ในใจของถังจือซย่ารู้สึกสับสน เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ของพ่อ เธอก็รู้สึกสงสาร และอยากจะช่วยแบ่งเบาภาระเรื่องนี้
เธอจะยอมให้พ่อที่อายุมากของเธอไปขอร้องคนอายุน้อยเช่นสีจิ่วเฉินได้อย่างไร
ต่อให้แค่ขอเรื่องเล็กๆ ก็ควรเป็นเธอที่จะไป แม้ว่าเธอจะเสียศักดิ์ศรี แต่ก็ย่อมดีกว่าให้พ่อเธอเสียศักดิ์ศรี
แต่ในใจของถังจือซย่าเองก็เจ็บปวด ทั้งที่ด้านหนึ่งเธอปฏิเสธการชดเชยของสีจิ่วเฉินไปแล้ว แต่อีกด้านก็ถูกบีบบังคับให้ไปขอร้องเขา เธอตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
โดยเฉพาะเมื่อครู่ที่ได้เจอกับศัตรูเก่าของพ่อ หากบริษัทของพ่อต้องให้เขาจริงๆ เกรงว่าแม้แต่สูดลมหายใจเข้าเพียงเฮือกเดียวพ่อเธอก็คงทำไม่ได้อีกแล้วชั่วชีวิตนี้
“พ่อ หนูตกลง หนูจะลองไปออกปากกับสีจิ่วเฉินดู พ่ออย่าเพิ่งรีบร้อน” ถังจือซย่ากล่าวปลอบพ่อเธอ ให้อารมณ์ของเขาไม่มุทะลุจนเกินไป ไม่อย่างนั้นอาการอาจจะกำเริบอีกได้
“จริงเหรอ งั้นก็ดีสิ ได้ยินคำนี้พ่อก็วางใจแล้ว” ถังจวิ้นพยักหน้าอย่างเบาใจ
ขอเพียงแค่สีจิ่วเฉินลงมือ ก็จะต้องรักษาบริษัทของเขาไว้ได้แน่
ผ่านไปสักพัก ถังจือซย่าเหลือบมองเวลาก็ต้องตกใจ “พ่อ หนูต้องไปรับเฉินเฉินแล้ว เกินเวลามาแล้ว”
“อะไรนะ งั้นก็รีบไปรับเขาเลย! หนูให้เฮ่าเซวียนมาอยู่เป็นเพื่อนพ่อที่โรงพยาบาล” ถังจวิ้นรีบเร่งให้เธอไปรับลูกชาย
ถังจือซย่าจึงได้แต่ต้องล่วงหน้าไปก่อน เธอเรียกรถไปที่บริษัทของพ่อ ก่อนจะโทรศัพท์หาคุณครูที่โรงเรียน ให้พวกเขาดูลูกแทนเธอก่อน แล้วเธอจะรีบไป
ขณะที่ถังจือซย่ากำลังมุ่งหน้าไปที่โรงเรียน ระหว่างทางในใจของเธอก็รู้สึกหนักอึ้งราวกับมีหินมากดทับไว้ เธอจะไปเอ่ยปากกับสีจิ่วเฉินว่าอะไรล่ะ
นี่มันเป็นเรื่องยากมากจริงๆ
ณ ห้องประธานสีซื่อกรุ๊ป แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องกระทบที่หน้าต่างบานใหญ่ ชายหนุ่มร่างสูงถือแก้วกาแฟไว้ในมือ ก่อนจะค่อยๆ จิบช้าๆ สายตามองออกไปไกล แต่ดุดันราวกับนักล่า
เด็กน้อยพยักหน้า แม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่ก็ยังรู้จักสงสารหม่ามี๊
เมื่อกลับมาถึงบ้านเธอก็ทำอาหารง่ายๆ เห็นลูกชายหิวจนกินบะหมี่เข้าไปคำใหญ่ แต่ถังจือซย่ากลับไม่รู้สึกอยากอาหาร ตอนนี้ในหัวเธอมีแต่คำขอของพ่อ ว่าให้เธอไปขอร้องสีจิ่วเฉิน แต่ว่าเธอจะเอ่ยปากอย่างไรล่ะ
เธอไม่มีวิธีที่จะเอ่ยปากด้วยซ้ำ!
แต่เรื่องนี้จะปล่อยให้ยืดออกไปอีกไม่ได้แล้ว อีกฝ่ามีกำลังบีบบังคับขนาดนั้น พ่อก็ยังโมโหจนอาการกำเริบอีก หมอเองก็แนะนำให้ผู้ป่วยอยู่ในช่วงที่ผ่อนคลายให้เร็วที่สุด และไม่ควรได้รับแรงกดดันอีก
ดังนั้น ถ้าเธอยืดเวลาไปอีกวินาที แรงกดทับที่หัวใจของพ่อเธอก็เพิ่มไปอีกวินาที จนอาจจะเกิดอันตรายถึงชีวิตได้
ขณะที่ถังจือซย่ากำลังเหม่อลอย เด็กน้อยก็เหลือบมองเธออยู่หลายครั้ง “หม่ามี๊ กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ กำลังคิดถึงอาสีอยู่ใช่ไหม”
ถังจือซย่าสติหลุดทันที ถูกสายตากลมโตของลูกชายมองมาเธอก็รู้สึกเห่อร้อนที่หน้าเล็กน้อย เธอเอ่ยตอบอย่างร้อนรน “เปล่าจ๊ะ หม่ามี๊คิดเรื่องงาน อีกอย่าง วันนี้คุณตาของลูกไม่สบายต้องนอนโรงพยาบาล”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว
ค่าต่อการอ่านหน้าต่อไปแพงจังค่ะ...
มาแล้ว พึ่งเข้ามาดู...
รอๆๆคะ...
สรุปเรื่องไม่ไปต่อแล้วเหรอค่ะ ติดตามมาตลอดหายไปอีกรอบ เสียดายจังค่ะ กำลังสนุกเลย ด้วยเพราะเหตุผลอะไร ยังไงก็ขอขอบคุณค่ะที่ทำให้การอ่านมีความสุขกับตัวละครที่สร้างจินตนาการให้นะ่ค่ะ...
เรืองหยุดชะงักอีกรอบแล้ว ผู้แต่งไม่สบายหรือเปล่าค่ะ หรือติดอะไรยังก็ขอเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ รอการกลับมาของนิยายเรื่องนี้อยู่ตลอดค่ะ...
หายไป 3 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน.....
หายไป 2 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน...
สนุกมากค่ะ อยากให้ลงสักวันล่ะ 20 ตอนเลยค่ะ สนุกมากๆๆและมีลุ้นด้วยว่าจะยังไงต่อ ต่อไปจะเป็นคู่ของท่านรองปะค่ะ รองประธาน น่ะจะมีนะ555...
น่าสงสารนางเอกจัง และสงสารพระเอกที่จะบอกคนที่ตนเองรักยังไง ว่าคู่หมั้นตัวเองเป้นญาติกัน...
ติดตามต่อค่ะ สนุกมากๆๆๆ...