ในที่สุดก็ถึงเวลาสี่โมงครึ่งเสียที ถังจือซย่าออกก่อนเวลาสิบนาที เธอถือกระเป๋าลงไปชั้นล่างคิดว่าจะเรียกรถแท็กซี่ แต่ไม่รู้ทำไม ตอนนี้ถึงไม่มีรถแท็กซี่เลยสักคัน
ขณะที่เธอกำลังตัดสินใจเดินไปที่ป้ายรถเมล์ใกล้ๆ รถสีดำยี่ห้อโรลส์-รอยซ์ แฟนธอมขับรถไร้เสียงเข้ามา กระจกรถลดลงมา สายตาของผู้ชายที่นั่งอยู่ที่นั่งคนขับจับจ้องเธอมาแต่ไกล
“ขึ้นรถ”ผู้ชายเอยด้วยเสียงเบา
ถังจือซย่าโบกมือปฏิเสธ “ไม่ละ ขอบคุณ”
เธอยอมที่จะนั่งรถเมล์
ในเวลานี้เอง ผู้ชายจอดรถและเปิดประตูลงจากรถ ถังจือซย่าไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรทเห็นเพียงผู้ชายใช้มืออีกข้างเปิดประตูด้านข้างคนขับ ส่วนมืออีกข้างก็คว้าแขนเธอไว้ ดึงเธอไปทางที่นั่งด้านข้างคนขับและดันเธอขึ้นรถ
“นี่ สีจิ่วเฉิน ฉันไม่นั่งรถของคุณหรอกนะ” ถังจือซย่ารู้สึกรำคาญนิดหน่อย ไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนที่บ้าอำนาจขนาดนี้
สีจิ่วเฉินดันเธอเข้าไปและกดล็อกกุญแจในมือ ถังจือซย่านั่งอยู่ในรถเปิดประตูออกไปไม่ได้ ทำได้เพียงมองผู้ชายเดินขึ้นมานั่งที่นั่งคนขับ สตาร์ทรถอย่างสง่าขับเคลื่อนออกไป
ถังจือซย่าเห็นว่าไม่ทันเวลารับลูกชายแล้ว เธอก็ขี้เกียจจะโต้แย้งกันไปมาอีก เธอรีบรัดเข็มขัดนิรภัยและพูดอย่างเอือมระอา “ถึงแม้คุณจะเป็นเจ้านายฉัน และคุณก็เคยช่วยเหลือฉันเอาไว้ แต่คุณช่วยเคารพฉันหน่อยได้ไหม?”
“ถ้าหากเธอเชื่อฟัง ฉันก็ไม่จำเป็นต้องใช้แรงบังคับเธอหรอก”สีจิ่วเฉินพูดอยู่แต่สายตายังคงจ้องมองไปข้างหน้า
“ทำไมฉันต้องเชื่อฟังคุณด้วยละ?” ถังจือซย่าถามอย่างขุ่นเคืองใจ
“ฉันเป็นคนที่ไม่ชอบถูกปฏิเสธ” สีจิ่วเฉินเหล่มองเธอเล็กน้อย พูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ
ถังจือซย่าถึงกับยอมจริงๆ พบเจอผู้ชายแบบนี้ ไม่มีเหตุผลที่จะพูดต่ออีก
“สมองแฟนคุณที่ถูกชนยังดีอยู่ใช่หรือเปล่า?” ถังจือซย่าหาคำถามขึ้นมาพูดคุย แต่แอบแฝงไปด้วยความสะใจในความโชคร้ายของคนอื่นอยู่ไม่น้อย
“ซ่งซานไม่ใช่แฟนของฉัน เธอเป็นแค่คนที่ฉันต้องดูแล”สีจิ่วเฉินอธิบายนิ่งๆมาหนึ่งประโยค
ถังจือซย่าพูดถากถางเขาขึ้นมา “กอดกันไปมาขนาดนี้แล้ว ยังไม่ยอมรับอีก”
“นี้เป็นเรื่องระหว่างฉันกับซ่งซาน” สีจิ่วเฉินขมวดคิ้ว ไม่รู้ทำไมถึงไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้
“ก็ได้ พวกนายนอนด้วยกันแล้วใช่ไหม?” ถังจือซย่าถามเข้าประเด็นตรงๆ
สีจิ่วเฉินจองภัตตาคารไว้เรียบร้อยแล้ว รถของเขาขับมุ่งหน้าไปทางภัตตาคาร
ที่นั่งด้านหลัง เด็กน้อยกำลังเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนในวันนี้ให้หม่ามี้รับฟัง สิ่งที่ทำให้เขาอยากอวดที่สุดก็คือ วันนี้เขากินข้าวหมดเป็นคนแรก ถังจือซย่าดีใจหอมแก้มเขาไปหนึ่งที “ยอดเยี่ยมมาก ทำดีอย่างนี้ต่อไปนะ!”
“อืม!” เด็กน้อยผงกหัวอย่างตั้งใจ
ณ ภัตตาคาร
สีจิ่วเฉินสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว ถังจือซย่ากำลังดูแลลูกชายอยู่ ในฐานะที่เป็นแม่นั้น ตัวเองไม่ได้กินไม่เป็นไร แต่ต้องให้ลูกกินอิ่มก่อน ไม่งั้นคงจะกังวลใจเป็นแน่
นั่งห่างออกไปไม่ไกลจากโต๊ะของพวกเขา มีคุณหนูผู้มีฐานะมองมาทางนี้ อีกทั้งยังนำมือถือออกมาแอบถ่ายมาทางโต๊ะสีจิ่วเฉิน
บังเอิญจริงๆผู้หญิงคนนี้ก็คือคนเดียวกับที่ทำให้ถังจือซย่าขายหน้าที่งานแสดงโชว์จิวเวลรี่ครั้งก่อน หล่อนกับซ่งซานเป็นเพื่อนกันเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าซ่งซานเป็นคู่ควงของสีจิ่วเฉิน คุณหนูตระกูลเศรษฐีเหล่านี้ล้วนต้องการที่จะทำความรู้จักกับเธอทั้งนั้น เผื่อไว้อนาคตจะได้สะดวกที่จะรู้จักกับสังคมระดับสูงขึ้นไปอีก
ผู้หญิงคนนี้รู้จักถังจือซย่า เธอทั้งริษยาและอิจฉา ครั้งก่อนที่งานแสดงโชว์จิวเวลรี่สีจิ่วเฉินดูแลเธอเป็นอย่างดีเป็นพิเศษ คิดไม่ถึงว่าเสียจิ่วเฉินยังเลี้ยงข้าวเธอตามลำพังเป็นการส่วนตัวอีก เพียงแต่ไม่รู้ว่าเด็กผู้ชายคนนั้นคือใครกัน?
หรือว่าจะเป็นหลานของสีจิ่วเฉิน หน้าตาเหมือนเขาเกินไปไหม!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว
ค่าต่อการอ่านหน้าต่อไปแพงจังค่ะ...
มาแล้ว พึ่งเข้ามาดู...
รอๆๆคะ...
สรุปเรื่องไม่ไปต่อแล้วเหรอค่ะ ติดตามมาตลอดหายไปอีกรอบ เสียดายจังค่ะ กำลังสนุกเลย ด้วยเพราะเหตุผลอะไร ยังไงก็ขอขอบคุณค่ะที่ทำให้การอ่านมีความสุขกับตัวละครที่สร้างจินตนาการให้นะ่ค่ะ...
เรืองหยุดชะงักอีกรอบแล้ว ผู้แต่งไม่สบายหรือเปล่าค่ะ หรือติดอะไรยังก็ขอเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ รอการกลับมาของนิยายเรื่องนี้อยู่ตลอดค่ะ...
หายไป 3 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน.....
หายไป 2 วันแล้ว ไม่ลงตอนเพิ่ม มีอะไรไหมค่ะ แอดมิน...
สนุกมากค่ะ อยากให้ลงสักวันล่ะ 20 ตอนเลยค่ะ สนุกมากๆๆและมีลุ้นด้วยว่าจะยังไงต่อ ต่อไปจะเป็นคู่ของท่านรองปะค่ะ รองประธาน น่ะจะมีนะ555...
น่าสงสารนางเอกจัง และสงสารพระเอกที่จะบอกคนที่ตนเองรักยังไง ว่าคู่หมั้นตัวเองเป้นญาติกัน...
ติดตามต่อค่ะ สนุกมากๆๆๆ...