รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 905

“แล้วทางสถานีตำรวจได้ส่งข่าวมาไหมว่าพวกเขาพูดอะไรกันบ้าง?” เปปเปอร์บีบดั้ง ถามเสียงเข้ม

ผู้ช่วยเหมันตร์ส่ายหน้า “ขอโทษครับประธานเปปเปอร์ ไม่ได้บอก สถานีตำรวจบอกว่าตอนเกรียงไกรไป ก็ขอพบพัดชาตามลำพัง ถึงแม้ทางตำรวจจะสัญญากับเขาเป็นการส่วนตัวไม่ได้ว่าจะปล่อยพัดชาไป แต่เกรียงไกรเป็นผู้เสียภาษีรายใหญ่ คำขอเล็กน้อยแค่นี้ ทางตำรวจก็ปฏิเสธไม่ได้ ทางตำรวจเลยไม่รู้ว่าคุยอะไรกันบ้างตอนพวกเขาไปเจอกันตามลำพัง แต่……”

“พูดมา!” เปปเปอร์ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

ผู้ช่วยเหมันตร์กระแอมไอ ไม่กล้ารอช้า รีบพูดต่อ “ตำรวจคนที่พาเกรียงไกรไปเจอพัดชาให้ข้อมูลที่แปลกนิดๆ มา บอกว่าท่าทีของเกรียงไกรที่มีต่อพัดชา รวมถึงท่าทีของพัดชาที่มีต่อเกรียงไกร สองคนนี้ไม่เหมือนพ่อลูกกันเลย เหมือนเจ้านายลูกน้องมากกว่า”

“หืม?” มือเปปเปอร์ที่บีบดั้งหยุดชะงักไป สีหน้าสงสัยนิดหน่อย “เจ้านายลูกน้อง?”

“ตำรวจพูดแบบนี้แหละครับ แต่รายละเอียดเป็นยังไง ผมก็ไม่มีทางรู้ ยังไงก็ไม่ได้เห็น” ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบรับรู้

เปปเปอร์ถูนิ้วโป้งสองสามครั้ง “มีรายละเอียดพิสูจน์ไหมว่าทำไมพวกเขาถึงไม่เหมือนพ่อลูกกัน แต่เหมือนเจ้านายลูกน้อง?”

“มีครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า “บอกว่าตอนเกรียงไกรไปเจอพัดชา หน้าตาไม่ตื่นเต้นหรือมีความสุขในการได้เจอลูกสาวเลย ถึงจะไม่ดีใจ ก็ควรโกรธไหม ยังไงลูกสาวก็สร้างหายนะครั้งใหญ่ ในฐานะพ่อก็ควรโกรธที่ลูกตัวเองไม่เอาถ่านสิ แต่นี่ไม่เลย ท่าทางตอนเกรียงไกรเจอพัดชานั้นใจเย็นมาก ใจเย็นเหมือนกับว่านั่นไม่ใช่ลูกสาวเขา แต่เป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย”

“งั้นเหรอ……” เปปเปอร์ผลุบตาลง พึมพำเสียงทุ้มเหมือนคิดอะไรบางอย่าง แล้วถามอีกครั้งว่า “แล้วพัดชาล่ะ?”

“พัดชาก็เหมือนกัน ตอนเจอเกรียงไกรก็ไม่เหมือนเจอพ่อ สีหน้าไม่มีความสุขแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นพ่อลูกปกติ เจอพ่อมาช่วยตัวเอง ก็ควรตื่นเต้นดีใจใช่ไหม แต่พัดชาไม่เลย ตอนเจอเกรียงไกร แค่รู้สึกตื่นตระหนก”

“ตื่นตระหนก?”

ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า “ใช่ครับ ผมยืนยันหลายครั้งแล้ว ตำรวจบอกว่าเป็นความตื่นตระหนก อาชีพอย่างพวกเขา เคยเห็นคนมาทุกประเภทแล้ว มองสีหน้าแบบนี้ไม่ผิดพลาดหรอก”

เปปเปอร์ไม่พูดอะไร เพราะมั่นใจแล้วว่าเป็นแบบนี้

จนกระทั่งผ่านไปสักพัก เขาก็เอ่ยปากอีกครั้ง “ต่อ”

“ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบรับ แล้วพูดต่อ “พัดชากลัวเกรียงไกรมาก ความกลัวนั้นมาจากภายในจิตใจ ตำรวจบอกว่าอาจจะเพราะเกรียงไกรเคยทำอะไรบางอย่างกับเธอ ตอนเธอเห็นเกรียงไกรเลยหวาดกลัวแบบนี้ อีกอย่างตอนพัดชาเห็นเกรียงไกร ก็ไม่ได้เอ่ยปากเรียกเขาว่าพ่อหรือคุณพ่อ แต่เรียกว่าคุณเกรียงไกร ตำรวจเลยรู้สึกว่ามันแปลก นี่ใช่พ่อลูกกันหรือเปล่า”

คุณพ่อเจอลูกสาวก็ไม่ดีใจ และไม่โกรธเกรี้ยวเดือดดาล

ลูกสาวเจอคุณพ่อ ก็ไม่ได้ตื่นเต้นที่จะได้รับความช่วยเหลือ มีเพียงความตื่นตระหนกสุดขีดเท่านั้น

นี่ไม่ว่าจะมองยังไงก็แปลก

เปปเปอร์หรี่ตา ไม่พูดอะไร แต่กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

พัดชากลัวเกรียงไกรมาก

เกรียงไกรเคยทำอะไรน่ากลัวกับพัดชา

พ่อคนหนึ่ง จะทำอะไรน่ากลัวกับลูกสาวเหรอ?

บนโลกนี้ต้องมีพ่อแบบนี้แน่ๆ แต่เขาเชื่อว่าเป็นส่วนน้อยเท่านั้น

ถึงแม้ว่าเกรียงไกรจะวิปริตแค่ไหน ก็คงไม่ถึงขนาดทำอะไรน่ากลัวกับลูกสาวหรอก

เว้นเสียแต่ว่า พวกเขาไม่ใช่พ่อลูกกัน!

ไม่ใช่พ่อลูก……

ในหัวสมองผุดความคิดนี้ออกมา นัยน์ตาเปปเปอร์เป็นประกาย

ใช่แล้ว ถ้าพวกเขาไม่ใช่พ่อลูกกัน งั้นทุกอย่างนี้ก็อธิบายได้อย่างเข้าใจ

“เหมันตร์” เปปเปอร์เรียก

ผู้ช่วยเหมันตร์ได้ยิน ร่างก็ตั้งตรง “ประธานเปปเปอร์ มีอะไรรับสั่งครับ?”

“หาวิธีไปเอาDNAพัดชากับเกรียงไกร” เปปเปอร์สั่งเสียงเข้ม

ผู้ช่วยเหมันตร์ตระหนักถึงอะไรบางอย่างแล้ว รีบถามขึ้น “ประธานเปปเปอร์ คุณสงสัยว่า……”

เปปเปอร์ตอบอืม

ผู้ช่วยเหมันตร์สูดลมหายใจเข้า “เป็นไปได้จริงๆ ครับ แค่ผมไม่เข้าใจ ถ้าพวกเขาไม่ใช่พ่อลูกกันจริงๆ ทำไมต้องแกล้งเป็นพ่อลูกกันด้วยล่ะ?”

ดวงตาเปปเปอร์ลึกซึ้ง “ตอนนี้คิดเรื่องพวกนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ตรวจสอบให้ชัดเจนก็รู้แล้ว”

“ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบ

ยังไงแล้วนี่ก็เป็นบริษัทของประธานเปปเปอร์เอง ขาดทุนก็เป็นเงินของประธานเปปเปอร์เอง

เจ้านายไม่รีบ เขาเป็นพนักงานคนหนึ่ง จะรีบไปทำไม?

ขณะที่คิด ผู้ช่วยเหมันตร์ก็รู้สึกตัวเองผ่อนคลายมากขึ้นในพริบตาเดียว จากนั้นก็ฮัมเพลงเดินออกมาจากห้องทำงานเปปเปอร์

ณ คอนโดพราวฟ้า หลังจากเปปเปอร์วางโทรศัพท์ลง ก็นั่งเก้าอี้ สิบนิ้วประสานกันวางไว้หน้าโต๊ะทำงาน

ในห้องทำงานไม่ได้เปิดไฟ ผ้าม่านก็ปิดเช่นกัน ภายในห้องทำงานจึงดูมืดสลัวมาก

ทั้งร่างเปปเปอร์ก็แทบปกคลุมไปด้วยความมืด ทำให้เห็นสีหน้าเขาไม่ชัดเจนเลย ดูลึกลับและมืดมนมาก

และในเวลานี้ ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะดังขึ้น ด้านนอกมีเสียงอ่อนโยนของมายมิ้นท์ดังเข้ามา “เปปเปอร์?”

ได้ยินเสียงเรียกของหญิงสาว เปปเปอร์ก็ยกศีรษะขึ้นมา เอามือออกจากโต๊ะทำงาน จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปที่ประตู แล้วเปิดประตู

มายมิ้นท์เห็นห้องทำงานมืดสนิท แล้วมองชายตรงหน้าอีกครั้ง ขมวดคิ้วเล็กน้อยพูดขึ้น “คุณไม่เปิดไฟเหรอ?”

“ลืมเลย” เปปเปอร์ค่อยๆ ขยับริมฝีปากบางตอบกลับสองคำ

มายมิ้นท์ก็ขี้เกียจถามว่าเขาลืมจริงๆ หรือว่าตั้งใจไม่เปิดกันแน่ แค่ถามเรื่องอื่น “ดีขึ้นบ้างไหม?”

เธอหมายถึงทำความเข้าใจเรื่องที่ตัวเองเป็นตัวแทน

เปปเปอร์ผลุบตาลง “ดีขึ้นแล้ว”

“แล้วคุณป้า……”

“ฉันไม่โทษเธอ แต่ฉันจะไม่รู้สึกอะไรกับเธออีกแล้ว ฉันในตอนนี้ เหลือแค่ความเคารพเธอเท่านั้น” เปปเปอร์ผลุบตาลงพูดเสียงเรียบ

ถึงแม้แม่จะดีกับเขา แต่เรื่องที่ให้เขาเป็นตัวแทน เขาทนไม่ได้จริงๆ

นี่ไม่ใช่สิ่งที่แม่ควรทำ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว