เมื่อใกล้จะถึงเวลาเลิกงาน โทรศัพท์ตั้งโต๊ะของถังจือซย่าก็ดังขึ้น เธอยื่นมือออกไปรับสาย “ฮัลโหล! สวัสดีค่ะ”
“อีกสิบนาทีเจอกันที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน” สีจิ่วเฉินพูดออกมาสั้นๆ ได้ใจความและวางสายไป
ถังจือซย่าพูดไม่ออก เธอไม่ได้คิดว่าจะต้องนั่งรถเขากลับบ้านด้วย!
แต่พอคิดว่าเธอต้องจ่ายค่ารถแท็กซี่อีก งั้นนั่งรถไปกับเขาคงจะดีกว่า ประหยัดค่าโดยสารด้วย
ถังจือซย่าหยิบกระเป๋าและเดินไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน ซึ่งรถสีดำรอเธออยู่ที่นั่นแล้ว
พอถังจือซย่าเปิดประตูรถที่นั่งด้านข้างคนขับและเข้าไปนั่งแล้ว สีจิ่วเฉินก็ขับรถออกไปทางประตูของลานจอดรถ
“พวกเราไปรับเฉินเฉินก่อน จากนั้นก็ไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต เสร็จแล้วค่อยกลับบ้านกัน” สีจิ่วเฉินจัดแจงทุกอย่างและพูดออกมา
“ก็ได้!” ถังจือซย่าตอบ ยังไงตอนนี้เธอก็ไม่มีแรงแล้ว พอคิดว่าที่พ่อประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงขึ้นมานั้นเป็นเพราะว่าเขายื่นมือเข้ามาช่วย เธอจะเถียงอะไรได้
เธอทำได้เพียงตอบแทนเขาอย่างสุดความสามารถเท่านั้น
“ช่วงนี้เงินทุนของบริษัทพ่อเธอประสบปัญหาหนักมาก ถ้าไม่มีโครงการนี้ไปช่วยกู้สถานการณ์ พ่อของเธอคงจะต้องไปขอร้องหลายคนให้ช่วยเหลือ” สีจิ่วเฉินจับพวงมาลัยด้วยความสง่างามและมองไปด้านหน้า
หัวใจของถังจือซย่าบีบแน่นขึ้น เธอรู้อยู่แล้วว่าพ่อจัดการบริหารบริษัทนี้ ยังไงก็ต้องไปขอร้องคนหลายฝ่าย
ผู้ชายคนนี้พูดออกมาแค่ประโยคเดียว กลับทำให้พ่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ยากลำบากนี้ไปได้ และทำให้พ่อไม่ต้องไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
“ขอบคุณนะ” ถังจือซย่ามองไปที่เขาด้วยความจริงใจ และพูดประโยคนี้ออกมาจากใจ
“สำหรับฉันแล้วเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องเกรงใจ” สีจิ่วเฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
นี่แหละเสน่ห์ของอำนาจ คนอื่นต้องขอร้องเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง แต่เขาพูดเพียงประโยคเดียวก็สามารถจัดการได้ทั้งหมดแล้ว
“ยังไงก็เถอะ ฉันขอบคุณคุณมากที่ช่วยพ่อฉันไว้”
“บริษัทของพ่อเธอจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เขาแค่ต้องมีโครงการไปเลี้ยงดูบริษัทให้มากกว่านี้เท่านั้นเอง เธอวางใจเถอะ ฉันไม่ปล่อยให้บริษัทพ่อเธอมีปัญหาหรอก”
ภายในรถ เสียงทุ้มต่ำชวนหลงใหลของชายคนนี้เต็มไปด้วยพละกำลัง
ถังจือซย่าพูดไม่ออก พอถึงวันที่เธอต้องรับช่วงต่อค่อยคิดแล้วกัน! ไม่แน่ว่าพอถึงวันนั้นเธออาจจะขายบริษัทไปก็ได้!
มาถึงที่ประตูโรงเรียน
ถังจือซย่าเข้าไปรับลูก ผู้ชายที่นั่งอยู่ในรถมองไปที่ประตูโรงเรียนด้วยความตื่นเต้น ความรู้สึกนี้เหมือนความรู้สึกที่พ่อมารอรับลูกที่โรงเรียนเลย
เขาไม่ได้เจอเด็กน้อยมาหลายวันแล้ว สีจิ่วเฉินจึงรู้สึกคิดถึงมากเป็นพิเศษ ราวกับว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขา
ผ่านไปไม่นาน ที่ประตูโรงเรียนก็ปรากฏภาพคุณแม่ที่จูงมือลูกด้วยความอบอุ่น ผู้หญิงคนนั้นงดงามทุกกระเบียดนิ้ว เด็กคนนั้นก็น่ารักน่าชังและรู้ความ เป็นภาพที่สวยงามจริงๆ
สีจิ่วเฉินผลักประตูรถออกและเดินลงจากรถ พอเด็กน้อยเห็นเขาก็รีบปล่อยมือแม่ทันที และวิ่งออกไปพร้อมกับเรียกชื่อของเขาอย่างตื่นเต้น
“คุณอาสี คุณอาสี...”
ถังจือซย่ามองไปที่ลูกชายอย่างหมดคำจะพูด ทำไมลูกถึงชอบเขาขนาดนั้นนะ
จิ่วเฉินเอื้อมมือออกไปกอดเจ้าตัวเล็ก เด็กน้อยนั่งในอ้อมแขนที่แข็งแกร่งของเขาและยิ้มอย่างมีความสุข สำหรับเด็กน้อยแล้ว เขาอยากจะมีพ่อที่แข็งแกร่งและมีอำนาจ และสีจิ่วเฉินก็มีคุณสมบัติตรงกับพ่อในจินตนาการของเขาทุกประการ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว
ค่าต่อการอ่านหน้าต่อไปแพงจังค่ะ...
มาแล้ว พึ่งเข้ามาดู...
รอๆๆคะ...
สรุปเรื่องไม่ไปต่อแล้วเหรอค่ะ ติดตามมาตลอดหายไปอีกรอบ เสียดายจังค่ะ กำลังสนุกเลย ด้วยเพราะเหตุผลอะไร ยังไงก็ขอขอบคุณค่ะที่ทำให้การอ่านมีความสุขกับตัวละครที่สร้างจินตนาการให้นะ่ค่ะ...
เรืองหยุดชะงักอีกรอบแล้ว ผู้แต่งไม่สบายหรือเปล่าค่ะ หรือติดอะไรยังก็ขอเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ รอการกลับมาของนิยายเรื่องนี้อยู่ตลอดค่ะ...
หายไป 3 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน.....
หายไป 2 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน...
สนุกมากค่ะ อยากให้ลงสักวันล่ะ 20 ตอนเลยค่ะ สนุกมากๆๆและมีลุ้นด้วยว่าจะยังไงต่อ ต่อไปจะเป็นคู่ของท่านรองปะค่ะ รองประธาน น่ะจะมีนะ555...
น่าสงสารนางเอกจัง และสงสารพระเอกที่จะบอกคนที่ตนเองรักยังไง ว่าคู่หมั้นตัวเองเป้นญาติกัน...
ติดตามต่อค่ะ สนุกมากๆๆๆ...