“จะว่าไปก็ถูก งั้นเดี๋ยวผมจะรีบจัดการให้ ผมจะส่งคุณกลับไปที่คอนโดพราวฟ้าก่อนแล้วกัน ขาคุณเป็นแบบนี้จะขับรถได้ยังไง?” ลาเต้หยิบกุญแจรถของเขาขึ้นมา
มายมิ้นท์ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เธอตอบรับ “อืม” เบาๆ เป็นความหมายว่าเห็นด้วย
เมื่อขึ้นรถไปแล้ว เธอก็เข้าไปในเวยโป๋ของตนเองและโพสข้อความว่า “วันพรุ่งนี้เช้าตอนสิบโมง ฉันจะจัดงานแถลงข่าวขึ้นที่บริษัท เพื่ออธิบายความคับข้องใจระหว่างฉันและประธานเปปเปอร์แห่งบริษัทตระกูลนวบดินทร์ อีกทั้งความคับข้องใจระหว่างฉันกับคุณส้มเปรี้ยวแห่งเอสซีกรุ๊ปด้วย ขอทุกท่านโปรดติดตาม”
เนื่องจากก่อนหน้านี้เกิดกระแสครั้งใหญ่ในโลกอินเทอร์เน็ต ดังนั้นจึงมีคนติดตามเวยโป๋ของเธอค่อนข้างมาก ตอนนี้เมื่อเธออัพเดทสเตตัส แน่นอนว่าต้องมีคนเข้ามาคอมเม้นท์โพสต์ของเธอมากมาย
“แหม จะออกมาแก้ต่างหรือไง?”
“ก็ใช่น่ะสิ คนรวยมักจะใช้งานแถลงข่าวออกมาแก้ต่าง!”
“น่าสะอิดสะเอียนพวกคนรวยเหล่านี้เหลือเกิน เธอเข้ามาตามรังควานประธานเปปเปอร์ไม่ใช่เรื่องจริงหรือไง? เหอะๆ!”
เมื่ออ่านคอมเม้นท์ซึ่งมีแต่ความประสงค์ร้ายเหล่านี้ มายมิ้นท์เพียงแค่เลิกคิ้วงามได้รูปของเธอแต่ไม่ตอบอะไรกลับไป เธอปิดเวยโป๋ และนั่งหลับตาสนิท
ถึงอย่างไรทุกเรื่องจะถูกจัดการให้เสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ เธอไม่อยากจะไปสนใจพวกคนเหล่านั้นหรอก
ในเวลาต่อมา ก็เดินทางมาถึงคอนโดพราวฟ้า
ลาเต้จอดรถ แล้วหันหลังไปคุยกับผู้หญิงซึ่งอยู่ด้านเบาะหลังว่า “พรุ่งนี้เช้าผมจะมารับคุณนะ”
“ค่ะ ขับรถระวังด้วย” มายมิ้นท์เปิดประตูแล้วลงจากรถไป
ลาเต้ส่งจูบให้เธอก่อนจะขับรถออกไป
มายมิ้นท์มองดูเขาจนกระทั่งรถนั้นหายลับไปจากสายตา จึงได้ใช้ไม้ค้ำเดินกะเผลกเข้าไปในตัวอาคาร
เมื่อเธอเดินออกมาจากลิฟต์ก็พบว่าปีโป้กำลังยืนอยู่ด้านหน้าห้องของเธอ
ปีโป้มองเห็นเธอดวงตาก็เป็นประกายทันที “พี่มายมิ้นท์ครับ กลับมาแล้วเหรอ?”
“มาได้ยังไงกัน?” มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว “ทะเลาะกับแม่อีกแล้วเหรอ? คงไม่ได้หนีออกจากบ้านแล้วจะมาอาศัยอยู่ที่นี่ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ครับ” ปีโป้ส่ายหัว “ผมตั้งใจมาหาพี่โดยตรง”
“มาหาฉันทำไม?” มายมิ้นท์เดินตรงเข้าไป
ปีโป้เหลือบมองดูเธอแล้วก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด “เรื่องบนอินเทอร์เน็ตนั้นผมรู้เรื่องแล้ว ผมขอโทษนะครับ เป็นความผิดของผมเอง ถ้าผมไม่ได้เอาตั๋วไปให้พี่ ก็คงจะไม่กลายเป็นข่าวลือแบบนี้”
ที่จริงเขาเพียงต้องการอยากจะเชิญเธอไปดูเขาแข่งขันก็เท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
แต่มายมิ้นท์กลับมองไปที่มีโป้อย่างประหลาดใจ “เธอขอโทษฉันอย่างนั้นเหรอ?”
“ขอโทษแล้วทำไมล่ะครับ?” ปีโป้ยกมือขึ้นเกาศีรษะอย่างงุนงง
มายมิ้นท์เบ้ปากแล้วพูดว่า “ฉันอยู่ที่ตระกูลตระกูลนวบดินทร์มาตั้งหกปี ก่อนหน้านี้เธอปฏิบัติกับฉันอย่างไร ฉันคงไม่ต้องรื้อฟื้นความทรงจำให้หรอกนะ เอาเป็นว่าเธอไม่เคยจะขอโทษฉันเลยสักครั้ง”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ใบหน้าของปีโป้ก็แดงเรื่อ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเขินอายทำตัวไม่ถูก
“มันไม่เหมือนกัน”
“แตกต่างกันตรงไหน?” มายมิ้นท์ถามกลับอย่างแผ่วเบา
ปีโป้เอามือกุมลูกบาสของตัวเองแล้วพูดว่า “ไม่เหมือนกันแหละน่า”
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นเราคงไม่มีอะไรต้องพูดกัน เธอกลับไปเถอะและอย่ามาที่นี่อีก” มายมิ้นท์โบกมือและสั่งให้เขาออกไป
ปีโป้ไม่ได้ออกไปตามที่เธอพูดแต่กลับจ้องมองมายมิ้นท์ด้วยความตั้งอกตั้งใจ “พี่มายมิ้นท์ครับ เรื่องนี้ผมจะช่วยพี่จัดการเอง”
“ช่วยฉันอย่างนั้นเหรอ?” มายมิ้นท์เหมือนได้ยินเรื่องตลก เธอหัวเราะเยาะเย้ยว่า “จะช่วยฉันจัดการได้อย่างไร เธอเป็นแค่เด็กนักเรียนม.ปลายที่ยังเรียนไม่จบนะ?”
“ผม……”
“เอาล่ะ” มายมิ้นท์ยกมือขึ้นนวดหัวคิ้วแล้วพูดขัดจังหวะเขาอย่างหมดความอดทน “การที่เธออยู่ห่างจากฉันหน่อยก็ถือว่าเป็นการช่วยฉันแล้ว ไม่เคยสังเกตหรือไงว่าทุกครั้งที่ฉันมีปัญหา ก็ล้วนแต่เป็นคนในตระกูลนวบดินทร์ที่นำปัญหามาให้ฉัน”
ประโยคนี้ปีโป้ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไรนัก เขาเบ้ปากพึมพำว่า “ไม่ใช่สักหน่อย”
“ไม่ใช่เหรอ?” แววตาอันเย็นเยือกแผ่ซ่านเข้ามาในดวงตาของมายมิ้นท์ “ปีโป้ ลองถามตัวเองดูใหม่นะ ตั้งแต่วันแรกที่ฉันแต่งเข้าไปในตระกูลนวบดินทร์ คนในตระกูลทำอย่างไรกับฉัน? ทั้งเย็นชา รุนแรง จู่โจมด้วยวาจา พยายามทำให้ฉันต้องอึดอัดใจ ใส่ร้ายป้ายสี ที่ฉันพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
เซอร์ไพรส์?
มายมิ้นท์เม้มริมฝีปากของตนก่อนจะลังเลอยู่สักพัก แต่ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่โต๊ะคอมพิวเตอร์แล้วเปิดดูอีเมล
มีจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ฉบับหนึ่งที่เพิ่งส่งมาใหม่ หลังจากที่เธอเปิดมันเข้าไปดูก็พบว่ามีอยู่สองไฟล์
ไฟล์หนึ่งคือหลักฐานที่ขนมผิงจัดการเผยแพร่เวยโป๋
ส่วนอีกฉบับหนึ่งเป็นรายชื่อค่อนข้างยืดยาว ในอีเมลฉบับนั้นมีอยู่หลายร้อยชื่อเลยทีเดียว
และด้านหลังชื่อเหล่านั้นก็จะมีวงเล็บอยู่ ในวงเล็บคือชื่อในอินเทอร์เน็ตแปลกๆ
มายมิ้นท์หรี่ตามองแล้วรู้สึกได้ถึงบางอย่าง เธอจึงโทรศัพท์ไปยังหมายเลขที่ส่งข้อความมานี้
เดิมที่เธอคิดว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะไม่รับสายเสียแล้ว คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะรับสายเธอขึ้นแล้วตอบด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ฮัลโหล”
มายมิ้นท์ฟังไม่ออกว่าเป็นใคร เธอจึงถามไปตรงๆ ว่า “รายชื่อพวกนี้คือเซอร์ไพรส์ที่คุณบอกเหรอ?”
“ใช่ พวกรายชื่อคนเหล่านี้คือคนที่คอมเม้นท์ถึงคุณอย่างรุนแรง ตามกฎหมายทางคอมพิวเตอร์ ตราบใดที่มีการคอมเม้นท์ และมีประโยคด่าทอมากกว่าห้าร้อยครั้งก็ถือเป็นอาชญากรรมได้” ชายหนุ่มตอบกลับมา
มายมิ้นท์ไม่เพียงแต่จะไม่ได้ดีใจ เธอกลับระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น “เรื่องนี้ฉันรู้ดี เพียงแต่ว่าฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องช่วยฉันด้วย คุณมีจุดประสงค์อะไร?”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา “ผมบอกแล้วไงว่าผมเป็นคนที่คอยปกป้องคุณอย่างเงียบๆ ดังนั้นผมไม่มีวัตถุประสงค์อะไร เพียงแค่ต้องการอยากให้คุณมีชีวิตที่ดีเท่านั้น”
“คุณคิดว่าฉันจะเชื่อคุณเหรอ?” มายมิ้นท์พูดอย่างเย็นชาขณะที่เลื่อนดูรายชื่อ
คนคนหนึ่งที่ปิดบังแม้แต่ตัวตนของตนเอง ปฏิเสธที่จะเปิดเผย
จะให้เธอเชื่อคำพูดเขาเหรอ?
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ผมรู้ว่าคุณไม่เชื่อ แต่ไม่เป็นไร ต่อไปคุณจะรู้เอง”
มายมิ้นท์หัวเราะหึๆ ออกมา เธอกำลังจะวางสายลง จู่ๆ ก็เลื่อนลงไปเห็นภาพโปรไฟล์หนึ่งเป็นรูปจิ้งจอก
รูปจิ้งจอกนี้ทำให้เธอนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ เธอบีบเมาส์แล้วถามว่า “คุณคือชายเจ้าเล่ห์ที่ลักพาตัวส้มเปรี้ยวไปอย่างงั้นเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...