ดวงตาเธอฉายแววเจ้าเล่ห์
เปปเปอร์จับได้ ใจเต้นขึ้นมา แต่หน้ายังคงสงบนิ่ง ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “แล้วก็อะไร?”
“คุณป้ายังถามฉันอีกว่า คุณดีกับฉันไหม ถ้าไม่ดี…...” มายมิ้นท์ยกริมฝีปากแดงขึ้นมา
มือเปปเปอร์ที่ยกแก้วน้ำกระชับขึ้นเล็กน้อย “ถ้าไม่ดีแล้วจะยังไง?”
มายมิ้นท์มองมือเขาที่กระชับแน่น ก็ปิดปากยิ้ม “ก็ต้องไล่คุณออกไป ไม่ให้คุณเข้าตระกูลรัตติพีระไงล่ะ และแนะนำให้ฉันเลิกกับคุณทันทีด้วย”
ได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าหล่อของเปปเปอร์ก็มืดมนทันที
ถึงแม้เขาจะรู้ ที่คุณนายราศีหมายถึงคือ ถ้าเขาไม่ดีกับสะระแหน่ จะให้สะระแหน่เลิกกับเขา
แต่เขาก็ไม่ค่อยอยากได้ยินคำว่าเลิกราสองคำนี้
กว่าเขาจะจีบเธอได้อีกครั้ง คำว่าเลิก สำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่คำมงคล
ดังนั้น เขาจะดีใจได้ยังไง!
“แล้วคุณล่ะ? คุณตอบไปว่ายังไง?” เปปเปอร์เม้มริมฝีปากบาง เสียงค่อนข้างอุดอู้
มายมิ้นท์เห็นท่าทางเขาไม่มีความสุข ก็หัวเราะคิกคักออกมา “ฉันก็ต้องตอบว่าดีมากสิ ถ้าฉันตอบว่าไม่ดี คุณป้าคงมาฆ่านานแล้วล่ะ”
ได้ยินดังนั้น ความไม่สบายใจภายในใจเปปเปอร์ ก็หายวับไปทันใด
เขารู้ เธอจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง
“ไม่ต้องห่วง คุณดีกับฉันหรือเปล่าในใจฉันรู้ดี ฉันไม่ปั้นเรื่องขึ้นมาใส่ร้ายคุณหรอก” มายมิ้นท์ยกแก้วตัวเองขึ้นมาดื่มน้ำเช่นกัน
เปปเปอร์ตอบอืม หน้าตามีรอยยิ้ม “ฉันรู้”
“ตอนเย็น เราจะไปกันเมื่อไร? ฉันจะได้ตอบคุณป้า” มายมิ้นท์วางแก้วลงมองเขาแล้วถาม
เปปเปอร์ยกแขนขึ้น มองนาฬิกาข้อมือ คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับ “ทุ่มหนึ่งแล้วกัน เดี๋ยวฉันต้องไปคฤหาสน์ ไปหาท่านย่าก่อน มีบางเรื่องฉันอยากยืนยันกับท่านย่าให้รู้เรื่อง”
พูดถึงตรงนี้ ดวงตาเขาก็หรี่ลง สีหน้าก็อึมครึมเล็กน้อย
เขาอยากรู้ว่าท่านย่ารู้นานแล้วใช่หรือเปล่า ว่าเขาโดนแม่ตัวเองเลี้ยงดูเป็นตัวแทนของเกรียงไกร
มายมิ้นท์เห็นสีหน้าเปปเปอร์เปลี่ยนไป ริมฝีปากแดงก็อ้า ราวกับอยากพูดอะไรบางอย่าง
แต่สุดท้ายเธอก็ปิดปาก เลือกที่จะไม่พูด
ช่างเถอะ ในเมื่อเขาไม่ได้บอกตรงๆ ว่าไปหาท่านย่าเพื่ออะไรกันแน่ งั้นเธอก็ไม่ถามดีกว่า
เห็นได้ชัดว่า ที่เขาไม่พูด ก็เพราะไม่อยากให้เธอรู้
ทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เปปเปอร์กอดพะเน้าพะนอมายมิ้นท์สักพัก ก็กดเธอลงบนโซฟา จูบอย่างสะเปะสะปะ มองเพดานอย่างเหม่อลอย แล้วหัวเราะเบาๆ อย่างพึงพอใจ ก่อนจะลุกขึ้นออกไป
ได้ยินเสียงฝีเท้าชายหนุ่มเดินออกไป มายมิ้นท์ก็ไม่ได้ลุกขึ้นไปส่ง
เธอถูกจูบจนทั้งร่างไร้เรี่ยวแรง ไม่อยากลุกเลย จะอยากไปส่งเขาซะที่ไหนล่ะ?
เธอไม่ด่าเขาสักทีก็ถือว่าเธอนิสัยดีแล้ว
อิตาบ้า หลังจากเธอเก็บชามตะเกียบเรียบร้อยออกมาจากห้องครัว ก็อ้างว่าตัวเองเสียใจมากที่เป็นตัวแทนคนอื่น ยังไม่ปล่อยวางเลย ก่อนออกไปต้องการได้รับการปลอบโยนจากเธอก่อน ก็กดเธอบนโซฟาแล้วทั้งจูบทั้งลูบ เอาเปรียบเธอ
ไร้ยางอายจริงๆ!
มายมิ้นท์ละสายตากลับมาจากเพดาน ลูบริมฝีปากบวมแดงของตัวเอง ใบหน้ามีทั้งความโกรธ ความอับอายและความตลก
หลังจากนั้น เธอก็ยันโซฟาขึ้นมานั่งพิง แล้วมองไปทางประตูทางเข้าห้องโถง
ตรงนั้นไม่มีใครแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเปปเปอร์ออกไปแล้ว
เธอยกนิ้วโป้งแสดงการยกย่อง
เลขาซินดี้ดูเหมือนเขินอายนิดหน่อย หน้าแดงเล็กน้อย “ขอบคุณท่านประธานที่ชมค่ะ”
“ฉันไม่ได้ชมเธอนะ ฉันพูดเรื่องจริง เธอเป็นแบบนี้มันดีมากเลย และฉันเห็นว่าความกลุ้มใจบนหน้าเธอผ่อนคลายขึ้นมาก ดูแล้วเธอกลับบ้านไปสองวัน ได้ปรับเปลี่ยนวิธีคิดจริงๆ”
“ใช่ค่ะ” เลขาซินดี้พยักหน้า “เรื่องที่ฉันท้อง ในเมื่อประธานลาเต้ไม่รู้ ฉันก็จะไม่บอกเขา จะแอบไปเอาออกเอง หลังจากเอาออก ทุกอย่างก็จะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สำหรับท่าทีของประธานลาเต้ที่มีต่อฉัน ฉันก็เข้าใจมันแล้ว เรื่องความรู้สึกบังคับกันไม่ได้ ประธานลาเต้ไม่ชอบฉัน ฉันก็จะไม่หวังอะไรมากเกินไป ฉันเลือกที่จะปล่อยเขาไป ในอนาคตก็จะเห็นเขาเป็นแค่เพื่อนมหาวิทยาลัย เป็นอดีตเจ้านายของตัวเอง ถ้าทำแบบนี้ ถึงแม้ประธานลาเต้จะมีท่าทีกับฉันแย่มาก ฉันก็จะไม่รู้สึกแย่ใช่ไหม?”
ขณะที่พูด เธอก็เผยรอยยิ้มฝืนๆ
มายมิ้นท์มองเธอ ในใจรู้สึกสงสาร “เธอตัดสินใจจริงเหรอว่าจะปล่อยไป? แอบรักมาตั้งหลายปี ปล่อยไปแบบนี้ ไม่คิดว่าน่าเสียดายเหรอ?”
เลขาซินดี้ส่ายหน้า “บางทีอาจจะรู้สึกเสียดาย แต่ฉันไม่ปล่อยไปแล้วจะทำอะไรได้คะ? ประธานลาเต้ไม่ชอบฉัน ฉันดึงดันต่อไป เขาก็ยังไม่ชอบ การดึงดันของฉัน ก็แค่ทำให้ตัวเองลำบากใจ และสร้างความเอือมระอาเพิ่มให้เขาด้วย”
คำพูดนี้ทำให้มายมิ้นท์ไม่มีอะไรจะพูดเลย
จริงๆ นั่นแหละ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ในบางครั้ง ก็ไม่ใช่ว่าดึงดันไปแล้วจะได้ผลลัพธ์ที่แน่นอน
เลขาซินดี้ไม่ได้ผลลัพธ์จากเต้
แต่ก็เหมือนกัน เต้อยู่กับเธอ ก็ไม่ได้อะไรเลยนี่หน่า?
ถอนหายใจอีกครั้ง มายมิ้นท์มองเลขาซินดี้อย่างรู้สึกผิด “บางทีฉันไม่ควรให้เธอใจกล้าไปจีบเต้ตั้งแต่แรก”
เลขาซินดี้มีความรู้สึกกับเต้ตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยแล้ว จนถึงไม่กี่เดือนก่อน ไม่เผยมันออกมา เก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดี
แต่เพราะเธอ หลังจากเธอรู้ความรู้สึกของเลขาซินดี้ ก็ส่งเสริมให้เลขาซินดี้เข้าไปจีบ
เลขาซินดี้มีความกล้าจากการส่งเสริมของเธอ จากนั้นมันก็ก่อให้เกิดสถานการณ์ปัจจุบันขึ้น
คือความผิดเธอเอง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...