สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา นิยาย บท 177

เฟิงจิงเหยาได้ยินเช่นนี้ ดวงตากระพริบด้วยความสงสัย

"ดูออกได้ยังไง?"

"ตามสัญชาตญาณความเซียนของฉัน"

ฮั้วเฉินหรี่ตาและตอบ

เคยบอกไปแล้วว่าเขาเป็นนักจิตวิทยา ยังเป็นนักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศอีกด้วย

เป็นเพราะเห็นผู้ป่วยมากหน้าหลายตา ทำให้มีสายตาที่เฉียบคม มองคนได้แม่นยำมาก

"ถึงแม้ฉันจะเจอกับเธอครั้งแรก และเธอก็ไม่ค่อยพูด แต่สังเกตจากน้ำเสียงคำพูดและท่าทางของเธอแล้ว เธอเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นมากนะ ดูจากที่เธอคีบอาหารให้แกก็ดูออกแล้ว"

เขาพูดถึงตรงนี้ ก็ตั้งใจหันหน้าไปมองเฟิงจิงเหยา

เฟิงจิงเหยานึกย้อนไปภาพตอนที่อยู่ในห้องอาหาร ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอเขาพูดขึ้นมา ทำให้เขารู้สึกถึงทันที

เพราะเขาไม่ได้นึกถึงแค่เมื่อกี้ แต่ยังนึกถึงทุกวันที่อยู่ด้วยกัน

ทันใดนั้นเขาก็นึกคิดอย่างรอบคอบ ทันใดนั้นก็สังเกตเห็น ทุกๆวันที่อยู่กับกู้ฉางซิน ผู้หญิงคนนี้มักจะอยู่เงียบๆและทำในสิ่งที่เขาต้องการ

ฮั้วเฉินเห็นว่าเขากำลังครุ่นคิด จึงพูดต่อว่า: "นอกจากจะใส่ใจคนอื่นแล้ว ฉันว่าเธอต้องเป็นคนเอาอกเอาใจเก่งแน่เลย และยังเป็นผู้หญิงที่มีความคิดเป็นของตัวเอง"

เฟิงยิงเหยามองเขา พยักหน้าเบาๆและตอบ: "ใช่เลย เธอมีความคิดที่ดีมาก บางทีก็เกินการคาดเดาของฉัน"

ฮั้วเฉินได้ยินเช่นนี้ ยกนิ้วขึ้นและพูดว่า: “ฉันว่านะข่าวลือนี้มันฆ่าคนได้เลย ในข่าวลือว่าเธอเอาแต่ใจนิสัยไม่ดี เจ้าเล่ห์ แต่ตอนนี้ทั้งหมดที่พวกเราเห็นมันตรงกันข้ามเลย”

เฟิงจิงเหยาขมวดคิ้ว ถึงแม้ในใจลึกๆจะเชื่อตามคำพูดของเขา แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะโต้เถียงออกมา: “ ถ้าหากเธอเสแสร้งล่ะ?”

“เสแสร้ง?”

ฮั้วเฉินหรี่ตา ส่ายหัวและพูดว่า: “ต่อให้คนคนหนึ่งจะเสแสร้งยังไง เธอเป็นแบบไหนมันก็จะเป็นแบบนั้น ถึงจะแสร้งได้เนียนแค่ไหน มันก็จะมีวันที่หลุดออกมาบ้าง”

เขาพูดจบ มองไปที่เฟิงจิงเหยาและพูดว่า: “แกเคยสังเกตเห็นความผิดปกติไหม?”

เฟิงจิงเหยาลังเล

“นอกจากจะแตกต่างจากข่าวลือแล้ว ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลย”

ฮั้วเฉินมั่นใจ

“ถ้าอย่างงั้นเธอไม่ใช่เสแสร้งแน่นอน แต่นี้เป็นนิสัยของเธอจริงๆ”

เขาพูดจบ ก็นึกอะไรสนุกๆขึ้นมา พูดขำๆขึ้น: “จะว่าไปแล้ว เวลาฉันอยู่ข้างๆเธอฉันเห็นข้อดีที่สำคัญอย่างหนึ่ง”

เฟิงจิงเหยาได้ยินเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะถาม

“ข้อดีอะไร?”

ฮั้วเฉินมองเขา หัวเราะและตอบว่า: “ก็เรื่องที่แกพูดกับฉันก่อนหน้านี้ มีพลังที่สามารถทำให้คนเงียบลงได้โดยไม่ต้องพูดอะไร”

เขาจับคางและพูดต่อ: “แสดงว่าคนที่แกถามฉันก็เป็นเธองั้นหรอ?”

เฟิงจิงเหยาพยักหน้า

“ใช่แล้วเธอเอง”

ฮั้วเฉินพยักหน้า: “แบบนี้ก็เห็นได้ชัดเลย ฉันคิดว่านี่คงเป็นเหตุผลที่เธอดูแลตอนที่แกป่วยไม่สบายได้ทั้งอาทิตย์”

เขาพูดแค่สองสามคำก็อธิบายสิ่งที่เฟิงจิงเหยาคิดไม่ออกได้ทันที สายตาเฉียบมาก

เพราะว่าเขาเดาคนได้แม่นยำทุกครั้ง แค่แวบเดียวก็รู้ถึงข้างใน เฟิงจิงเหยาจึงเชื่อเขา

เฟิงจิงเหยาเงียบ ไม่รู้จะพูดว่าอะไร

เพราะว่าที่ฮั้วเฉินพูดมาทั้งหมด เขาเองก็รู้มาแต่แรกแล้ว

ฮั้วเฉินเห็นเขาไม่พูดก็ไม่ได้สนใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดจิกกัดออกมา

“จะว่าไปแล้ว แกนี่มันโชคดีจริงๆ คนแสนดีน่าเอ็นดูแบบนี้หายากมาก แต่แกกลับเจอแล้วคนนึง”

เฟิงจิงเหยาได้ยินเช่นนี้ก็แอบดีใจ

ตั้งแต่’ป่วย’ เขาก็เรียนจิตวิทยาด้วยตัวเองเป็นเวลาหลายปี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขากับกู้ฉางชิงก็ใช้ชีวิตร่วมกันมานาน รู้ว่าตัวเองอยู่สถานะไหน

“ใช่ ฉันโชคดีมาก”

เขาหัวเราะและพูดออกมา จากนั้นก็คุยถึงเรื่องราวตอนกลับจากต่างประเทศ

“ตั้งแต่ฉันอยู่กับเธอมา กลัวความมืดก็น้อยลงกว่าเมื่อก่อน มีการเปลี่ยนแปลงบ้าง”

ฮั้วเฉินได้ยินเช่นนี้ รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

เมื่อเธอถึงบ้านใหญ่ ก็เห็นนายท่านกำลังชงชาอยู่ที่สวนดอกไม้

เขาได้ยินเสียงฝีเท้า จ้องมองกู้ฉางชิงที่กำลังเดินมา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“ฉางซิน”

เขาทักทาย กู้ฉางชิงรีบเร่งฝีเท้าเดินไปหา

“คุณปู่”

เรียกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

นายท่านมองดูชุดที่เธอใส่ ขำและถามว่า: “กำลังจะออกไปข้างนอกหรอ?”

“ป่าวค่ะ เพิ่งกลับมา ตอนเที่ยงออกไปพบเพื่อนกับเฟิงจิงเหยา

นายท่านพยักหน้า: “ถ้าอย่างงั้นเธอคงไม่ถือสาใช่ไหมถ้าจะมาคุยกับคนแก่อย่างฉัน”

เขาเสแสร้งถามและมองกู้ฉางชิง

“คุณปู่พูดอะไรคะเนี่ย? ฉันจะถือสาได้ยังไงคะ”

กู้ฉางชิงพูดด้วยความโกรธ พร้อมไปนั่งข้างๆนายท่าน

เธอเห็นอุปกรณ์ชงชาวางอยู่บนโต๊ะ เธอก็ลงมือชงชาให้นายท่าน

เทคนิคที่มีทักษะในการชงชาทำให้นายท่านพยักหน้า

“ยัยตัวแสบแกนี่ปิดบังเนียนจริงๆเลยนะ ทั้งๆที่ชงชาเป็นแต่ครั้งก่อนแกล้งว่าไม่เป็น”

กู้ฉางชิงหัวเราะวางถ้วยชาลง และตอบว่า: “ก็ตอนนั้นมีคุณฉินอยู่ด้วย ฉันกลัวว่าจะชงไม่ดีแล้วทำให้คุณปู่ต้องขายหน้า”

“จะขายหน้าได้ยังไง ฉันดูแล้วเธอชงเก่งไม่แพ้เขาเลย”

นายท่านแกล้งทำหน้าดุและพูดว่า: “ต่อไปนี้ห้ามมาล้อเล่นกับปู่แบบนี้แล้วนะ”

กู้ฉางชิงทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงตอบตกลงและเปลี่ยนเรื่องถามว่า: “ว่าแต่ คุณปู่เรียกหนูมามีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”

นายท่านได้ยินเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าก็จางลง

“ฉันได้ยินมาว่าเมื่อคืนพวกเธอทางนั้นเสียงดังกันมาก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา