“วิกา ลูกเอาเสื้อกันหนาวตัวนี้ไปให้แม่ใส่”
ไซม่อนรีบยัดเสื้อกันหนาวให้ลูก สั่งให้ลูกสาวช่วยเหลือ
“ได้ค่ะ”
เทวิกายินดีที่จะช่วยพ่อเต็มที่อยู่แล้ว
“ยศพัฒน์ ไปห้องหนังสือกับพ่อหน่อย”
“เดี๋ยวค่อยกินข้าว รอประยสย์กับธนัทกลับมาก่อน”
ธนัทไม่รู้เพราะสาเหตุอะไร ไม่ได้กลับมาเมืองแอคเซสซ์พร้อมคุณป้าด้วย และเลือกที่จะกลับมาตอนเย็น
“ได้”
ยศพัฒน์ตอบรับออกมาเสียงทุ้มต่ำ
ไซม่อนชอบลูกเขยคนนี้เพราะไม่ว่าจะเจอกับเรื่องอะไรก็ตั้งสติเผชิญปัญหาได้ตลอดเวลา ระดับความสุขุมแบบนี้ เก่งกว่าลูกชายของเขาเยอะเลย และแน่นอน เป็นเพราะยศพัฒน์ก็อายุมากกว่าลูกชายเขาห้าปีเช่นกัน
วัฒนธรรมของตระกูลอริยชัยกุลดีมาก พี่น้องลุงหลานอยู่ด้วยกันอย่างรักใคร่ปรองดองกัน ทุกคนดูแล้วเป็นคนใจดี แต่จริงๆ แล้วต่างถูกอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี ในฐานะลูกของตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด ครอบครัวมีทรัพย์สินเป็นแสนล้าน ลูกชายของตระกูลอริยชัยกุลจะเป็นคนใจดีและอ่อนโยนจริงๆ ได้อย่างไร?
ต่างเป็นผู้ชายที่เผด็จการทั้งนั้น
ขอแค่ไม่ไปทำให้พวกเขาโกรธ พวกเขาก็จะเป็นคนสุภาพอ่อนโยน แต่ถ้าไปเหยียบหางพวกเขา ก็จะกลายเป็นคนกินเสือทันที
ยศพัฒน์เดินตามพ่อตาเข้าไป
เมื่อเข้าไปถึงห้องหนังสือของไซม่อน ยศพัฒน์ทึ่งในความละเอียดอ่อน ความระวังตัว ของพ่อตาเป็นอย่างมาก
ห้องหนังสือของพวกเขาออกแบบไว้ชั้นสอง ถึงแม้จะห้ามไม่ให้คนอื่นเข้าไปโดยพละกาล แต่เมื่อเทียบด้านความปลอดภัยแล้ว เทียบไม่ได้กับของพ่อตาเลย
นอกเสียจากห้องหนังสือของพวกเขาจะมีระบบกันเสียง มิฉะนั้นพูดอะไรก็จะถูกคนอื่นได้ยินหมด
ถึงแม้จะมีระบบกันเสียง ก็ยังคงมีปัจจัยที่ไม่ปลอดภัยแฝงไว้อยู่ และอาจมีคนแอบเข้าไปในห้องวางอุปกรณ์ดักฟังอะไรต่างๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่ห้องหนังสือของพ่อตาอยู่ห่างไกลจากสิ่งปลูกสร้าง บริเวณรอบๆ ก็ไม่มีดอกไม้ต้นไม้ต่างๆ ทำให้ไม่สามารถมีคนแอบฟังอยู่บริเวณรอบๆ ได้เลย อีกอย่างบริเวณรอบๆ ของห้องหนังสือก็มีบอดี้การ์ดที่จงรักภักดีต่อไซม่อนเฝ้าระวังอยู่
ในห้องหนังสือก็มีระบบกันเสียงเช่นเดียวกัน
พ่อตากับลูกเขยพูดคุยอะไรกันในห้อง ไม่มีคนรู้
เทวิกาช่วยพ่อเอาเสื้อกันหนาวเข้าไปในบ้าน หลังจากสวมใส่ให้คุณแม่เรียบร้อยแล้ว คุณปู่กับคุณหญิงย่าก็กลับเข้ามาพอดี
“คุณปู่ คุณย่า”
นักแสดงมืออาชีพสิงร่างเทวิกาทันที เมื่อเห็นคนแก่ทั้งสองเข้ามาในบ้าน ก็รีบเดินเข้าไปต้อนรับทันที คล้องแขนคุณหญิงย่าไว้อย่างสนิทสนม ความเอาอกเอาใจแบบนี้ทำให้คุณหญิงย่าพอใจมาก และอดไม่ได้ที่จะมีความคิดอื่นออกมา
ขอแค่เธอมีใจที่จะชดเชยเทวิกา คิดว่าเทวิกาคงจะยกโทษให้เธอที่เป็นคุณย่าแน่นอนสินะ?
“ย่ายังเดินไหวอยู่ ไม่ต้องพยุงหรอก”
ถึงแม้ปากของคุณหญิงย่าจะพูดแบบนั้น แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
คุณปู่พูดกับคุณหญิงย่าขึ้นมาว่า: “เธอได้ใจไปเถอะ วิกาพยุงเธอ ไม่พยุงฉัน”
“เชอะ คุณมีหลานเยอะขนาดนั้น ก็ให้หลานคนอื่นมาพยุงคุณสิ”
“หลานของผมไม่ใช่หลานของคุณเหรอ”
“ยศพัฒน์หล่ะ?”
เมื่อคุณปู่ไม่เห็นหน้าหลานเขยอยู่ข้างในบ้าน จึงถามออกมา
“อยู่กับพ่อหนูค่ะ”
เทวิกาไม่รู้ว่าพ่อตากับลูกเขยไปไหน แต่เขาสองคนอยู่ด้วยกันจริงๆ เธอไม่ได้พูดผิด
ญาณินก็แค่เปลี่ยนที่นั่ง เว้นโซฟาให้คนแก่ทั้งสองคนนั่ง เป็นเพราะว่าเธอไม่อยากนั่งกับพ่อแม่ของสามี
วิกาทำตัวสนิทสนมกับคนแก่ทั้งสองคนเป็นอย่างมาก นั่นเป็นปู่และย่าแท้ๆ ของวิกา เธอไม่ห้ามปรามอยู่แล้ว แต่จะให้เธอทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน เธอทำไม่ได้
ญาณินที่ตัดสินใจจะหย่าร้างอย่างเด็ดขาดแล้ว จึงไม่รู้สึกกลัวพ่อแม่สามีอีกต่อไป
คุณหญิงย่าพูดขึ้นมาเหมือนกันว่า: “เรียกอาสะใภ้สามของหนูมาด้วย อยู่ด้วยกันได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็หย่า ทะเลาะกันแบบนี้ทุกวัน ใช้ได้ที่ไหน?”
ทั้งสองคนต่างคิดกันในใจว่าหลานสาวคนนี้เหมือนจิ้งจอกที่คลุมหนังอ่อนแอไว้ภายนอกเท่านั้น
นี่เมื่อฟ้องร้องขึ้นมา พวกเขาต้านทานไม่ไหวจริงๆ
“ญาณิน ตอนที่พวกเขาทะเลาะวิวาทกันเสียงดังที่นี่นั้น เธอเป็นคุณผู้หญิงของที่นี่ และเป็นภรรยาของหัวหน้าครอบครัว ทำไมถึงไม่ออกหน้ามาจัดการ?เธอให้วิกาออกหน้า ก็หมายความว่าให้วิกาไปผิดใจกับอาสามและอาสะใภ้สามของเธอ เพราะไม่ว่ายังไง พวกเขาก็เป็นผู้ใหญ่ของวิกา”
คุณหญิงย่าไม่พอใจ จะเอาอารมณ์ไปลงที่ญาณิน
“คุณย่า ตอนนั้นแม่หนูยังพักผ่อนอยู่เลย หนูไม่กลัวที่จะผิดใจกับอาสาม ใครกล้าทำให้แม่หนูไม่ได้รับความสงบ หนูก็จะไม่ให้ครอบครัวเขาได้รับความสงบเด็ดขาด!”
คุณหญิงย่า:……
หลานสาวที่ปกป้องแม่ขนาดนี้ เธอยังสามารถดึงมาเป็นพวกเดียวกันกับเธอได้ไหม?
การกลับมาของเทวิกา กลัวว่าจะทำให้ตระกูลสาระทาเกิดความโกลาหลอลหม่านมากแน่นอน
เนื่องจากเทวิกามาฟ้องร้อง ตอนกินข้าว คนแก่ทั้งสองกินข้าวไม่ค่อยลงเท่าไหร่
แต่เทวิกาและคนอื่นๆ กลับกินอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนคุณหญิงย่ากลับกลัดกลุ้มใจมาก
หลังจากพวกเขากลับไปแล้ว เทวิกาผ่อนคลายลงทันที และพูดเสียงเบาออกมากับสามีว่า: “ถอดหน้ากากออกได้ชั่วคราวแล้ว”
เงียบไปสักพัก เธอได้ถามยศพัฒน์เสียงเบาออกมาว่า: “ที่รัก คุณรู้สึกไหมว่าฉันยิ่งอยู่ยิ่งร้าย”
“ผมเองก็ไม่ใช่คนดี คุณร้ายขึ้น พวกเราก็ยิ่งเหมาะสมกัน เหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก”
เทวิกาถูกคำพูดหวานๆ ของเขาหยอกล้อจนหัวเราะฮิๆ ออกมา
ไม่มีใครร้ายตั้งแต่กำเนิด
แต่เป็นเพราะถูกสภาพแวดล้อมบีบบังคับ ถูกบีบจนไม่มีทางเลือกต่างหาก
ถ้าไม่ใช่เพราะคนของตระกูลสาระทาทำเกินไป มีหรือที่เทวิกาจะทำแบบนี้?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน