รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 899

ในวินาทีนี้ ใบหน้าของพัดชาได้เปิดเผยออกมาหมดแล้ว เพียงแต่ว่าเธอยังหลับตาแน่นอยู่ เหมือนกับว่านอนหลับไปแล้วยังไงอย่างงั้น

พอผู้ช่วยทัตเห็นแบบนี้ก็เดินหน้าขึ้นไปก้าวหนึ่ง “เจ้านายครับ จะปลุกเธอตื่นไหมครับ?”

เกรียงไกรตอบอืมมาคำหนึ่ง

ผู้ช่วยทัตมองซ้ายมองขวาไป แล้วเห็นบนโต๊ะในห้องควบคุมตัว ยังมีน้ำที่ดื่มไม่หมดอยู่แก้วหนึ่ง น่าจะเป็นน้ำของตำรวจที่มาสอบปากคำพัดชาเหลือทิ้งเอาไว้

พอเห็นน้ำแก้วนั้น ผู้ช่วยทัตก็เดินไปถือขึ้นมาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด จากนั้นก็เอามาสาดลงบนหน้าพัดชาเลย

ตำรวจด้านข้างที่เป็นคนพาพวกเขามา พอเห็นภาพนี้ ก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

เพราะเห็นได้ชัดเลยว่า เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสองคนนี้จะใช้วิธีแบบนี้มาปลุกคนตื่นได้

และที่สำคัญนายใหญ่เกรียงไกรคนนั้น ก็ไม่เห็นจะรู้สึกว่าการกระทำของผู้ช่วยที่อยู่ข้างกายจะมีปัญหาอะไร

เรื่องนี้ทำให้นายตำรวจรู้สึกคิดไม่ตกเป็นอย่างมาก

พัดชาคนนี้เป็นลูกสาวของนายใหญ่เกรียงไกรคนนี้ไม่ใช่เหรอ?

แล้วทำไมผู้ช่วยของตัวเองทำกับลูกสาวตัวเองแบบนี้ แต่นายใหญ่เกรียงไกรกลับไม่ได้รู้ไม่พอใจเลยล่ะ?

แล้วในเวลานี้เอง พัดชาที่โดนน้ำเย็นสาดเต็มหน้า ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมาแล้ว

ช่วงสองวันมานี้ สติเธอต้องอยู่ในภาวะตื่นเต้นระดับสูงมาตลอด พอตอนนี้มาโดนคนสาดน้ำใส่ ทั้งตัวก็ตกใจจนตื่นขึ้นมาทันที สีหน้าขาวซีดและกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ

พอเกรียงไกรได้ยินจนแสบหู ก็ตำหนิขึ้นมาอย่างไม่พอใจ “หุบปาก!”

พอได้ยินเสียงเขา พัดชาก็นิ่งอึ้งไปก่อน แล้วก็หยุดเสียงกรีดร้องไปอย่างอัตโนมัติ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

พอใบหน้าที่เคร่งขรึมของเกรียงไกรเข้ามาสู่สายตา พัดชาก็หวาดกลัวจนเบิกตากว้าง “คุณ……คุณเกรียงไกร คุณมาได้ยังไงคะ?”

เธอกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย เพราะว่าหวาดกลัว ร่างกายจึงเริ่มสั่นเทาขึ้นมา

พอตำรวจที่อยู่ข้าง ๆ เห็นการตอบสนองแบบนี้ของพัดชา ในใจก็ตกตะลึงมากขึ้นไปอีก

น่าแปลก พัดชาเป็นลูกสาวของนายใหญ่เกรียงไกรไม่ใช่เหรอ?

แล้วทำไมพอเห็นนายใหญ่เกรียงไกร จะต้องกลัวขนาดนี้ด้วย?

และที่สำคัญก็ไม่เรียกพ่อหรือว่าคุณพ่อ แต่กลับเรียกคุณเกรียงไกรซะงั้น

นี่มันช่างทำให้คนรู้สึกสงสัยมากจริง ๆ!

ถึงแม้ว่าจะสงสัยเหตุผลที่อยู่ในนี้ แต่ว่าตำรวจก็ไม่ได้เปิดปากถามขึ้น ในเมื่อนี่เป็นเรื่องในครอบครัวคนอื่น พอจ้องมองคนในห้องสอบสวนทั้งสามคนแล้ว ก็หมุนตัวเดินออกไปเลย

นายใหญ่เกรียงไกรคนนั้น เมื่อกี้บอกว่า จะขอพูดคุยกับพัดชาเป็นการส่วนตัว

แล้วหัวหน้าของพวกเขาก็ตอบตกลงแล้ว แน่นอนว่าเขาก็ต้องไม่อยู่ที่นี่นานแน่

ไม่นาน ในห้องสอบสวน ก็เหลือแต่พัดชา เกรียงไกรและผู้ช่วยทัตสามคนเท่านั้น

สามารถมองออกได้ว่า ตอนนี้เขาหวาดกลัวมากจริง ๆ แล้วเจ็บปวดมาก ไม่ใช่การแสร้ง

เกรียงไกรรู้เรื่องในอดีตของเธอดี แน่นอนว่าต้องรู้อยู่แล้วว่าเธอมีความเป็นอยู่ยังไงตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาลบ้า

ดังนั้นก็เลยชัดเจนมากว่า ความเจ็บปวดของเธอในวินาทีนี้ ไม่ใช่เรื่องหลอกลวงคนอื่น

เขาจ้องมองเธออย่างเย็นชา “เธอวางใจเถอะ ฉันจะช่วยเธอแน่”

เสียงร้องของพัดชาหยุดนิ่งไป จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา มองไปที่เกรียงไกรอย่างดีใจด้วยดวงตาที่มีคราบน้ำตา “จริงเหรอคะ? คุณเกรียงไกร คุณไม่ได้หรอกฉันใช่ไหมคะ? คุณจะช่วยฉันจริง ๆ นะคะ?”

เกรียงไกรหมุนแหวนไป แล้วตอบกลับไปอย่างเชื่องช้า “ฉันไม่เคยหลอกลวงใคร ตอนแรกฉันเป็นคนมาตามหาเธอด้วยตัวเอง พูดไว้แล้วว่าจะช่วยเธอ ฉันก็ต้องช่วยอยู่แล้ว ไม่มีทางมาทิ้งเธอไปกลางคันแน่ ตั้งแต่ที่ฉันเสียเงินก้อนใหญ่จ้างทนายให้เธอ และยังมาเมืองเดอะซีด้วยตัวเองอีก ก็แสดงออกถึงจุดนี้ชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่าเธอจะโง่ไปหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นหมากไร้ค่าตัวหนึ่ง เพราะฉะนั้นฉันยังต้องเก็บเธอไว้อยู่”

พัดชารีบพยักหน้าขึ้นมาติด ๆ “ใช่ ใช่ ใช่ ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณเกรียงไกรเป็นคนดีที่สุด เพราะฉะนั้น ขอร้องละค่ะคุณเกรียงไกร คุณรีบช่วยฉันออกไปเถอะนะคะ ฉันไม่อยากอยู่ที่แม้แต่วินาทีเดียวแล้วจริง ๆ ค่ะ”

อารมณ์ของเธอตื่นเต้นอย่างหาที่สุดไม่ได้

ท่าทีของเกรียงไกรยังคงเย็นชา “จะใจร้อนไปทำไม? ที่นี่คือเมืองเดอะซีนะ ไม่ใช่เมืองปักษา ที่นี่เป็นพื้นที่ของเปปเปอร์ เธอทำให้เขาโกรธไปแล้ว ถึงแม้ว่าฉันจะอยากช่วยเธอในพื้นที่ของเขา มันก็ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น ถ้าไม่เสียเรี่ยวแรงไปวนเวียนสักรอบ ก็ไม่มีทางช่วยเธอออกมาได้แน่ เพราะฉะนั้นเธอยังต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกพักหนึ่ง”

“อะไรนะคะ?” พัดชาไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน แล้วเบิกตากว้างขึ้นมา ลูกตาเหมือนกับว่าจะหลุดออกมาจากดวงตาแล้ว “ยังจะต้องรออีกพักหนึ่งเหรอ? ไม่ ไม่ ไม่ คุณเกรียงไกร ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ถ้าอยู่ที่นี่ต่อไป ฉันต้องเป็นบ้าแน่ ฉันต้องเป็นบ้าไปจริง ๆ แน่ค่ะ! ”

เป็นเพราะว่าเธอไม่มีทางยอมรับได้จริง ๆ ตอนนี้ร่างกายจึงสั่นเทาขึ้นมาอย่างรุนแรง จนทำให้เก้าอี้สั่นจนเกือบจะหลุดออกจากกันแล้ว

เกรียงไกรจ้องมองท่าทางของเธอ แล้วรู้สึกรังเกียจเป็นอย่างมาก “สภาพของเธอในตอนนี้ ก็ไม่แตกต่างอะไรกับคนบ้าอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าจะบ้าขึ้นกว่านี้อีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไร ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็อยากให้เธออยู่ที่นี่ไปสักพักเหมือนกัน เธอขัดคำสั่งฉันแอบลงมือคนเดียว แล้วลงมือแล้วก็ทำได้ไม่ดี เธอนึกว่าฉันจะไม่คิดบัญชีกับเธอเลยเหรอ?”

เกรียงไกรยิ้มเย็นขึ้นมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว