ท่าทางนี้ของเธอ เหมือนกับคนโรคจิต ที่จู่ๆก็อาการกำเริบขึ้นมาอย่างนั้น ทำให้คนที่ได้เห็นรู้สึกขนลุกขนชัน
มายมิ้นท์กลัวว่าจะติดเชื้อไปด้วย จึงรีบสะบัดคางของพัดชาออกไปแล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เปปเปอร์ก็ลุกขึ้น เดินมาถึงด้านหลังของเธอ ใช้ร่างกายขวางเธอเอาไว้ เธอจะได้ไม่ล้มลงมาถ้าถอยอย่างไม่ทันระวัง หรืออาจจะไปกระแทกอะไรเข้าก็ได้
ถึงเวลานั้น คนที่ปวดใจก็เป็นเขาอยู่ดี
“เช็ดมือหน่อย” เปปเปอร์หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากในกระเป๋าเสื้อ ส่งไปให้มายมิ้นท์ บอกเป็นนัยๆว่าให้มายมิ้นท์เช็ดมือที่เพิ่งสัมผัสพัดชาเมื่อกี้นี้
มายมิ้นท์ยิ้มให้ชายหนุ่มเล็กน้อย “เราสองคนใจตรงกันอย่างที่คิดเลยนะ เมื่อกี้ฉันกำลังเตรียมจะหยิบของมาเช็ดมืออยู่เลย”
แต่ไม่ต้องรอให้เธอหาในกระเป๋าของตนเอง เขาก็ส่งผ้าเช็ดหน้ามาให้เธอแล้ว
เปปเปอร์ได้ยินคำว่าใจตรงกันของเธอ ก็หัวเราะเบาๆ “งั้นแสดงว่า เดิมทีเราสองคนคงจะเกิดมาคู่กันอยู่แล้ว ต่อให้คุณไม่พูดอะไรเลย แต่เพียงแค่สายตาของคุณ แค่ท่าทางของคุณ ผมก็จะรู้ได้ทันที ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ คุณต้องการอะไร”
นอกจากนั้น เพียงแค่เป็นสิ่งที่เธอต้องการ เขาก็จะเตรียมเอาไว้อย่างดี แล้วส่งไปที่ด้านหน้าของเธอทันที
คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้มายมิ้นท์ซาบซึ้งใจ
หลังจากเช็ดมือเสร็จ ก็เก็บผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา แล้วเป็นฝ่ายยื่นมือเข้าไปกอดชายหนุ่มเอาไว้
ชายหนุ่มตกใจเป็นอันดับแรก แล้วถึงยิ้มออกมา ยกแขนขึ้น กอดเธอกลับไป
ทั้งสองคนเริ่มโชว์ความหวานต่อหน้าพัดชาแล้ว
ถ้าเป็นเวลาปกติ พัดชาอาจจะคลุ้มคลั่งไปแล้วก็ได้
แต่ตอนนี้ พัดชาตกอยู่ในสภาวะสติฟั่นเฟือน ยิ้มอย่างเสียสติทั้งยังน่าขนลุกอยู่ตรงนั้น ในปากเอาแต่พึมพำอยู่กับตัวเอง
ส่วนกำลังพึมพำอะไรนั้น มายมิ้นท์กับเปปเปอร์ต่างฟังไม่ชัดเจน พูดเร็วเกินไป อีกอย่างค่อนข้างยุ่งเหยิงน่าสับสนด้วย
สรุปแล้ว พัดชาในตอนนี้ เหมือนคนไข้จิตเภทคนหนึ่งเลย
มายมิ้นท์ปล่อยเปปเปอร์ออก ขมวดคิ้วสวยๆมองพัดชาที่เป็นอย่างนี้ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม: “ท่าทางนี้ของเธอ เหมือนไม่ได้แสร้งทำนะ”
เปปเปอร์อืมออกมา ถือเป็นการตอบรับ
เห็นได้ชัดว่า เขาก็มองออก ท่าทางอย่างนี้ของพัดชาไม่ได้กำลังแสดงอยู่
มายมิ้นท์เม้มปากเล็กน้อยแล้วพูดต่อ: “หลังจากที่เธอบอกว่า ระหว่างฉันกับเธอไม่ได้มีความแค้นกันแค่นี้ ก็เปลี่ยนเป็นอย่างนี้เลย คุณว่า ประโยคนั้นหมายความว่าไงกันแน่? หรือจะบอกว่า ระหว่างฉันกับเธอ ยังมีความเกลียดชังความแค้นอื่นที่ฉันไม่รู้อีก? แต่ว่า เมื่อก่อนฉันไม่รู้จักเธอเลยนะ”
เปปเปอร์มองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมอก “อย่าคิดมาก ตอนนี้ดูแล้วเธอน่าจะมีอาการทางจิต บางทีเธออาจจะคิดอะไรบางอย่างออกมาเองก็ได้”
มายมิ้นท์พยักหน้า “ก็เป็นไปได้ แต่ฉันไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ไม่นึกว่าเธอจะมีอาการป่วยทางจิต”
พูดๆอยู่ เธอก็มองพัดชาที่ยังหัวเราะอย่างเสียสติอยู่ตรงนั้นอีกครั้ง “บางที ในอดีตเธออาจจะประสบพบเจอกับอะไรมาก็ได้”
“ไม่ว่าเธอจะเจออะไรมา นั่นก็ไม่เกี่ยวกับเราทั้งนั้น สภาพของเธอเป็นอย่างนี้ คาดว่าคงถามไม่ได้ความอะไรออกมาแล้วแหละ จนปัญญาที่จะได้คุยกันแบบปกติๆแล้ว เราออกไปกันก่อนเถอะ” เปปเปอร์บีบมือของมายมิ้นท์เบาๆ
มายมิ้นท์พยักหน้า อืมออกมา จากนั้นจึงโดนเขาจูงมือเดินไปทางประตู
ตอนที่เดินมาถึงประตูห้องไต่สวน มายมิ้นท์กลับหยุดฝีเท้าลง
เปปเปอร์รู้สึกได้ว่าเธอหยุดฝีเท้าลง จึงหยุดตามไปด้วย แล้วหันมามองเธอ “มีอะไรเหรอ?”
มายมิ้นท์ไม่ได้ตอบ แค่ส่ายหัวให้เขา แล้วหันไปมองพัดชาที่อยู่ด้านหลัง
พัดชายังคงมีสภาพอย่างนั้น ก้มหน้า แววตาหม่นหมอง ในปากพึมพำ ส่งเสียงหัวเราะแปลกๆออกมาบ่อยๆ ท่าทางนั้น เห็นแล้วน่าตกใจอยู่เหมือนกัน
เปปเปอร์เห็นแล้ว หรี่ตาขึ้นมาด้วยความสะอิดสะเอียน จากนั้นจึงใช้ฝ่ามือใหญ่ๆช้อนหลังหัวของมายมิ้นท์ หันใบหน้าของเธอกลับมา “พอเถอะ มีอะไรให้น่ามอง อย่าทำให้ตาของตัวเองสกปรกเลย”
มายมิ้นท์หัวเราะเบาๆ “ฉันไม่เคยเจอคนที่มีอาการทางจิตนี่นา ถึงได้สงสัยจนอยากมองหลายๆรอบหน่อย”
“ใครบอกว่าคุณไม่เคยเจอ?”
“ฉันเคยเจอเหรอ?” มายมิ้นท์ชะงักเล็กน้อย “ตอนไหน ทำไมฉันไม่รู้ล่ะ?”
เปปเปอร์ดึงเธอออกไปจากห้องไต่สวน “ราเม็งไม่ใช่หรือไง?”
“......” มายมิ้นท์สะอึกเล็กน้อย พูดไม่ออกบอกไม่ถูก “อะไรกัน ราเม็งแค่มีหลายบุคลิกนะ ไม่ใช่โรคจิตสักหน่อย”
เพราะเขารู้ว่า เธอตั้งใจพาเขาออกไปจากสถานการณ์น่าอึดอึด
ส่วนเขา ก็ยินยอมตามออกไปด้วย
เปปเปอร์กับมายมิ้นท์มาถึงห้องโถงของสถานีตำรวจ ทนายตัวแทนของพัดชาก็อยู่ที่นี่ด้วย กำลังถือมือถือ คุยอะไรกับปลายสายอยู่
มายมิ้นท์ได้ยินน้ำเสียงของเขาที่พูดกับปลายสายอย่างค่อนข้างนอบน้อม ถึงขั้นประจบสอพลอด้วยซ้ำ แต่เธอกลับไม่เห็นความนอบน้อมและการสรรเสริญเยินยอบนใบหน้าของเขา ในตอนที่กำลังคุยอยู่กับปลายเลย
เห็นได้ชัดว่า ภาพลักษณ์ของทนายวุฒิที่มีต่อคนปลายสายนั้นนอบน้อมมาก แต่จริงๆก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายตั้งแต่แรกแล้ว
ราวกับรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังจ้องมองตนเองอยู่ ทนายวุฒิจึงเงยหน้ามองไปทางมายมิ้นท์ และสบเข้ากับสายตาของมายมิ้นท์พอดี
มายมิ้นท์คิดไม่ถึงว่าเขาจะตื่นตัวเช่นนี้ จึงตกตะลึงเล็กน้อย แล้วพยักหน้ายิ้มบางๆให้เขาอย่างสุภาพ ไม่โดนเขาสังเกตเห็นความประหม่าเลยสักนิด
อันที่จริง เดิมทีเธอก็มองอย่างโจ่งแจ้งนะ ไม่ได้หลบๆซ่อนๆสักหน่อย มีอะไรที่ต้องประหม่าล่ะ
แล้วเธอก็ไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายอะไรด้วย
ทนายวุฒิเห็นมายมิ้นท์ทักทายตนเอง ก็ไม่ได้ตอบกลับไปในทันที แต่มองเปปเปอร์ที่อยู่ข้างกายเธอก่อน
เมื่อเห็นว่าถึงเปปเปอร์จะหน้าตานิ่งเฉย แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจอะไร เขาจึงกล้ายิ้มบางๆอย่างมีมารยาทตอบมายมิ้นท์กลับไปด้วยความสบายใจ
“ไปเถอะ ไปนั่งตรงนู้นกัน อีกเดี๋ยวเขาจะตามมา” เปปเปอร์จูงมือมายมิ้นท์ ชี้ๆไปที่โซฟาด้านข้าง
มายมิ้นท์ก็เดินไปกับเขา ยิ้มเจื่อนๆถามขึ้น “เป็นอะไรไป? ไม่หึงแล้วเหรอ?”
เธอจ้องมองทนายวุฒิ ทั้งยังทักทายทนายวุฒิอีก เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้
แต่ที่น่าแปลกก็คือ ไม่นึกว่าเขาจะไม่มีปฏิกิริยา
รู้ๆอยู่ เขาน่ะขี้หึงสุดๆเลย แค่เธอมองคนอื่นมากขึ้นหน่อย เขาก็หึงตนเองจนจะเป็นจะตายให้ได้
แต่การนิ่งเฉยของเขาคราวนี้ กลับทำให้เธอสงสัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...