“กลับมาแล้วเหรอ”
น้ำเสียงหญิงสาวที่สวมหน้ากากถามเหมือนภรรยาที่กำลังรอสามีกลับบ้านอย่างนั้น
ประยสย์เดินมาพลาง ถอดเสื้อคลุมสูทไปพลาง
“อืม กลับมาแล้ว ครั้งนี้ คุณมาเร็วจริงๆ”
ณิศายิ้ม “เร็วมากจริงๆ”
เพราะว่าพี่สาวเธอออกไปทำงานนอกสถานที่ คืนนี้ไม่กลับบ้าน เธอก็เลยรีบมาเขาที่เมืองซูเพร่า โดยไม่ต้องคิดเลย
“คุณไม่ได้ทานข้าวเย็นเหรอ”
ประยสย์แขวนเสื้อคลุมเสร็จแล้ว ก็เดินมา หยิบกล่องขนมในมือเธอมา “กินของพวกนี้มันไม่มีประโยชน์ คุณอยากกินอะไร ผมจะทำให้คุณกิน”
“คุณเองก็รู้ว่ากว่าฉันจะมาได้สักครั้งมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ขอแค่มีเวลาฉันก็จะรีบมา ไม่มีเวลากินข้าวหรอก ฉันหาจนทั่วห้องคุณแล้ว ก็เจอแต่ขนมห่อนี้ แล้วมันก็แกะแล้วด้วย”
“นั่นมันของกินของน้องสาวผม เธอลืมหยิบไป”
ณิศาพูดว่า “คราวก่อน คุณต้อนรับฉันด้วยบะหมี่น้ำหนึ่งชาม ฉันคิดว่ารสชาติดีทีเดียว ยังคิดถึงอยู่เลย เอาบะหมี่น้ำให้ฉันชามหนึ่งเหมือนเดิมแล้วกัน”
“ได้”
ประยสย์วางกล่องขนมลง ไม่ลืมที่จะกำชับณิศาว่า “ไม่ต้องกินแล้ว มันจะร้อนใน ผมจะไปลวกบะหมี่ให้คุณ”
“ฉันไม่กลัวร้อนใน”
ณิศากินขนมอีกครั้ง
รู้ว่าเทวิกากินเก่งมาก ขนมแบบนี้อร่อยมาก
ประยสย์ก็ตามใจเธอ
เขาไปต้มบะหมี่ให้เธอ
สำหรับบอดี้การ์ดที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนต้นไม้ใหญ่นอกหน้าต่าง ครั้งก่อนหลังจากที่รู้ว่าหญิงสาวสวมหน้ากากแอบเข้าไปในห้องของนายน้อย พวกเขาแต่ละแทบจะใช้ความตายมาขอโทษเขา
หญิงสาวที่สมหน้ากากคนนี้เรียกว่าเหมือนเป็นผี วิญญาณ ไปมาอย่างไร้ร่องรอย
พวกเขาไม่รู้เลยว่าเธอเข้าไปในห้องของนายน้อยได้อย่างไร
อีกอย่างบริเวณบ้านของตระกูลสาระทามีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขนาดนั้น ก็ไม่แสดงถึงการมาถึงของหญิงสาวสวมหน้ากากเลย
ยังดี ที่ไม่ใช่คนร้าย มิเช่นนั้น……ผลที่ตามมาคงไม่กล้าคาดเดา
หลังจากนั้นไม่นาน
ประยสย์เอาชามบะหมี่ที่ใส่หมูหยอง ไข่ไก่รวมถึงต้นหอม ตรงหน้าของณิศา
ณิศาวางกล่องขนมที่ยังกินไม่หมดลง รับตะเกียบที่ประยสย์ส่งให้ กินบะหมี่อย่างไม่เกรงใจ
ประยสย์นั่งอยู่ข้างๆเธอ มองดูเธอกิน
เห็นเธอกินอย่างอร่อย แววตาเขาก็มีความเอ็นดูเล็กน้อย แต่เขาไม่รู้ตัวเท่านั้น
“คุณชอบกินอะไร ต่อไปผมจะได้เตรียมวางไว้ในห้องให้คุณ พอคุณ จะได้หากินเอง กินบะหมี่บ่อยๆ คุณจะโทษว่าผมต้อนรับแขกไม่ดี”
เสียงประยสย์เบา แต่ไปเข้าหูของบอดี้การ์ดที่เข้าเวรอยู่ กลับฟังออกว่ามีความอ่อนโยนเล็กน้อยแฝงอยู่ในคำพูดของนายน้อย
“คุณประยสย์เข้าครัวต้มบะหมี่ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพูดว่าบะหมี่อร่อยแค่ไหน แค่บอกว่าคุณประยสย์ทำเอง ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าคุณประยสย์ดีกับแขกคนนี้มากแค่ไหน สบายใจเถอะค่ะ ฉันไม่มีทางบอกว่าคุณต้อนรับแขกไม่ดี”
กัญณิศาเป็นคนที่กินเร็ว แต่ก็ไม่มูมมามน่าเกลียด
กัญณิศาข่มความโกรธไว้ พูดว่า “คุณประยสย์ คุณไม่คิดว่าคุณบีบบังคับทำให้คนอื่นเขาลำบากใจเหรอคะ”
ประยสย์ทำหน้าตาท่าทาง ผมไม่รู้ว่าผมบีบบังคับทำให้คนอื่นลำบากใจอย่างนั้น
ทำให้กัญณิศาแทบจะทนไม่ไหว อยากจะลงไม้ลงมือ
ไอ้หมอนี่ปกติก็ดูสุขุมเยือกเย็น และยังไม่ยอมให้ผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องเข้าใกล้ เอาผู้หญิงอย่างพวกเธอไม้กันคนบ้ากาม คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีมุมที่หน้าด้านไร้ยางอายด้วย
ความจริงแล้ว คนที่อยู่ในตำแหน่งนายน้อยของตระกูลสาระทาได้คนนี้ ก็ไม่ธรรมดา สามารถยืดได้งอได้
“เรื่องมันผ่านไปยี่สิบกว่าปีแล้ว คนอย่างคุณประยสย์ ยังหาหลักฐานไม่ได้ เขตของฉันอยู่ไกลถึงเมืองแอคเซสซ์ ก็ยิ่งหาหลักฐานไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น ฉันไม่กล้าเอาตัวเองมาเทียบเคียงกับคุณประยสย์หรอกค่ะ เรื่องที่คุณทำไม่สำเร็จ ฉันก็ยิ่งทำไม่สำเร็จ”
กัญณิศาล้วงเช็คใบหนึ่งออกมาจากชุดรัดรูปของเธอ เธอยื่นเช็คไปตรงหน้าประยสย์ “นี่คือเช็คที่คุณประยสย์ให้พวกเราเป็นเงินมัดจำ ตอนนี้ฉันคืนให้คุณประยสย์ และคุณประยสย์ได้โปรดอย่ามาล้อเล่นกับพวกเราอีก”
“พวกเราเป็นบริษัทเล็กๆ ขอแค่มีที่อยู่อาหารสามมื้อ ทำเรื่องอะไรใหญ่โตไม่ไหวหรอกค่ะ”
ประยสย์ไม่รับเช็คใบนั้น
เขามองกัญณิศา พูดว่า “ผมไม่รู้ว่าสำนักงานนักสืบXXเป็นของผู้มีพระคุณก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ผมรู้แล้ว ผมก็อยากจะร่วมงานกับผู้มีพระคุณ ผู้มีพระคุณเองก็ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆเก็บหลักฐานไปเรื่อยๆ สำหรับผมแล้ว ผู้มีพระคุณไม่เป็นที่สะดุดตา ไม่เป็นที่ที่สนใจของผู้คน สะดวกในการทำงาน”
“หนึ่งเดือนไม่ได้ ก็หนึ่งปี หนึ่งปีไม่ได้ ก็สิบปี ผมรอได้ ตัวผมเองก็ใช้เวลานานมากขนาดนั้นในการเก็บรวบรวมหลักฐาน ตอนนี้หลักฐานที่มีก็น้อยมาก ผมรู้ว่าเรื่องนี้มันยากมาก ดังนั้นในเรื่องของเวลา ผมไม่ได้เรียกร้องผู้มีพระคุณว่าต้องให้สำเร็จเมื่อไหร่”
กัญณิศา ……
ทำไมเธอถึงมีลางสังหรณ์บางอย่าง รู้สึกว่าประยสย์ใช้เรื่องนี้มาข้ออ้าง ทำให้ระหว่างพวกเขามีอะไรเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน
“ถ้าสำนักงานนักสืบของพวกคุณมีงานอื่นที่เร่งด่วน ก็สามารถไปจัดการงานคนอื่นก่อนได้ ส่วนของผมนี้ พวกเราค่อยๆสืบ ถ้าเงินไม่พอ บอกผมได้ ผมจะโอนเงินไปที่บัญชีบริษัทพวกคุณ”
“คุณประยสย์คะ นี่ไม่ใช่ปัญญาเรื่องเงินจริงๆนะคะ เป็นปัญหาเรื่องของความสามารถ พวกเราไม่มีความสามารถช่วยคุณประยสย์เรื่องนี้จริงๆ ถ้าคุณประยสย์เห็นฉันเป็นผู้มีพระคุณจริง กรุราอย่าทำให้ฉันลำบากใจเลยนะคะ ช่วยเมตตา ปล่อยสำนักงานนักสืบของพวกเราด้วยเถอะค่ะ”
ประยสย์พูดอย่างจริงจังว่า “เพราะผมเห็นคุณเป็นผู้มีพระคุณ รู้ว่าคุณเป็นเจ้าของสำนักงานนักสืบ ผมถึงได้ยืนยันที่จะร่วมงานกับคุณ เงินของผมประยสย์มีคนอยากได้ก็เอาไม่ได้ มาวันนี้ผมเป็นฝ่ายให้เงินผู้มีพระคุณเอง ผู้มีพระคุณก็อย่าปฏิเสธเลยนะครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน