บทที่ 11 โดนสวมรอยความดีความชอบเสียแล้ว
ตอนที่ส้งเส่นเอ๋อกำลังคิดเพ้อเจ้ออยู่นั้น พ่อก็พูดออกมา: “ลูก นั่นเป็นเส้นสายที่พ่อหามาที่ไหนกัน? ถ้าพ่อหาเส้นสายได้ ตอนเช้าจะโมโหขนาดนั้นทำไม? เส่นเอ๋อ เมื่อเช้าพ่อค่อนข้างกังวลใจ จึงพูดไปว่า ‘เดี๋ยวจะส่งลูกให้หม่าเก๋อซะเลย’ นั่นเป็นเพราะโมโหหรอกนะ ลูกอย่าโกรธพ่อเลย......”
คำพูดของพ่อ ทำให้ใบหน้าของส้งเส่นเอ๋อที่มีเลือดฝาด หน้าที่แดงระเรื่ออยู่แล้วก็แดงมากขึ้นอีกระดับทันที
พ่อว่าอะไรนะ เพื่อนหนูกำลังฟังอยู่ข้างๆนะ! ยังจะส่งหนูให้หม่าเก๋ออีก ก็ดีที่พ่อพูดออกมา!
ใบหน้าที่ร้อนผ่าวของส้งเส่นเอ๋อ ใบหน้าเล็กๆขรึมลงเสียแล้ว ลุกขึ้นเดินไปคุยโทรศัพท์ที่ด้านข้าง
“พ่อคะ ไม่ใช่เส้นสายที่พ่อหามาจริงๆเหรอ?” ส้งเส่นเอ๋อยืนยันให้แน่ใจอีกครั้ง
“ถ้าหาเส้นสายได้ ตอนเช้าพ่อจะให้ลูกไปอยู่กับหม่าเก๋อสักคืนทำไมล่ะ......”
ส้งเส่นเอ๋อหลับตา สูดหายใจเข้าลึกๆ กลั้นคำหยาบที่คอกลับลงไป: “พ่ออย่าพูดเรื่องนี้อีกได้ไหมคะ? เมื่อกี้เพื่อนหนูอยู่ด้วยกันหมด แล้วหนูก็เปิดลำโพงอยู่ พ่อขายหน้าของลูกสาวพ่อไปหมดแล้วเนี่ย”
“เพื่อนลูกอยู่กันหมดเลย อั้ยหยา พ่อผิดเองพ่อผิดเอง เส่นเอ๋อ ลูกโทรศัพท์แล้วจะเปิดลำโพงทำไม......”
“พอค่ะ เรื่องนี้ให้มันผ่านไปเถอะ ถ้ายังพูดอีกหนูก็อยากจะมุดเข้าไปในร่องพื้นดินจะแย่แล้วนะคะ” ส้งเส่นเอ๋อใช้มือประคองหน้าผากเอาไว้
ฉันเปิดลำโพงทำไม นั่นก็เพราะคิดว่าพ่อตามหาเส้นสายที่มั่นคงได้ยังไงล่ะ จึงเตรียมจะโอ้อวดต่อหน้าเพื่อนๆ ตอนนี้กลับต้องหงอยเป็นลูกแมวซะได้ จะโอ้อวดก็โอ้อวดไม่สำเร็จ กลายเป็นผู้หญิงโง่ที่ระเบิดเรื่องอื้อฉาวเสียอย่างนั้น!
“โอ่ย เส่นเอ๋อ เป็นเพื่อนลูกหรือเปล่าที่ช่วยหาเส้นสายน่ะ?”
“เพื่อนหนู...” ส้งเส่นเอ๋อหันไปเพ่งมองคนอื่นๆที่โต๊ะกินข้าว ก็พอมีความเป็นไปได้อยู่จริงๆ ก่อนหน้านี้พวกเขาก็โทรศัพท์กันทั้งนั้น
“คงจะเป็นเพื่อนลูกนั่นแหละที่จัดการให้! เขาช่วยเหลือพวกเราอย่างยิ่งใหญ่ ลูกต้องขอบคุณเขาให้เต็มที่นะ” พ่อพูดความคิดออกมาอย่างชัดแจ้ง
“ค่ะ ตามนี้ หนูวางแล้วนะ!” ท่าทางตอนนี้ของส้งเส่นเอ๋อเรื่อยเปื่อยมากแล้ว ไม่คิดว่าจะเป็นเพื่อนของฉันเองที่ช่วยเหลือจัดการให้ ก่อนหน้านี้พ่อยังด่าฉันอยู่เลย แล้วยังทำให้ฉันอื้อฉาวขนาดนั้น
“รอก่อนลูก คนนั้นที่ช่วยพวกเรา อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับประธานสหพันธ์ธุรกิจชื๋อหยินจ้งอยู่บ้างนะ เรื่องนี้ต้องผ่านประธานชื๋อเท่านั้นถึงจะจัดการได้ คนๆนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ลูกต้องตั้งใจหน่อยนะ” พ่อพูดเพิ่มเติม
วางโทรศัพท์แล้ว ส้งเส่นเอ๋อจึงเดินกลับไปที่โต๊ะกินข้าวด้วยความสงสัย แค่เล่าเรื่องออกมา ทุกคนต่างก็ให้ความสนใจ เป็นใครกันนะ ไม่นึกว่าจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับประธานสหพันธ์ธุรกิจ
สีหน้าของส้งเส่นเอ๋อกลับสงบนิ่งอย่างชัดเจน เธอกวาดสายตาไปที่ใบหน้าของทุกคนรอบหนึ่ง สุดท้ายมุ่งเป้าไปที่ด้านขวามือ เจี่ยงเป้ยเป้ยที่อยู่ใกล้กับเธอที่สุด ยิ้มบางๆถามขึ้น: “เป้ยเป้ย เป็นเธอที่ช่วยฉันหาเส้นสายใช่ไหม?”
เจี่ยงเป้ยเป้ยตกตะลึง ส่ายหัวยิ้มเจื่อนๆ: “ฉันจะมีเส้นสายที่แข็งแกร่งขนาดนั้นได้ยังไง เส่นเอ๋อเธอล้อเล่นอะไรเนี่ย?”
“ไม่ใช่จริงๆเหรอ?” ส้งเส่นเอ๋อกดดันเล็กน้อย ถามอีกครั้ง
“ไม่ใช่จริงๆ!” จู่ๆในใจของเจี่ยงเป้ยเป้ยก็รู้สึกวิตกเล็กน้อย
สายตาของส้งเส่นเอ๋อเคลื่อนไปที่ร่างของชุยเหวินเหวินที่อยู่ข้างๆเจี่ยงเป้ยเป้ย: “เหวินเหวิน เธอช่วยฉันใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ๆ ฉันรับไม่ไหวหรอก เส่นเอ๋อ ฉันโทรหาญาติๆของครอบครัวฉันหมดแล้ว พวกเขาช่วยไม่ได้เลย......” ชุยเหวินเหวินส่ายหัว
แล้ว สายตาของส้งเส่นเอ๋อก็เคลื่อนไปตามลำดับ:
“หวงเกอ เป็นนายที่ช่วยฉันหาเส้นสาย”
“หยินห้าว นายเป็นคนหาเส้นสาย”
“เสี่ยวฮุ่ย เธอหรือเปล่า?”
......
ส้งเส่นเอ๋อถามหมดทุกคนแล้ว แต่ตอนที่ถึงฉินหลั่ง กลับข้ามเขาไปทันที
คนอื่นๆเธอยังไม่แน่ใจ แต่นายฉินหลั่งนี่ หึ คนโง่ๆคนหนึ่งที่ไม่มีบัตรอะไรเลยแต่กลับกล้าที่จะพุ่งเข้าไปในธนาคารซิตี้แบงก์อย่างซื่อๆบื้อๆ จะเป็นเขางั้นเหรอ? นี่คงเป็นเรื่องที่น่าขำสุดๆไปเลยใช่ไหมล่ะ?
“งั้นเป็นใครกันนะ?” ส้งเส่นเอ๋อมองต่ำลง ในหัวกำลังตั้งใจคิดอยู่ จู่ๆ ชื่อหนึ่งก็เหมือนกับประกายไฟที่พาดข้ามหัวเธอมาปะทะเข้ากับที่ดวงตา
ส้งเส่นเอ๋อไม่นึกเลยว่าจะยังมีเพื่อนที่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวอย่างนี้ พวกเขาจะไม่อิจฉาได้ยังไงกัน? ในทันที...ก็รอคอยเพื่อนคนนั้นของส้งเส่นเอ๋ออย่างใจจดใจจ่อ
เห็นสายตาคนอื่นๆที่อยู่ตรงนี้กำลังมองตนเอง ทั้งมีสีหน้าที่อิจฉา บ้างก็ใจสงบนิ่งลงแล้ว บ้างก็สีหน้าภูมิใจอยู่เล็กน้อย
จางเชื๋อก็เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยวิศวกรรมสารสนเทศจีนหลิง ไม่ได้ไกลจากมหาวิทยาลัยจีนหลิงเท่าไหร่ ครู่เดียวก็มาถึงเซียนหย่าจุนแล้ว
จางเชื๋อที่สูง1.85เมตร รูปร่างใหญ่ล่ำสัน อวบอ้วนเล็กน้อย ตัดผมทรงหนึ่ง ที่ใช้มีดโกนกันด้านข้างทั้งสองด้านให้เป็นร่องรอยสีขาว บนใบหน้าขาวๆปรากฏความมันวาวอยู่เล็กน้อย
“จางเชื๋อ ตรงนี้!” ส้งเส่นเอ๋อรีบเดินไปใกล้ๆจางเชื๋อด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทันที ดึงมือของจางเชื๋ออย่างเป็นธรรมชาติ ก้มหน้าเล็กน้อย พร้อมกับท่วงท่าของหญิงสาวจ้องไปที่ดวงตาทั้งคู่ของจางเชื๋อ: “ขอบคุณนะ ตอนที่ฉันต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด ก็ยื่นมือเข้ามาช่วย ฉันซาบซึ้งจริงๆ”
จางเชื๋อชำเลืองมองด้วยจิตใต้สำนึก โดนส้งเส่นเอ๋อดึงมือเอาไว้ เขาก็กล้าหาญพอ ที่จะจับมือของส้งเส่นเอ๋อเบาๆ มองส้งเส่นเอ๋อที่น่ารักสดใสอยู่ใกล้ๆ ลูกตาก็ไม่ขยับเขยื้อนแล้ว: “ต่อไปอย่าพูดอย่างนี้อีกเด็ดขาด ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตขนาดนั้นจริงๆ”
ส้งเส่นเอ๋อยิ้มหวาน ดึงจางเชื๋อเดินไปที่โต๊ะ คนอื่นๆที่โต๊ะ เห็นจางเชื๋อเดินมาแล้ว ต่างก็ทยอยๆกันลุกขึ้นยืน สายตามองเขาอย่างประจบเอาใจ
จางเชื๋อเป็นคนที่มีความสัมพันธ์กับประธานสหพันธ์ธุรกิจ เทียบกับพวกเขานักศึกษาพวกนี้ฐานะก็สูงกว่ากันมากแล้ว อยากจะเป็นเพื่อนกับคนอย่างนี้ ไม่ต้องแสดงความรู้สึกดีๆกับเขาหรอกเหรอ?
“คนเยอะเชียว” จางเชื๋อเดินมาถึงหน้าโต๊ะ เห็นคนอื่นๆต่างก็ยืนขึ้นต้อนรับเขา จึงรู้สึกสบายใจมาก แสดงท่าทางให้ทุกคนนั่งลง: “ทุกคนนั่งเถอะ ยืนกันทำไม?”
จางเชื๋อพูดจบ คนอื่นก็ค่อยๆนั่งลง
“นายมานั่งกับฉัน” ส้งเส่นเอ๋อดึงจางเชื๋อ เดินไปทางที่นั่งของตนเอง เพราะจางเชื๋อตัวใหญ่ ส้งเส่นเอ๋อจึงฝืนนั่งลงไปก่อน แต่ตอนที่เริ่มจับตะเกียบกลับไม่ค่อยสะดวกสบายเลย
“ทุกคนเขยิบๆหน่อย” โจวซินรีบบอกคนอื่นๆ คนอื่นก็ขยับๆแล้ว แต่ผลลัพธ์ยังไม่เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ส้งเส่นเอ๋อกับจางเชื๋อรู้สึกว่าเบียดมาก
“ฉินหลั่ง”
ตอนที่ทุกคนกำลังขยับเก้าอี้ จู่ๆส้งเส่นเอ๋อก็มองไปที่ฉินหลั่ง สีหน้าค่อนข้างอึมครึม รอให้ฉินหลั่งหันมามองเธอ ส้งเส่นเอ๋อไม่รู้สึกเคอะเขินที่จะพูดเลยสักนิด:
“ถ้างั้นนายกลับไปก่อนเถอะ ที่จริงฉันก็ไม่ได้เรียกนายมาด้วย ตอนนี้นายก็กินไปพอประมาณแล้ว มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ไกล นายกลับหอไปก่อนดีกว่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รวยชั่วข้ามคืน?!
16/16 แต่ทำไมเนื้อหาเหมือนว่ายังไม่จบเลยครับ...