รานีถึงกับยืนอึ้งอย่างช็อก เมื่อเห็นสามีตบหน้าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน
จากนั้นแกก็เดินเข้ามาผลักสามี แล้วทุบตีแผงอกสามีด้วยความโมโหพร้อมกับเอ่ยเสียงสั่นเครือเจือสะอื้น
" คุณธำรง คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ทำไมคุณต้องตบตีลูกด้วย
คุณรู้มั้ยว่าวันนี้ ลูกเจอเรื่องเครียดๆมามากมายแค่ไหน
แทนที่จะให้กำลังใจลูก แต่คุณกลับตบหน้าลูก คุณคิดบ้างมั้ยว่าลูกจะเสียใจแค่ไหน
ทำไมคุณถึงได้ใจร้ายใจดำกับลูกแบบนี้ หัวใจคุณทำด้วยอะไร ฮือ....
นั่นลูกสาวเรานะ คุณตบลูกลงได้ยังไง คุณตีลูกลงได้ยังไง ฮือ.....
วันนี้มีแต่คนรุมด่าลูกของเรากันทั้งประเทศ แต่คุณกลับยอมไม่ปลอบใจเธอเลย ถามหาแต่เด็กคนนั้น ซ้ำยังตบตีเธออีก
การกระทำของคุณมันเป็นการซ้ำเติมลูก ทำให้ลูกยิ่งเสียใจมากขึ้นไปอีก คุณรู้ตัวบ้างมั้ย
แล้วแบบนี้ ต่อไปลูกจะกล้าอ้อน กล้าอ่อนโยนกับคุณเหมือนที่ผ่านมาได้ยังไง ฮือๆๆ..... "
พอตีจนหมดแรงแกก็ทรุดตัวลงกับพื้น คนเป็นแม่อย่างแกรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมากที่เห็นลูกร้องให้เสียใจแบบนั้น
ธำรงที่ยืนนิ่งแท็งทื่อเป็นท่อนไม้ ค่อยๆขยับย้ายสายตาแข็งกร้าวมองลงมาที่ภรรยา
ค่อยๆกะพริบตา พยายามสงบสติอารมณ์ ไม่ให้ขาดสติอีก จากนั้นก็นั่งลงโอบไหล่ภรรยาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
" ผมขอโทษ ที่พลั้งมือตบลูก คุณไม่ต้องร้องแล้ว เดี๋ยวผมจะไปขอโทษลูก "
แกเอ่ยอย่างเอาใจภรรยา
ทรายยืนมองพวกเขาอย่างเงียบๆ จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ
เพราะครอบครัวนี้มีปัญญาเยอะเกิน อิงฟ้าเองก็ไม่ได้ว่านอนสอนง่ายอย่างที่แกคิด
เธอลูกเลี้ยงมาแบบตามใจ ไม่เคยรู้จักอดทน เป็นแต่ใช้อารมณ์จนเคยชิน จนเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้น
เดิมที แกคิดว่าอิงฟ้าเป็นคนเรียบร้อย อ่อนหวาน สุขุมพอที่จะรับมือกับเด็กสาวคนนั้น
เลยปล่อยให้ปะทะกับเด็กสาวคนนั้นตามลำพัง แต่คิดไม่ถึงว่าอิงฟ้าที่เหนือกว่าทุกอย่าง
กลับต้องมาเจ็บหนักเพราะตกหลุงพรางด้วยเล่ห์เหลี่ยมของเด็กสาวคนเดียว
ทรายหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาอย่างเงียบๆด้วยสีหน้าหน้าเคร่งเครียด
[ เด็กสาวนับหนึ่งคนนั้น ฉลาดหลากแหลม เจ้าเล่ห์ กว่าอิงฟ้าเป็นสิบๆเท่า
นี่ขนาดเธอไม่มีแม่คอยอบรมสั่งสอนนะ ยังฉลาดขนาดนี้ แถมยังสามารถเข้าเรียนในมหาลัยดังๆได้
หากมีคนคอยอุปถัมภ์ คงมีอนาคตที่ดีแน่ เราน่าจะเจอเธอก่อนได้เจออิงฟ้านะ ไม่งั้นคงไม่เกิดเรื่องปวดหัวแบบนี้ขึ้น
คุณกวินนะคุณกวิน เอาอิงฟ้ามาให้เราดูแล แต่ไม่บอกว่าเธอนิสัยแบบนี้
นี่คงตั้งใจจะให้เราสั่งสอนให้สินะ เฮ้อ~ คุณไม่ได้หลงเพียงเรือนร่างของอิงฟ้าแล้ว รู้ตัวบ้างมั้ยน้อ ]
อีกด้านหนึ่งของเมืองใหญ่ บนตึกสูงของบริษัทธนินกรุ๊ป กวินนั่งดูคลิปไลฟ์สดของนับหนึ่งอย่างเงียบๆ
โดยมีผู้ช่วยกรกับกฤตยืนอยู่ตรงหน้า พอกฤตได้ฟังการไลฟ์ของนับหนึ่งแล้วเขาแอบดีใจและสบายใจขึ้นมาก
[ นับหนึ่ง คุณฉลาดมาก คิดไม่ถึงเลย ว่าคุณจะเล่นด้วยวิธีนี้ เป็นความคิดที่ฉลาดรอบคอบจริงๆ ]
เขาลอบพึมพำในใจอย่างชื่นชม
พอดูจนจบไลฟ์ กวินก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
" ช่างสมกับเป็นสาวน้อยในคืนนั้นจริงๆ "
กฤตได้ยินดังนั้นก็หันไปมองเจ้านายด้วยความตกใจ นึกไม่ถึงว่าแค่คลิปไลฟ์ คลิปเดียว
จะทำให้เจ้านายมั่นใจว่าหญิงสาวในคลิปคือหญิงสาวในคืนนั้น
กวินยักคิ้วขึ้นมาข้างหนึ่งมองกฤตด้วยแววตามีเลศนัยแล้วเอ่ยขึ้นอย่างสุขุม
" ทำไม คำพูดผมมันทำให้คุณกฤต ตื่นเต้น ตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ "
กฤตหลุบตาลงแล้วเอ่ยตอบเสียบเรียบเพียงสั้นๆ
" เปล่าครับ "
กรหันมามองคู่หูแล้วเอ่ยขึ้น
" นายจะเปล่าได้ไงกฤต ขนาดฉัน ยังสงสัยเลยว่าทำไม นายถึงดูตกใจกับคำพูดของท่านประธานขนาดนั้น "
กฤตย้ายสายตาจ้องกรด้วยแววตาดุอย่างนิ่งๆโดยไม่เอ่ยอะไร จากนั้นก็หันมาเอ่ยกับเจ้านายว่า
" ไม่มีอะไรจริงๆครับท่านประธาน ผมแค่รู้สึกทึ่งในความราดเปรื่องของท่านประธาน
ที่ขนาดเห็นหน้าคนในคลิปไม่ชัด แต่ก็สามารถรู้ได้ว่าเป็นหญิงสาวคนนั้น
ผมที่เคยเห็นหน้าหญิงสาวคนนั้น ยังจำหน้า จำเสียงของเธอไม่ได้เลย
ถ้าหากหญิงสาวในคลิปเป็นเธอจริงๆ เธอคงจะเจ็บน่าดู ใบหน้าบวมช้ำดำเขียวจนมองไม่ออก
กฤตกับกรมองหน้าเจ้านายอย่างนิ่งสงบ แล้วกรก็เอ่ยถามขึ้น
" ท่านประธานแน่ใจเหรอครับว่าจะทำลายจริงๆ "
" ผมเคยพูดเล่นด้วยเหรอ "
กวินเอ่ยเอ่ยเสียงเย็นด้วยแววตาสุขุมเยือกเย็น
" ครับ ผมจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลยครับ "
" อือ "
แล้วกรก็หมุนตัวหันหลังเดินออกไปพร้อมกับกล่องหน้ากากในมือ
ในใจแอบรู้สึกชื่นชมในความฉลาดของหญิงสาวคนนั้น
แต่คนที่ฉลาดเกินไปอย่างเธอ ก็ไม่คู่ควรกับเจ้านายเขาอยู่ดี
เพราะหากแข็งข้อ ไม่เชื่อฟัง หรือคิดไม่ซื่อขึ้นมาอาจจะนำมาซึ่งหายนะ
เพราะผลงานเธอในครั้งนี้ มันก็ทำให้เห็นแล้ว ว่าเธอสามารถใช้ความฉลาดที่มี
ทำให้เจ้านายของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลย
หลังจากที่กรหมุนตัวเดินออกไป กวินก็ย้ายสายตากลับมามองกฤตที่ยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงหน้า
แล้วเขาก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ คล้ายคนกำลังกล่าวลาลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ
" ส่วนคุณ พรุ่งนี้ผมจะส่งคุณไปทบทวนความผิดของตัวเองในประเทศAFG
อยู่ที่นั่นก็ตั้งใจฝึกฝนให้มากๆ และจะต้องมีชีวิตรอดกลับมาให้ได้
หากมีชีวิตรอดกลับมาไม่ได้ แม้แต่ชื่อของคุณก็จะไม่มีการเอ่ยถึงในงานศพ เข้าใจมั้ย "
กฤตหลุบตามองต่ำก้มหน้าเอ่ยตอบรับคำยอมรับในชะตากรรมของตัวเอง
" ครับ "
เพราะเขารู้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ รู้ว่าตัวเองจะต้องมีจุดจบแบบนี้ตั้งแต่ตอนที่ตัดสินใจช่วยนับหนึ่ง
แต่ก็ยังเลือกที่จะช่วยเธอจนสุดความสามารถ เท่าที่ผู้ชายอย่างเขาจะทำได้
รู้ว่ามันผิดกฏข้อห้ามก็ยังเต็มใจทำยินดีรับผลของการกระทำอย่างไม่เกรงกลัวหรือเสียใจในภายหลัง
เพื่อให้หญิงสาวที่ตัวเองรู้สึกดีด้วย มีชีวิตที่ดี ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆวัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก