“หึ....”
สายตาคมกริบจับจ้องมองทุกอิริยาบถของเด็กสาว แต่ทว่าร่างกายกลับแข็งขืนอย่างไม่ควรจะเป็น ท่อนเนื้อกลางร่างดูเหมือนจะผงาดขึ้น มือหนากำแน่นพยายามข่มความกำหนัดไร้ที่มา
ปากอิ่มสีแดงสดที่คลี่ยิ้มเล็กน้อยมันน่าบดขยี้ยิ่งนัก แววตากลมโตที่เต็มไปด้วยความใสซื่อไม่ต่างจากสมันน้อย ดวงหน้างามที่มีเครื่องสำอางฉาบทับแต่มันไม่อาจปกปิดความอ่อนเยาว์ของหล่อนได้
“เสแสร้งสิ้นดี !!”
“เป็นไรว่ะไอ้ขุนพล”
ทศพลเต็มไปด้วยความสงสัยเมื่อคนเป็นเพื่อนเหมือนจะขุ่นเคืองใครสักคนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แทนที่เขาจะหยุดยืนต่อแถวแต่กลับเดินแทรกตัวเข้าไปในห้องพยาบาลอย่างไม่สมควร
เสียงอื้ออึงเซ็งแซ่ที่พากันต่อว่าคนที่แซงคิวเช่นเขาดังเป็นระยะแต่ทว่าเมื่อเขาเหลียวหันกลับไปมองทุกคนกลับเงียบสนิท ทำราวกับตาบอดเสียอย่างนั้น
“เสร็จแล้วค่ะ”
เสียงหวานฉ่ำของหญิงสาวไม่ต่างจากใบหน้าแม้แต่น้อย
“ขอบคุณครับ”
นักศึกษาที่เพิ่งทำแผลเสร็จกล่าวขอบคุณโดยที่กว่าหล่อนจะทำเสร็จใช้เวลานานพอสมควร
กลัวเลือด...นั่นคือหนึ่งอุปสรรคของการทำงานและหล่อนก็รู้ดีแก่ใจว่าตนเองไม่ได้มีความรู้สายอาชีพนี้แม้แต่น้อย ขั้นตอนปฐมพยาบาลเบื้องต้นยังยากเย็นสำหรับหล่อนเสียด้วยซ้ำ
“อ้าวพี่ขุนพลไม่สบายหรือพี่”
คนที่เพิ่งทำแผลเสร็จกล่าวทักคนเป็นพี่ชายในขณะที่เจ้าของชื่อนั้นพยักหน้าเล็กน้อยและตั้งคำถามกับคนเป็นน้องชายแทน
“อย่าบอกนะว่าไปมีเรื่องมาอีกแล้ว”
ขุนศึก สุพิทธิวรรณ วัย 24 ระบายยิ้มหล่อเหลาไม่ต่างจากคนเป็นพี่ชาย เขาทั้งคู่คือฝาแฝดที่ พระเจ้าประทานความเพียบพร้อมให้ แต่ดูเหมือนว่าคนเป็นน้องนั้นจะแตกต่างกับคนเป็นพี่ชายลิบลับในเรื่องของอุปนิสัย
ใจร้อน โมโหร้าย ชื่นชอบในเรื่องการชกต่อยทั้งที่วัยวุฒิไม่สมควรแก่การใช้กำลังในการตัดสินปัญหา ฉะนั้นสาวๆ ในสถานศึกษาจึงต่างพากันขยาดหวาดกลัวเขา ซึ่งต่างจากผู้เป็นพี่ชายที่พกรอยยิ้มอบอุ่นติดใบหน้าเสมอ
“นิดหน่อยครับ”
คนเป็นพี่ชายพูดกับน้องแต่สายตากลับจับจ้องไปที่ใบหน้าอ่อนเยาว์ของคนเป็นครูสาว
“เอ่อ...พี่สองคน เอ้ย...คุณสองคน เป็นฝาแฝดกันหรือ”
ดวงตากลมโตที่เสมือนซุกซ่อนความเศร้าหมองเอาไว้ช้อนขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้าสลับกับคนที่ตนทำแผลให้อย่างงุนงง
เลือดในกายสาวสูบฉีดอย่างรุนแรงเสมือนมีกระแสบางอย่างแล่นพล่านภายในร่างจนปลายถัน เบ่งบานเสียดสีกับบราเซียร์
“ครับเราเป็นฝาแฝดกัน”
ขุนศึกเป็นคนตอบในขณะที่ผู้ชายอีกคนยืนจ้องมองหล่อนตาไม่กระพริบจนหญิงสาวรู้สึกประหม่าเสมือนโดนจับผิด
ชายหนุ่มผู้เป็นน้องสบสายตากับคนเป็นแฝดผู้พี่ก่อนจะระบายยิ้มมุมปาก ไม่ต่างจากคำโบราณว่า...แค่มองตาก็รู้ใจ
“เอ้ย ไอ้พวกแกล้งป่วยเลิกกวนครูช่อแก้วได้แล้ว”
บรรดาผู้ชายที่ยืนต่อแถวพากันซุบซิบก่อนจะสลายแถวอย่างรวดเร็วราวกับขุนศึกนั้นเป็นผู้มีอิทธิพลภายในสถานศึกษา
“ผมไปก่อนนะพี่ขุนพล”
คนเป็นน้องเดินล้วงกระเป๋าออกจากห้องพยาบาลทันทีโดยที่คนเป็นครูรู้สึกหวาดหวั่น
“ผมไม่ค่อยสบายครูช่วยตรวจหน่อยจะได้ไหมครับ”
ขุนพลทรุดกายลงนั่งในขณะที่หล่อนพยายาม กักเก็บความรู้สึกประหม่า ทั้งที่เมื่อครู่นั้นหล่อนไม่ได้มีความรู้สึกใดกับขุนศึกแม้แต่น้อยทั้งที่คนทั้งสองนั้นหน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ
“ได้ค่ะ เชิญนั่ง”
สายตาคมกริบที่จับจ้องราวกับกำลังจับผิดทำให้หล่อนยิ่งรู้สึกหวาดวิตก แต่พยายามบอกตนเองให้สงบสติเอาไว้
“ครูอายุเท่าไหร่หรือครับ”
“ยี่...ยี่สิบหก”
หล่อนพูดด้วยท่าทีอึกอักก่อนจะเสหลบสายตาคมกริบที่จ้องมองมา
“ไม่สบายมีอาการอะไรบ้างคะ”
ชายหนุ่มกลับไม่ตอบในสิ่งที่หล่อนซักถาม
“หึ...”
เขาระบายยิ้มเหยียดหยัน...นี่สินะผู้หญิง...ร่าน เขาเจอมาเยอะและหล่อนก็ไม่ได้แตกต่างไปจากผู้หญิงอื่นทั่วไปแม้แต่น้อย
หล่อนสวมเจ้าเครื่องสเตโทสโคปพร้อมกับใช้ส่วนที่เอาไว้สำหรับฟังเสียงหัวใจแนบนาบไปที่หน้าอกข้างซ้ายแต่ทว่าซ้ายหล่อนมันคือขวาของเขา
“ได้ยินอะไรไหมครับ”
ประโยคของเขาเสมือนคำถามทั่วไปแต่ทว่าน้ำเสียงราวกับเยาะหยัน แต่ทว่าหล่อนคงเข้าใจไปเอง
มือบางสั่นเทาไม่น้อย ผิวกายของเขาขาวผ่องไม่ต่างจากอิสระตรี ยอดอกแกร่งอมชมพู ลำคอแห้งผาดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจนหล่อนต้องพยายามกลืนน้ำลายเหนียวหนึบลงคออย่างยากลำบาก
เสียงจังหวะหัวใจที่เต้นถี่ระส่ำมันน่าจะเป็นของหล่อนเพราะมันไม่มีเสียงผ่านเครื่องสเตโทสโคป
“คุณไม่รู้หรือว่าหัวใจอยู่ข้างซ้าย”
ใบหน้างามชาวาบไม่ต่างจากโดนตบเข้าฉาดใหญ่ ความอับอายแล่นพล่านในหัวอกก่อนที่เขาจะพูดประโยคถัดมาที่ทำให้หล่อนรู้สึกไม่ต่างจากโดนจับผิด
“ถึงไม่ได้จบหมอมาแต่คนที่อายุสิบแปดก็น่าจะแยกออกว่าด้านไหนซ้าย ด้านไหนขวา จริงไหมครับ”
อีกแล้ว...เขาพูดถึงอายุที่แท้จริงของหล่อน อีกแล้ว
หล่อนอ้าปากค้างในขณะที่เขาจ้องมองตาไม่กระพริบราวกับกำลังจะบอกให้หล่อนล่วงรู้กลายๆ ว่าเขารู้สถานะที่แท้จริงของหล่อน
แต่ทว่า...จะเป็นไปได้อย่างไร เขาไม่มีทางรู้ หล่อนกับเขาเพิ่งเคยพบเจอกันครั้งแรก
“คุณกำลังปิดบังอะไรอยู่สารภาพมา !!”
มือหนาตะปบลงที่บ่าบอบบางเต็มแรงพร้อมกับกดนิ้วลง หญิงสาวเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวดแต่ทว่ามิ ปริปากร้องขอแต่อย่างใด
“เปล่า...ฉันไม่ได้ปิดบังอะไร”
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ดวงตากลมโตกลับหลุบมองต่ำอย่างไม่กล้าสบประสานสายตาคมกริบของอีกฝ่าย
ดวงตากลมโตรื้นไปด้วยหยาดน้ำตา หล่อนไม่ได้อยากโป้ปด แต่มิอาจพูดความจริง หากหล่อนถูกไล่ออกป้าคงโกรธเป็นอย่างมาก แค่การทุบตีหล่อนไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย แต่นั่นอาจเป็นหนทางที่ป้าตัดสินใจส่งหล่อนไปให้เจ้าของบ่อนอย่างเสี่ยฮวง
ยิ่งคนตรงหน้าเป็นผู้ร้ายปากแข็งเขายิ่งรู้สึกอยากขย้ำหล่อนเสียตรงนี้ ใบหน้าสวยหวาน ดวงตากลมโตที่ไม่ต่างจากสมันน้อย น้ำตาที่เอ่อล้นขอบตามันคือการแสดงละครได้อย่างยอดเยี่ยม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนสวาท คุณครูพยาบาล