สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา นิยาย บท 161

หลังจากที่เฟิงจิ่งเหยาฟังเธอพูดจบ แม้ว่าจะรู้อยู่ก่อนแล้ว แต่เมื่อได้ยินจากปากเธอก็รู้สึกเหมือนถูกเสียดสีและไม่ค่อยสบายใจ

เขามองไปที่กู้ฉางฉิงอย่างเย็นชาและมุมปากงุ้มลงอย่างเย้ยหยัน

"เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่คุณรอผม?"

กู้ฉางฉิงอ้าปากอยากจะพูด แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ยืนดึงเสื้อผ้าและเม้มริมฝีปาก

เมื่อเฟิงจิ่งเหยาเห็นสิ่งนี้ ก็รู้สึกไม่ชอบพฤติกรรมนี้ของเธอ

ราวกับว่าเธอมั่นใจว่าเขาจะเห็นด้วย

เขาหรี่ตาลงและพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ "คุณมั่นใจว่าคราวนี้ผมจะช่วยคุณงั้นสิ?"

กู้ฉางฉิงกัดริมฝีปาก ในขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรขึ้นมานั้น เฟิงจิ่งเหยาก็พูดขึ้นอีกว่า

"ตอนนี้กู้ซื่อก็เหมือนกับหลุมลึก ไม่มีใครรับประกันได้ว่าเมื่อลงทุนไปแล้วจะได้รับผลตอบแทนกลับมา คุณคิดว่าผมในฐานะนักธุรกิจจะยอมทำเรื่องที่ขาดทุนเช่นนี้หรือ?"

แน่นอนว่าไม่

กู้ฉางฉิงตอบเงียบ ๆ อยู่ในใจ แม้ว่าเธอจะรู้ดี เธอก็ยังต้องทำให้เขาตอบตกลงให้ได้

ไม่เช่นนั้นกู้หงเซินก็จะไม่ปล่อยแม่ของเธอ

"แม้ว่าวิกฤตของกู้ซื่อในตอนนี้จะเลวร้ายมาก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังถือว่าเป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่มีธุรกิจจำนวนมาก ถ้าหากเฟิงซื่อสามารถช่วยระดมทุนและใช้ธุรกิจเหล่านี้มาเป็นเงื่อนไขให้ทางกู้ซื่อแบ่งธุรกิจออกมา ต่อให้ท้ายที่สุดกู้ซื่อจะไปไม่รอด แต่เฟิงซื่อก็จะไม่มีอะไรที่ต้องสูญเสียและอาจทำกำไรได้ด้วยซ้ำ"

เธอพยายามอย่างเต็มที่ในการวิเคราะห์ข้อดี หวังว่าจะสามารถโน้มน้าวเฟิงจิ่งเหยาได้

แต่เมื่อเธอพูดจบลง ทั้งห้องหนังสือก็เงียบกริบ

เธอมองไปที่เฟิงจิ่งเหยาอย่างกระวนกระวายใจด้วยความคาดหวังอย่างแรงกล้า

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอเครียดมากเกินไปหรือเปล่า อาการปวดท้องยังทันไม่ทุเลาดี ก็กลับมากำเริบขึ้นอีกครั้ง ทั้งอาการยังยิ่งแย่ลงไปอีก

เธอกัดริมฝีปากล่างไว้แน่น หน้าผากเริ่มมีเหงื่อซึมออกมา

เฟิงจิ่งเหยาไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเธอ แต่กำลังครุ่นคิดอย่างละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่เธอเพิ่งพูด

ต้องบอกเลยว่าไอเดียนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ

แต่มันก็แค่ไม่เลว ถึงขนาด......

"คุณคำนวณได้ไม่เลวเลย ดูเหมือนทุกฝ่ายต่างได้รับในสิ่งที่ต้องการ แต่ถ้าเมื่อเฟิงซื่อยื่นมือเข้ามาเมื่อไหร่ ก็เท่ากับกำลังบอกคนอื่นว่าเฟิงซื่อเป็นที่พึ่งของกู้ซื่อ"

เขาหยุดพูดเล็กน้อย ก่อนจะแสยะยิ้มและพูดต่อว่า "กู้ซื่อได้แก้ไขวิกฤต แถมยังได้ที่พึ่ง นี่มันยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัวเลย ใครสอนคุณกันน่ะ? กู้หงเซินเหรอ?"

ประโยคสุดท้ายนั้นไม่ใช่คำถาม แต่เป็นคำยืนยัน

กู้ฉางฉิงขมวดคิ้วรู้ว่าเขาเข้าใจผิดเธอเสียแล้ว

"ไม่ใช่ค่ะ นี่เป็นความคิดของฉันเอง"

เธออธิบายเสียงอ่อน เฟิงจิ่งเหยาเลิกคิ้วขึ้นแววตาฉายความประหลาดใจ

นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ

กู้ฉางฉิงไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในสายตาของเขา หลังจากที่เธอพูดประโยคนั้นแล้ว เธอก็เรียบเรียงความคิดอีกครั้งก่อนจะพูดขึ้นต่อว่า "เหตุผลที่ฉันพูดแบบนี้ก็เพราะฉันคิดว่าการที่กู้ซื่อมีวันนี้ได้ก็เกิดจากการทำตัวเองทั้งนั้น และแทนที่ส่วนดีนั้นจะให้คนอื่นได้ไป ฉันคิดว่าให้คุณเอาไปยังดีเสียกว่า"

เมื่อเธอพูดถึงตรงนี้ คิ้วของเธอก็ขมวดอีกครั้ง

อาการปวดท้องรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับคอยถูกเฉือนด้วยมีดทื่อ ๆ

เพียงครู่เดียวใบหน้าของเธอก็ซีดเผือกลงและหน้าผากของเธอก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ

เธอเหมือนจะทนไม่ไหวแล้ว เซไปข้างหลังเล็กน้อย แล้วเธอก็ปวดจนตัวโก่ง

"คุณเป็นอะไรไป?"

เฟิงจิ่งเหยาได้ยินเสียงแปลก ๆ จึงเงยหน้าขึ้นดู และพบว่ากู้ฉางฉิงกำลังยืนตัวโงนเงนอยู่

เขารีบลุกขึ้นและเดินไปยืนข้างกู้ฉางฉิง พยุงตัวเธอไว้

กู้ฉางฉิงนิ่งอึ้งไปเมื่อเห็นคนข้างกาย

จากนั้นเธอก็ยืดตัวขึ้นแสร้งว่าไม่เป็นอะไร

"ไม่เป็นอะไรค่ะ"

เธอสะบัดตัวให้หลุดจากการพยุงของเฟิงจิ่งเหยา กัดริมฝีปากแล้วพูดว่า "คุณคิดยังไงกับสิ่งที่ฉันพูดไปคะ?"

เธอหวังว่าจะได้รับคำตอบจากเฟิงจิ่งเหยา เพื่อเธอจะสามารถตอบคำถามของกู้หงเซินได้ กลัวว่าคุณแม่จะถูกคนคนนั้นทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำอีก

เมื่อเฟิงจิ่งเหยาเห็นว่าความคิดของเธอนั้นจดจ่ออยู่แต่เพียงเรื่องของกู้ซื่อ ก็รู้สึกไม่พอใจ

เธอมองไปรอบ ๆ อย่างมึนงง ยังไม่ค่อยได้สตินัก เสียงเย็นชาที่คุ้นหูของเฟิงจิ่งเหยาก็ดังขึ้นข้างหูของเธอ

"ฟื้นแล้วเหรอ?"

กู้ฉางฉิงกลับมามีสติอีกครั้ง เริ่มเข้าใจว่าตัวเองเพิ่งจะเป็นลมมา ริมฝีปากบางก็เม้มไว้แน่น

"ขอบคุณที่ส่งฉันกลับมาค่ะ"

เมื่อเฟิงจิ่งเหยาเห็นดังนั้นก็ส่งเสียงออกมาเบา ๆ

"ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตัวเองกระเพาะไม่ดีก็ควรจะทานข้าวให้ตรงเวลา"

เขาหรี่ตาและพูดขึ้นว่า "หรือคุณตั้งใจจะใช้ความเจ็บป่วยนี้มาทำให้ผมสงสาร เพื่อจะได้ยอมจัดสรรเงินทุนให้กับกู้ซื่อของพวกคุณ"

เมื่อกู้ฉางฉิงได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของเธอก็เข้มขึ้น

อย่างไรก็ตาม เธอก็สามารถเข้าใจเขาได้

"ต้องขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นลม และที่สำคัญฉันก็ไม่ได้คิดไปถึงขนาดนั้น สำหรับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะช่วยหรือไม่ช่วย การตัดสินใจทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณ ต่อให้คุณไม่ช่วย ฉันก็จะไม่ว่าอะไร เพราะมันก็ไม่ใช่หน้าที่อะไรของคุณแต่แรกอยู่แล้ว"

เธอพยุงตัวขึ้น มองไปที่เฟิงจิ่งเหยาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

เฟิงจิ่งเหยาก็จ้องเธอกลับและรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับท่าทีของเธอนัก

แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเผือกราวกระดาษของเธอก็รู้สึกโมโหไม่ลง

เขาขยับตัวขึ้นไปข้างหน้าอย่างไม่เต็มใจ ยื่นแก้วน้ำและยาในมือให้กับเธอ

"ทานยาก่อนเถอะ"

กู้ฉางฉิงนิ่งไปสักครู่ จากนั้นจึงรับมาอย่างเลลัง

"ทำไม? ไม่ทานข้าว และตอนนี้ก็จะไม่ทานยาด้วย?"

เฟิงจิ่งเหยาเลิกคิ้วพูดขึ้นอย่างร้อนรน เมื่อเห็นว่าเธอไม่ทานยาเสียที "เมื่อกี้คุณเพิ่งบอกว่าไม่เคยคิดจะใช้ความเจ็บป่วยมาคุกคามผมไม่ใช่หรือไง? แล้วตอนนี้คุณกำลังทำอะไร?"

กู้ฉางฉิงกลับมามีสติ ขมวดคิ้วและเหลือบมองเขา จากนั้นก็ทานยาอย่างเงียบ ๆ

เมื่อเฟิงจิ่งเหยาเห็นเธอยอมทานยาแต่โดยดีแล้ว เขาก็หรี่ตาลง ทันใดนั้นก็ครุ่นคิดถึงบางอย่างและพูดว่า "คุณหมอบอกว่าโรคกระเพาะที่คุณเป็นนั้นค่อนข้างรุนแรง ทำไมถึงเลวร้ายได้ขนาดนี้ เป็นเพราะอะไรกัน?"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา