สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา นิยาย บท 141

#ธุระกิจไร้ยางอาย ทำเอาซุปเปอร์สตาร์สาวเข้าโรงพยาบาล#

#โศกนาฏกรรมจากเสื้อผ้าชุดเดียว#

#แบรนด์ชื่อไม่ดัง แต่ทำให้คนดังแย่งกันซื้อได้อย่างไร#

#เซอร์ไพรส์อีกครั้งกับแบรนด์ไร้จริยธรรม แอนตี้แฟนอยู่ที่ไหน?#

หลังจากผ่านไปคืนหนึ่ง เช้าวันรุ่งขึ้น ข่าวบันเทิงบนหน้าเว็บไซต์ต่างพาดหัวเกี่ยวกับข่าวสิงหย่าอันเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล

สิงหย่าอันเป็นดาราสาวชื่อดังที่กำลังเป็นที่น่าจับตามอง

จากการปรากฏของข่าวเหล่านี้ ทำให้ชาวเน็ตต่างพากันให้ความสนใจ

"เป็นไปได้อย่างไร? หย่าอันของพวกเราสวมชุดไม่มีแบรนด์?"

"ขอรายละเอียดเพิ่มเติมด้วย!"

"ฉันเป็นคนเดียวที่สนใจสถานการณ์ปัจจุบันของหย่าอันอยู่หรือเปล่า?"

"ไม่ ไม่ใช่แค่คุณ ฉันก็อยากรู้สถานการณ์ของหย่าอันเช่นกัน ได้ข่าวว่าเป็นภูมิแพ้ผิวหนัง อยากรู้ว่าแพ้ได้อย่างไร อาการร้ายแรงไหม นักข่าวที่เขียนข่าวนี้เขียนให้มันชัดเจนหน่อย!"

"เห็นด้วยกับความเห็นข้างบน รีบอธิบายอาการของหย่าอันมาให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นเชื่อหรือไม่ว่าฉันจะร้องเรียนคุณแน่"

ผู้คนพากันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวนี้อย่างมากมาย ที่เวยป๋อของสิงหย่าอันก็ยิ่งถล่มทลาย

แฟน ๆ ต่างแห่กันเข้าไปคอมเม้นต์ในช่องแสดงความคิดเห็น

"หย่าอัน นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?"

"ใครรู้บ้างว่าหย่าอันใส่ชุดของยี่ห้ออะไร พวกเราต้องให้พวกเขาออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อหย่าอันให้ได้"

"ใช่ ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ"

"ตรวจสอบมาแล้ว เป็นบริษัทเสื้อผ้าที่เพิ่งจะเปิดตัว นี่คือเว็บไซต์ของบริษัทนั้น พวกคุณสามารถเข้าตรวจสอบดูได้"

ที่ใต้ความคิดเห็นนี้ยังมีลิงค์แปะอยู่ด้วย

ในเวลาอันรวดเร็วชาวเน็ตจำนวนมากก็พากันเข้าไปในเว็บไซต์ของบริษัทเสื้อผ้าของเฟิงซื่อกรุ๊ป

"โอ้ นี่มันบริษัทอะไรกันถึงได้เชิญระดับมู่เฉาเกอมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ได้"

"ทุกคน เราโฟกัสผิดที่หรือเปล่า เรามาที่นี่เพื่อจะต่อสู้"

"ใช่ เราต้องยืนหยัดเรียกร้องให้พวกเขาชดเชยความสูญเสียให้กับหย่าอันของพวกเรา"

"ไม่เพียงแค่ไอ้บริษัทเน่านี้เท่านั้น มู่เฉาเกอก็ควรออกมาแสดงความขอโทษต่อหย่าอันของพวกเราด้วย"

"นั่นน่ะสิ ต้องขอโทษ ตัวแทนแบรนด์อะไรกัน ทำให้ผิวหนังของหย่าอันของเราแพ้ได้ ไม่รู้ว่าจะกระทบกับงานอื่น ๆ ข้างหลังหรือเปล่า"

แฟนตัวยงบางคนก็ถึงกับพาลโกรธมู่เฉาเกอไปด้วย

ต่างเข้าไปโจมตีด้วยคำด่าต่าง ๆ นา ๆ ที่เวยป๋อของเธอ

ยิ่งเวลาผ่านไป เรื่องก็ยิ่งบานปลาย ชาวเน็ตต่างพากันประณามพวกเขา

หลี่ม่านซึ่งเป็นคนแรกที่ได้รับข่าวนี้ก็รู้สึกราวกับท้องฟ้าจะถล่มลงมาเสียให้ได้

เธอเฝ้าดูข้อความโจมตีอย่างดุเดือดบนอินเทอร์เน็ต ในใจรู้ดีว่าเรื่องนี้นั้นจัดการไม่ง่ายแน่

เพราะเรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ไปแล้ว และเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวพันกับศิลปินเพียงอย่างเดียว แต่อาจจะดึงสำนักงานใหญ่ให้ลงมาเกี่ยวข้องด้วย

เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตามบริษัทก็อยู่ภายใต้เฟิงซื่อกรุ๊ป

เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้ก็เลยรีบติดต่อเฟิงจิ่งเหยาทันที แต่เมื่อโทรศัพท์ไปกับพบว่าปิดเครื่องอยู่

ในท้ายที่สุดเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปที่บริษัทเพื่อจัดการกับปัญหาไปก่อน

ในขณะเดียงกัน ณ บ้านตระกูลเฟิง

กู้ฉางฉิงกับเฟิงจิ่งเหยาตื่นนอนอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย กำลังรับประทานอาหารเช้ากันที่ชั้นล่าง

คนหนึ่งเคยชินกับการหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านข่าวเศรษฐกิจ ส่วนอีกคนก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเลื่อนดูข่าวสารประจำวัน

และในเวลานี้เองที่กู้ฉางฉิงพบเข้ากับข่าวบนอินเทอร์เน็ต สีหน้าเธอก็เปลี่ยนไป ใบหน้าซีดเผือก

เฟิงจิ่งเหยาขมวดคิ้วเมื่อเห็นเธอดูแปลกไป

"คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? สีหน้าดูไม่ดีเลย"

กู้ฉางฉิงกลับมามีสติ และมองเขาอย่างว่างเปล่าในมือกำโทรศัพท์ไว้

"เฟิงจิ่งเหยาคะ เกิดเรื่องแล้ว"

เฟิงจิ่งเหยามองไปที่เธออย่างงุนงง

กู้ฉางฉิงรู้ว่าเขายังไม่รู้เรื่องจึงได้รีบยื่นโทรศัพท์ให้กับเขา

"เกิดเรื่องอะไรขึ้น?"

เมื่อเฟิงจิ่งเหยาเห็นดังนั้นเขาก็หยุดเดิน ขมวดคิ้วและถาม

เมื่อชวี่ยี่เห็นดังนี้ก็รีบพูดความกังวลที่อยู่ในใจออกมา

"ท่านประธานครับ สิงหย่าอันคนนี้เป็นดารายอดนิยมมาโดยตลอด เราไม่อาจประมาทอิทธิพลของแฟนคลับของเธอได้ หากไม่มีวิธีที่ดีที่จะเอาใจบรรดาแฟนคลับได้ล่ะก็ พวกเขามีแนวโน้มที่อาจจะทำอะไรที่อาจส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเฟิงซื่อกรุ๊ปได้"

เฟิงจิ่งเหยาได้ยินเช่นนี้ก็นิ่งไป

และเขาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจสั่งการอะไรในทันที แต่ได้เข้าไปในห้องทำงาน และอ่านข่าวจากอินเทอร์เน็ตอย่างผ่าน ๆ อีกรอบ

'ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก'

เขานั่งเคาะโต๊ะทำงานด้วยใบหน้าที่เย็นชา แววตาของเขามืดมน ทำให้ไม่อาจเดาออกได้ว่าในใจเขากำลังคิดอะไร

ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ ก่อนที่ริมฝีปากบางของเขาจะเปิดออกและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "คุณไปให้ดาราดังของคุณสร้างประเด็นข่าวออกมาให้เป็นกระแสเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสื่อมวลชน เมื่อพวกสื่อหันความสนใจไปแล้วก็ให้รีบปิดข่าวนี้ทันที"

"ครับ!"

ชวี่ยี่รับคำ และเมื่อกำลังจะหันออกไปทำตามคำสั่งก็กลับถูกเรียกให้หยุดไว้ก่อน

"ยังมีอีก ก่อนหน้านี้ผมเคยห้ามไม่ให้เรื่องนี้ถึงหูนักข่าวไม่ใช่เหรอ? คุณไปตรวจสอบดูว่าสำนักข่าวไหนที่เป็นคนทำข่าวนี้

เฟิงจิ่งเหยากล่าว นัยย์ตาเต็มไปด้วยประกายเย็นชา "ฉันอยากรู้นัก สำนักข่าวไหนที่ช่างกล้า"

ชวี่ยี่พยักหน้ารับคำและหันตัวจากไป

ไม่ต้องพูดเลยว่าเรื่องในครั้งนี้ทำให้เฟิงจิ่งเหยากับกู้ฉางฉิงนั้นต้องปวดหัวและขุ่นเคืองมากแค่ไหน ลู่ซือหยี่ที่อยู่ที่บ้านเห็นข่าวจากอินเทอร์เน็ต แววตาก็เต็มไปด้วยความสาแก่ใจยิ่งนัก

เธออยากจะเห็นนักว่าเรื่องใหญ่ถึงขนาดนี้แล้ว พี่จิ่งเหยายังจะปกป้องนังสารเลวกู้ฉางซินนั้นได้อย่างไรอีก

กู้ฉางฉิงไม่รู้เลยว่าเรื่องทั้งหมดนี้มีลู่ซือหยี่คอยจัดการอยู่เบื้องหลัง

เธออยู่ในห้อง แต่ก็ไม่สามารถที่จะสงบจิตใจลงเพื่อการออกแบบได้

ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะยอมแพ้ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูความคืบหน้าของสถานการณ์

เมื่อเห็นข่าวในอินเทอร์เน็ตยิ่งปั่นป่วนมากขึ้น และทางเฟิงซื่อกรุ๊ปก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใดใดออกมา ทำให้เธอรู้สึกไม่สามารถที่จะอยู่เฉยได้

ในขณะที่เธอเตรียมตัวจะทำอะไรบางอย่างนั้นเอง คุณนายเฟิงก็พุ่งเข้ามาที่เรือนหอของเธอด้วยความเดือดดาล

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา