“ไม่มีอะไรแล้ว ทุกคนแยกย้ายได้”
เทวิกาเอ่ยประโยคหนึ่ง แล้วลากไม้กวาดกลับเข้าไปในร้าน
สาวพนักงานเห็นท่าทางห้าวหาญของเทวิกาแล้วก็อยากจะปรบมือให้
ตอนที่เห็นพี่วิกายอดเยี่ยมขนาดนี้ในคราวที่แล้ว ก็เป็นตอนที่คนที่ชื่อตาณมาบอกว่าจะเลี้ยงดูพี่วิกาที่ร้าน จึงถูกพี่วิกาเอาไม้กวาดไล่ตีออกไป
บัณฑิตาไม่เคยเห็นท่าทางห้าวหาญของเทวิกา จึงมองดูด้วยความตกตะลึงจนพูดไม่ออก
จนกระทั่งเทวิกาลากไม้กวาดเข้ามา บัณฑิตาถึงได้สติคืนมา สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย มองเทวิกาอย่างระวัง คิดว่าตอนที่เทวิกายกไม้กวาดฟาดมาที่เธอ เธอจะสามารถมุดออกประตูไปด้วยความเร็วสูงสุดได้หรือไม่
ทำไมเธอถึงได้ฟังคำของณัฏฐา วิ่งแจ้นมาที่นี่เพื่อรองรับอารมณ์โดยเฉพาะกันนะ?
รู้อยู่แท้ๆว่า ไม่ว่าจะเป็นเทวิกาหรือกนกอร ล้วนไม่กลัวเธอที่ได้ชื่อว่าเป็นคุณนายตระกูลเดชอุป เธอก็ยังจะมาอีก
ตอนนี้บัณฑิตาเสียใจอย่างยิ่ง รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรเชื่อคำยุยงของคุณณัฏฐา
เธอนัดคนอื่นออกไปเที่ยวเล่น ไม่สนุกกว่าหรอ?
“เท เทวิกา…ฉัน ฉันไม่เคยด่าพวกเธอสองคนนะ”
บัณฑิตารู้สึกว่าถูกคนถือไม้กวาดไล่ฟาดออกไปนั้น น่าอับอายขายขี้หน้าเกินไป เธออ้ำๆอึ้งๆแก้ตัว กลัวว่าเทวิกาจะปฏิบัติต่อเธอเหมือนกับคุณณัฏฐา
เทวิกาลากไม้กวาดมายืนนิ่งตรงหน้าบัณฑิตา
มองบัณฑิตาครู่หนึ่ง เทวิกาก็เอ่ยว่า “ไม่รู้ว่าคุณมีชีวิตมาจนถึงตอนนี้ได้ยังไง”
และไม่รู้ว่าพ่อของนฤเบศวร์มีสายตาแบบไหน ถึงได้แต่งงานกับผู้หญิงที่โง่ขนาดนี้คนหนึ่ง
มิน่ามีชีวิตมาครึ่งศตวรรษก็ยังเป็นคนมีอำนาจดูแลตัดสินใจเรื่องต่างๆในครอบครัวไม่ได้ คาดว่าคุณปู่เร็นคงไม่อาจวางใจมอบตระกูลเดชอุปให้กับลูกสะใภ้เช่นนี้ได้ล่ะมั้ง
บัณฑิตา:”…”
“คุณกับคุณณัฏฐาจะสนิทกันมากแค่ไหน แต่จะสนิทไปกว่าความสัมพันธ์ของคุณกับนฤเบศวร์หรอคะ? ไม่อยากให้ลูกชายตัวเองได้ใช้ชีวิตผ่านคืนวันที่สบายอกสบายใจ ถึงได้ฟังคำคนอื่น สร้างเรื่องน่ารำคาญใจให้กับลูกชายคุณ”
วาจาของ เทวิกาทำให้สีหน้าบัณฑิตาย่ำแย่ อยากจะพูดอะไร แต่ก็เหลือบเห็นว่าเทวิกายังถือไม้กวาดในมือ บัณฑิตาจึงกลืนวาจาที่ต้องการจะพูดกลับเข้าไป
“กลับไปบอกคุณณัฏฐาว่า หากหลังจากนี้ยังด่ากนกอร หรือกล้ากุเรื่องมั่วซั่วลับหลังอีก ก็มาดูกันว่าลูกสาวเธอจะมีจุดจบยังไง! ตระกูลไชยรัตน์มีทรัพย์สมบัติมากเพียงใดถึงไม่กลัวการแก้แค้น! อย่านึกว่าไม่มีใครอยู่เบื้องหลังกนกอร กนกอรเป็นเพื่อนฉัน สบประมาทเธอก็คือการสบประมาทฉัน!”
วาจาของเทวิกาโหดร้ายเผด็จการ
ทำให้บัณฑิตาที่ได้ยินใจสั่น
ตระกูลไชยรัตน์ กระทั่งตระกูลเดชอุปของพวกเขาก็ยังสู้ไม่ได้ ถ้าประสบกับการแก้แค้นจากตระกูลอริยชัยกุลกับตระกูลสาระทา ก็เกรงว่ากระทั่งกิจการที่บรรพบุรุษทิ้งเอาไว้ให้ก็คงจะรักษาเอาไว้ไม่ได้
ตอนนี้ ขบวนรถของนฤเบศวร์ก็มา
เขายังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรในร้าน
ยากที่กนกอรจะรับปากไปงานเลี้ยงเข้าสังคมเป็นเพื่อนเขา เขากำลังดีใจราวกับถูกรางวัลใหญ่
จึงใช้เวลาเล็กน้อยแต่งตัวหล่อๆให้ตัวเอง
ปกติแล้ว เขาก็เหมือนกับพัฒน์ที่ชอบใส่ชุดสูทสีดำ วันนี้เขาตั้งใจเปลี่ยนเป็นสูทสีขาว เขารูปร่างหน้าตาหล่อเหลา สวมสูทสีขาวก็เหมือนกับเจ้าชายขี่ม้าขาวที่เดินออกมาจากในนิทาน
กระทั่งบอดี้การ์ดก็ยังชมเขาว่าคืนวันนี้หล่อมาก หล่อจนทำให้ผู้คนนัยน์ตาทอประกายจนละสายตาไปไม่ได้แบบนั้น
กนกอรรอเขาอยู่ในร้าน
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ก็พาบอดี้การ์ดโขยงหนึ่งมารับกนกอรอย่างยิ่งใหญ่
รถจอดนิ่งสนิท นฤเบศวร์ก็หยิบกล่องใหญ่สีแดงกล่องหนึ่งลงจากรถไป
กล่องใหญ่สีแดงกล่องนั้น เขาขอมาจากคุณปู่ เซตเครื่องประดับที่คุณย่ารักมากที่สุดในตอนที่มีชีวิตอยู่เซตนั้น เมื่อคุณย่าจากไป ของที่คุณย่าทิ้งเอาไว้ล้วนถูกคุณปู่เก็บรักษาอย่างเหมาะสม โดยไม่ยอมแบ่งให้หลานชายเลยสักอย่าง
เขาบอกว่าจะให้กนกอรสวม คุณปู่ถึงได้อดทนต่อความเจ็บปวดนำเซตเครื่องประดับสุดรักสุดหวงนี้ออกมาให้เขา และบอกว่าให้ยืม
“ชุดราตรีชุดนี้เหมาะกับคุณมากจริงๆ คุณใส่แล้วสวยมาก!”
นฤเบศวร์ชมกนกอร จากนั้นก็ยื่นกล่องเครื่องประดับสีแดงไปตรงหน้ากนกอรอย่างเอาใจ พลางเอ่ยว่า “กนกอร ผมขอเครื่องประดับกับคุณปู่มาให้คุณสวมเซตหนึ่ง คุณลองเปิดดูสิว่าชอบหรือไม่”
“ผมจะช่วยสวมให้คุณ จากนั้นพวกเราก็ไปกันได้เลย”
นฤเบศวร์เอาอกเอาใจ ไม่รอให้กนกอรมีความเคลื่อนไหว ก็เปิดกล่องเครื่องประดับเอง แล้วอธิบายว่า “เครื่องประดับที่คุณปู่ผมเก็บเอาไว้ล้วนเป็นของคุณย่าผม เครื่องประดับของคุณย่าผมมีมูลค่าสุดๆ จะเล่าให้คุณฟัง คุณย่าของคุณย่าผมเป็นตระกูลชนชั้นสูงในราชวงศ์ชิง ท่านเก็บเครื่องประดับพวกนี้เป็นอย่างดี เอาไว้ให้คุณย่าผมใช้เป็นสินเดิม ดังนั้นเครื่องประดับพวกนี้ของคุณย่าผมล้วนดีมาก
ตอนที่บัณฑิตาเห็นลูกชายของตัวเองเข้ามา เดิมก็คิดจะหลบตามสัญชาตญาณ
ร้อนตัวไง
เธอทำเรื่องให้ลูกชายโมโหอีกแล้ว สามารถพูดได้เลยว่าเป็นเรื่องถ่วงแข้งถ่วงขาลูกชาย กลัวว่าลูกชายจะพูดว่าไปออกบวชเป็นพระอีก
ใครจะไปรู้ว่า หลังจากลูกชายเข้ามาแล้ว นัยน์ตาคู่นั้นก็แปะติดอยู่บนร่างกนกอรราวกับกาว จนมองไม่เห็นคนอื่นอีก
เธอที่เป็นแม่แท้ๆยืนอยู่ตรงนี้คนหนึ่ง ลูกชายถึงกับมองไม่เห็น
เมื่อได้ยินลูกชายพูดเอาใจกนกอร บัณฑิตาก็มีสีหน้าตะลึง
เธอกับพี่สะใภ้ น้องสะใภ้สองคนแต่งเข้ามาในตระกูลเดชอุปแล้ว ล้วนรู้ว่าแม่สามีได้ทิ้งเครื่องประดับเพชรพลอยและไข่มุกล้ำค่าเอาไว้มากมายหลังจากเสียชีวิตไป เครื่องประดับทุกเซตล้วนมีมูลค่ามหาศาล แต่ถูกคุณพ่อสามีซื้อประกันเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี
พวกเธอสามคนที่เป็นสะใภ้โชคดีที่เคยเห็นคลังเก็บเครื่องประดับเพชรพลอยและไข่มุกของคุณแม่สามีในตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ขนาดพวกเธอที่เกิดในครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยยังถูกทำให้ละสายตาไปไม่ได้ แต่คุณพ่อสามีไม่ได้เอ่ยปากว่าจะให้พวกเธอกี่เซต พวกเธอก็ไม่กล้าทวงขอ
แต่ละคนล้วนเคยเอ่ยกับสามีของตนเองเป็นการส่วนตัว ว่าอยากได้เครื่องประดับที่คุณแม่สามีทิ้งเอาไว้มาสวมสักเซต แต่สามีของพวกเธอไปขอแล้ว ไม่เพียงแต่จะไม่ได้มา แต่ยังต้องเจอกับการด่าทอต่อว่าของคุณพ่อสามีด้วย
คิดไม่ถึงว่า ลูกชายถึงกับไปขอเซตเครื่องประดับเซตหนึ่งจากคุณพ่อสามีมาให้กนกอรใส่
ผู้ชราตัดใจให้พวกเธอที่เป็นลูกสะใภ้ใส่ไม่ลง แต่กลับยอมมอบให้กนกอรเซตหนึ่ง บัณฑิตารู้สึกแย่จริงๆ และเข้าใจเช่นกันว่าผู้ชราให้ความสำคัญกับกนกอร
เธอไม่รู้ว่ากนกอรมีอะไรดี ถึงสามารถได้รับความสำคัญจากผู้ชรา!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน