ภายใต้ความสว่างของแสงไฟในยามค่ำคืน นับหนึ่งนั่งรอการมาของกฤตอย่างเงียบๆเกือบสองชั่วโมงกว่า
ทันทีที่เห็นเขาขับรถเข้ามาจอด ต่อท้ายรถหรูของกวิน
เธอก็ยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกโล่งใจ จากนั้นลุกขึ้น แล้วเดินเข้าไปหาเขาพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นเสียงเรียบด้วยความเป็นห่วง
" เขาทำอะไรคุณหรือเปล่า "
กฤตจ้องหน้านับหนึ่งแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ กำลังจะเอ่ยตอบ
กวินที่เดินตามหลังนับหนึ่งมา ก็เอ่ยสั่งแทรกขึ้นเสียงเย็นด้วยสีหน้าสุขุมลุ่มลึก
" กฤต ไปขับรถได้แล้ว "
" ครับ "
กฤตเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม แล้วกวินก็จับแขนนับหนึ่งพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุม
" ผมทำตามที่คุณต้องการแล้ว ทีนี้จะไปขึ้นรถได้หรือยัง "
" ฉันรักษาสัจจะค่ะ ปล่อย! "
เธอเอ่ยตอบเสียงขุ่นด้วยแววตาเย็นชาพร้อมกับดึงแขนตัวเองกลับมา แล้วหมุนตัวเดินไปที่รถ กรจึงเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่งด้วยสีหน้าสุขุม
กวินหันกลับมามองหน้ากฤตแล้วเอ่ยเตือนเสียงเย็นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา
" ครั้งนี้นับหนึ่งขอไว้ ถือว่านายรอดตัวไป ต่อไปนายคงรู้นะ ว่าควรทำหน้าที่อะไร แล้วอย่าได้คิดที่จะขัดขวางฉันกับเธออีก "
" รับทราบครับ "
กฤตตอบรับคำพร้อมกับค้อมตัวเล็กน้อยด้วยท่าทีนอบน้อม
กวินหลุบตาอย่างเย็นชาแล้วหันหน้าไปพร้อมกับหมุนตัวเดินไปขึ้นรถด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย
ส่วนกฤตก็เดินตามหลังเขาอย่างเงียบๆ พอเดินมาถึงรถ เขาก็ยื่นมือออกไปเปิดประตู แล้วเข้าไปนั่งที่คนขับ จากนั้นก็ขับออกไปจากบริเวณหน้าร้านอาหาร
ในเมื่อเจ้านายรู้ความจริงแล้ว ว่านับหนึ่งเป็นใคร เขาก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังเจ้านายอีก
สิ่งเดียวที่เขาทำให้เธอได้ ในฐานะที่เป็นผู้ชายที่แอบชอบเธอ คือ ขอให้เจ้านายรักและเอ็นดูเธอด้วยความจริงใจ
ในขณะที่บรรยากาศภายในรถเงียบสงัดจนได้ยินเสียงแอร์รถ
จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของนับหนึ่งก็ดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วกดรับสายพร้อมกับเอ่ยขึ้นเสียงอ่อน
" คุณธีร์ ...คุณโทรมาดึกป่านนี้...มีอะไรหรือเปล่าคะ "
" มีมี่บอกว่าคุณไปทานข้าวข้างนอก ตอนนี้คุณอยู่ไหนแล้ว ให้ผมไปรับมั้ย "
ธีร์ที่อยู่ในสายเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง นับหนึ่งยิ้มอ่อนแล้วเอ่ยตอบเสียงเบา
" ฉันกลับมาแล้ว คุณไม่ต้องห่วงนะคะ ตอนนี้ฉันใกล้จะถึงบ้านแล้ว คุณนอนเถอะค่ะ "
" ใกล้ถึงแล้วแน่นะ "
" ค่ะ "
" ถ้ามีอะไร รีบโทรมาหาผมเลยนะ "
" ได้ค่ะ "
" อืม...ถ้าถึงบ้านแล้วโทรมาบอกผมหน่อย จะได้มั้ย "
นับหนึ่งรู้สึกอบอุ่นหัวใจมากที่มีคนเป็นห่วงเธอแบบนี้ เธอยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยตอบเสียงเบา
" ได้ค่ะ ถ้าถึงแล้ว ฉันจะโทรบอกคุณทันทีค่ะ "
" โอเคครับ งั้นผมจะรอนะ "
" ค่ะ "
กวินนั่งฟังนับหนึ่งคุยกับผู้ชายคนอื่นอย่างหน้านิ่งๆ โดยไม่รบกวนเธอ
แต่พอเธอคุยเสร็จ เขาก็แบมือออกมาตรงหน้าเธออย่างหน้านิ่งๆแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
" เอาโทรศัพท์คุณมา "
นับหนึ่งเหลือบไปมองเจ้าของมือแล้วเอ่ยตำหนิขึ้นด้วยความไม่ชอบใจ
" คุณกวิน คุณเสียมารยาทเกินไปมั้ยคะ "
แววตาเย็นชาของนับหนึ่งมองแรงใส่คนข้างๆ ที่เข้ามาก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวในชีวิตเธอ
แต่คนข้างกลับจ้องหน้าเธอกลับด้วยแววตาสุขุมและแบมือตรงหน้าเธออยู่อย่างนั้น
จากนั้นก็ยักคิ้วขึ้นพร้อมกับใช้สายตาเชิงบังคับให้เธอส่งโทรศัพท์มาให้
นับหนึ่งจึงปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมกับว่าให้เป็นชุด
" ไม่ให้ คุณมีสิทธิ์อะไรมาขอโทรศัพท์คนอื่นอย่างเสียมารยาทแบบนี้
ตอนเด็กๆไม่เคยมีใครสอนมารยาททางสังคมให้คุณมาก่อนหรือไง
ถึงได้ไม่รู้จักให้เกียรติผู้อื่นรวมถึงไม่รู้จักเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นแบบนี้ "
เธอรู้สึกรำคาญตารำคาญใจมาก จึงเอ่ยอย่างดื้อรั้น โดยไม่มีทีท่าว่าจะยอมให้ง่ายๆ
" คุณจะให้หรือไม่ให้ "
กวินเอ่ยถามขึ้นอย่างสุขุมในขณะที่แววตาจับจ้องแววตาสวย ที่มองหน้าเขาด้วยแววตาเหวี่ยงๆอย่างดื้อรั้นเอาเรื่อง
" ไม่ให้! "
เอ่ยจบนับหนึ่งก็กระเถิบถอยห่าง ชิดประตูทางซ้าย ขณะเดียวกันเธอก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าใบเล็ก
หยิบเอามีดพับที่ตกติดตัวไว้ ชูขึ้นมาขู่ตรงหน้ากวินพร้อมกับเอ่ยเสียงดุด้วยแววตาดุดัน
" คุณอย่าท้าฉันนะ "
" ผมไม่ได้ท้า หากต้องตายด้วยน้ำมือของคุณ ผมก็ยอม แต่ก่อนตาย ผมจะต้องได้ตัวคุณก่อน โอเคมั้ย "
เอ่ยจบ เขาก็โน้มตัวเข้าใกล้นับหนึ่ง แล้วหยิบกระเป๋าของเธอที่วางข้างๆ ทางฝั่งซ้ายมือติดกับกระจก โดยที่ไม่สนใจคำขู่ของนับหนึ่งเลย
นับหนึ่งได้แต่นั่งนิ่งโดยไม่ขยับตัวอีก เธอเกร็งจนแผ่นหลังชิดเบาะรถ
กลัวว่ามีดในมือจะไปบาดคนตรงหน้าเข้าจริงๆและกลัวจะถูกคนตรงหน้าใช้กำลังล่วงเกิน
พอได้กระเป๋าของนับหนึ่งมา กวินก็หยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา กดเบอร์โทรของตัวเองแล้วโทรออกทันที
นับหนึ่งเห็นดังนั้น จึงเอ่ยถามขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าบูดบึ้งอย่างเย็นชา
" คุณโทรหาใคร "
" เดี๋ยวคุณก็รู้เอง "
เขาเอ่ยตอบเสียงเรียบด้วยสีหน้านิ่งๆ
พอเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของกวินดังขึ้น นับหนึ่งถึงรู้ว่าเขาโทรออกไปยังเบอร์ของตัวเอง
จากนั้นกวินก็ยื่นหน้าจอไปให้นับหนึ่งดูแล้วเอ่ยเสียงเรียบอย่างหน้านิ่งๆ
" นี่เป็นเบอร์ของผม ห้ามลบ ห้ามเมิน แล้วก็จำไว้ ว่าคุณต้องรับสายผมทุกครั้ง ที่เห็นเบอร์โทรผม โชว์ขึ้นมาบนหน้าจอ เข้าใจมั้ย ส่วนเบอร์ของผู้ชายคนอื่นมันไม่จำเป็นแล้ว "
เอ่ยจบเขาก็จัดการลบเบอร์ของธีร์ออกจากตัวเครื่องของนับหนึ่งทันที
นับหนึ่งเห็นดังนั้นก็เข้าแย่งโทรศัพท์ของตัวเอง พอแย่งคืนไม่ได้เธอก็เอ่ยถามขึ้นเสียงแข็งด้วยความไม่พอใจ
" คุณกวิน คุณทำแบบนี้ทำไม ทำไมคุณจะต้องเข้ามาก้าวก่ายชีวิตฉันด้วย "
กวินไม่ตอบแต่กลับบันทึกเบอร์ของตัวเองลงในตัวเครื่องอย่างเอาแต่ใจ
นั่นยิ่งทำให้นับหนึ่งรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก จึงเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห
" คุณกวิน ถ้าคุณยังเข้ามาควบคุมชีวิตฉันแบบนี้ ฉันจะฉีกสัญญาทิ้งแล้วจะไม่ขอร่วมงานกับบริษัทคุณอีก "
กวินยิ้มแล้วสบตากับแววตาแข็งกร้าวที่จ้องเขาด้วยความโกรธเคือง แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
" ดีเลย เพราะผมก็ไม่ได้อยากให้คุณทำงาน ใส่ชุดโชว์เนื้อโชว์หนัง เปิดไหล่ให้ใครเห็นอยู่แล้ว "
" คุณ! "
ได้ยินดังนั้นนับหนึ่งก็ถึงกับอึ้งไปจนพูดอะไรไม่ออกอีก เธอได้แต่นั่งหน้าบึ้ง เลิกสนใจกวินที่ทำให้เธอโมโห
กฤตที่กำลังขับรถอยู่ หูฟัง ตาลอบมองเจ้านายกับนับหนึ่งผ่านกระจกมองหลัง ในใจรู้สึกปั่นป่วนอย่างอธิบายไม่ถูก
การรู้สึกดีกับใครสักคนแต่ไม่มีสิทธิ์คิดและไม่มีสิทธิ์บอกความในใจ
แม้จะเตรียมใจไว้แล้วแต่พอเห็นแบบนี้ เขาก็รู้สึกเจ็บจี๊ดๆในใจมากๆเหมือนกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ริษยาร้ายซ่อนรัก