนี้ก็ได้แฝงความจริงใจของเขาเอาไว้ด้วย
เขาอยากจะทดสอบจริง ๆ ว่าความรู้สึกที่เธอมีต่อเปปเปอร์นั้นลึกซึ้งเพียงใด
ดังนั้นจึงได้จงใจพูดกับเธอว่า เปเปปอร์นิสัยไม่ดี มีความเป็นไปได้ที่จะลงมือกับผู้หญิง ก็แค่อยากรู้ว่าเธอจะเชื่อคำพูดของ และสงสัยเปปเปอร์ขึ้นมาหรือไม่
ถ้าหากเธอสงสัยเปปเปอร์ขึ้นมา ในใจรู้สึกว่าเปปเปอร์จะลงมือกับผู้หญิง เช่นนั้นก็หมายความว่า ความรู้สึกที่เธอมีต่อเปปเปอร์ ยังไม่ได้ลึกซึ้งเท่าเมื่อหกปีก่อน ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเปปเปอร์ก็คงรักษาเอาไว้ได้ไม่นาน ต้องมีสักวันที่ต้องแยกจากกัน
เช่นนั้นโอกาสของเขา ก็จะกลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ?
เขารู้ว่า ให้ร้ายเปปเปอร์เพื่อแย่งชิงมาให้ตนเองเป็นการกระทำที่ต่ำช้า แต่ความเห็นแก่ตัวนั้นเป็นธรรมชาติของมนุษย์ พยายามแย่งชิงเพื่อตนเอง มีอะไรผิด เขาก็แค่พูดจาให้ร้ายเปปเปอร์นิดหน่อยเท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรเปปเปอร์จริง ๆ สักหน่อย เขาไม่คิดว่าตัวเองทำมากเกินไป
อีกอย่างเขาก็เคยคิดแล้วว่า ถ้าหากความรู้สึกที่เธอมีต่อเปปเปอร์ยังไม่ลึกซึ้งมากจริง ๆ ตัวเองยังพอจะมีความหวังอยู่บ้าง เช่นนั้นเขาก็สามารถทำอะไรบางอย่างต่อได้ พยายามให้พวกเขาแยกทางกันโดยเร็ว เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้พวกเขาต้องทุกข์ทรมานเพราะความรักอีกครั้ง จนต้องโศกเศร้าเสียใจอย่างหนัก
แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าหากความรู้สึกระหว่างพวกเขานั้นลึกซึ้งแล้ว เขาก็จะวางมือ
แต่ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่า ความรู้สึกที่มายมิ้นท์มีต่อเปปเปอร์นั้นลึกซึ้งมาก ไม่เพียงเชื่อใจเปปเปอร์ แถมยังทนฟังคนอื่นพูดจาให้ร้ายเปปเปอร์ไม่ได้ การปกป้องแบบนี้ ทำให้คนรู้สึกอิจฉาริษยาจริง ๆ
ดูเหมือนว่าครั้งนี้ เขาจะต้องปล่อยมือแล้วจริง ๆ
ทามทอยยิ้มที่มุมปากอย่างขมขื่น
เมื่อก่อนเขาได้บอกกับเปปเปอร์ว่าตนเองปล่อยมือแล้ว แต่ในใจนั้นยังไม่ยอมแพ้ ความไม่ยอมแพ้นี้ ได้ขยายใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้พบกับมายมิ้นท์ ดังนั้นเขาเลยได้สลัดการปล่อยมือที่เขาได้พูดกับเปปเปอร์เมื่อก่อนหน้านี้ทิ้งไป ตัดสินใจที่จะต่อสู้เพื่อตัวเองอีกสักครั้ง
และจากข้อมือผอมแห้งของดารามายที่ปรากฏออกมานั้นสามารถเห็นได้ว่า ในช่วงที่เธอถูกควบคุมตัวเอาไว้ ดารามายมีการกินอยู่ที่ไม่ดีเป็นอย่างมาก ร่างกายของเธอผอมแห้งลง เสื้อกั๊กตัวใหญ่ที่สวมอยู่นั้นดูหลวมมาก
ถ้าดารามายเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเธอ หรือไม่เคยวางยาพิษคุณพ่อมาก่อน บางทีเห็นแก่หน้าคุณพ่อ เมื่อเธอเห็นดารามายในสภาพเช่นนี้ อาจจะใจอ่อนก็ได้
แต่เห็นได้ชัด ดารามายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ไม่คู่ควรให้เธอใจอ่อน
เพราะเหตุนี้ หลังจากที่มายมิ้นท์ได้มองดารามายเพียงแวบหนึ่ง ก็ได้เก็บสายตากลับมาอย่างเย็นชา
ทว่าในวินาทีที่มายมิ้นเก็บสายตากลับมานั่นเอง ดารามายที่กำลังเดินก้มหน้าไปยังที่นั่งของจำเลย ก็พลันเงยหน้าขึ้นมา และมองมายังมายมิ้นท์ที่นั่งอยู่บนที่นั่งของโจทก์ ความโกรธแค้นได้แพร่กระจายออกมาจากดวงตาของเธอ จนใบหน้าบิดเบี้ยว
หากไม่ใช่เพราะเธอถูกผู้คุมควบคุมตัวอยู่ แถมยังถูกใส่กุญแจมือและโซ่ตรวนเอาไว้ เกรงว่าเธอจะต้องกระโจนเข้ามา และฆ่ามายมิ้นท์ให้ตายในทันที
“ไม่ต้องมอง เดินไป!” เมื่อผู้คุมหญิงที่ควบคุมตัวในดารามาย สัมผัสได้ถึงสายที่ดารามาย
มองมายมิ้นท์ ก็ขมวดคิ้ว และกล่าวตักเตือนอย่างเยือกเย็น
เมื่อดารามายได้ยินเสียงของผู้คุมหญิง เหมือนกับนึกอะไรขึ้นมาได้ ร่างกายสั่นสะท้านอย่างหวาดกลัว และก้มหน้าลงไปอีกครั้ง มีท่าทางระมัดระวังและหวาดระแวงเหมือนกับตอนที่เพิ่งเข้ามา
“เมื่อกี้ดารามายถลึงตาใส่คุณ” ทามทอยเห็นดารามายที่ยืนอยู่ในตำแหน่งของจำเลย จู่ ๆ ก็เอ่ยเตือนมายมิ้นท์ขึ้นมา
สายตาของมายมิ้นท์มองตรงไปยังด้านหน้า “ฉันรู้ ฉันสัมผัสได้แล้ว หล่อนแทบอยากจะฆ่าฉันด้วยซ้ำ”
ทามทอยแจะปาก “ผู้หญิงคนนี้ตลกจริง ๆ ตัวเองมาหาเรื่องคุณแล้วแพ้เองแท้ ๆ กลับใช้สายตาที่พยาบาทอาฆาตแค้นแบบนี้มองคุณ เหมือนกับคุณไม่ควรที่จะตอบโต้กลับอย่างนั้นแหละ”
ริมฝีปากแดง ๆ ของมายมิ้นท์โค้งขึ้นมา “หล่อนก็เป็นคนแบบนี้แหละ ไม่มีอะไรน่าแปลก”
“พูดจริง ๆ นะผม ไม่เข้าใจจริง ๆ”
“ไม่เข้าใจอะไร?” มายมิ้นท์หันไปมองเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...