กู้ฉางฉิงเดินอ้อมเข้าไปนั่งประจำที่ ด้านคุณนายเฟิงนั้นได้คุยกับมู่เฉาเกออีกครั้ง
"เฉาเกอ ที่มาครั้งนี้ คุณอยู่ต่อสักสองสามวัน ไม่ใช่บอกว่าช่วงนี้คุณรับช่วงต่อบริษัทในครอบครัวแล้วหรอ? ถ้าเกิดว่าพบปัญหาอะไรของบริษัท คุณจะได้ขอให้จิงเหยาจัดการให้คุณได้"
คุณนายเฟิงไม่ปล่อยโอกาสที่จะสร้างสถานการณ์ให้ทั้งสองคนได้ไปมาหาสู่กัน
เธอพูดจบ ไม่ลืมที่จะกล่าวเตือนไปทางเฟิงจิงเหยา : "จิงเหยา เมื่อกี้ที่ฉันพูด คุณได้ยินแล้วใช่ไหม?"
เฟิงจิงเหยาจนปัญญา จึงพยักหน้าพูดว่า : "รับทราบแล้ว"
กู้ฉางฉิงมองอย่างเมินเฉย ทว่าในใจอดที่จะหัวเราะเยาะไม่ได้
ไม่จบไม่สิ้นจริงๆเลย
ในตอนแรกเธอไม่เข้าใจเจตนาที่คุณให้คนเรียกมา งั้นตอนนี้ได้ฟังคำพูดนี้ เธอจะไม่เข้าใจได้อย่างไร
โดยเฉพาะมีลู่ซือหยี่เป็นบทเรียน
เธอนึกถึงตรงนี้ ก็เกิดประชดประชันในสายตามากขึ้น แต่ก็เก็บอาการได้อย่างรวดเร็ว ทานอาหารอย่างสงบเสงี่ยม
ทางด้านคุณนายเฟิงนี้ ชำเลืองมองกู้ฉางฉิงที่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
คาดเดาว่ากู้ฉางฉิงจะแกล้งทำเป็นโกรธมาก ก็เลยไม่ได้สนใจอีก จึงต้อนรับมู่เฉาเกอด้วยไมตรีจิต เวลาเดียวกันยังถามเธอเกี่ยวกับสถานการณ์ทางบ้าน
"เมื่อกี้ได้ยินคุณพูดเรื่องจะรับช่วงต่อบริษัท พ่อคุณคิดจะวางมือแล้วไปมีความสุขแล้วหรอ?"
มู่เฉาเกออมยิ้มตอบกลับ : "ก็ประมาณนั้น บอกว่าทำงานมาค่อนชีวิตแล้ว ควรจะพักผ่อน ถือโอกาสพาแม่ไปเที่ยวรอบโลก"
คุณนานเฟิงได้ฟังแล้ว อดที่จะพูดหยอกล้อไม่ได้ว่า : "ความผูกพันธ์ของพ่อแม่คุณยังคงดีเหมือนเดิมเลยนะ ทำให้เราอิจฉาจริงๆ พูดไปก็ความผูกพันธ์ตอนเด็กๆของคุณกับเฟิงจิงเหยาก็ไม่เลวนะ มักจะไล่ตามหลังเขา เรียกให้เขาพาคุณไปเล่น"
มู่เฉาเกอได้ฟังเธอเอ่ยถึงเรื่องในวัยเด็ก ก็เขินอายเล็กน้อย
"คุณน้า นี่มันเรื่องนานมาแล้ว ท่านเอามาหยอกล้อฉันทำไม"
คุณนายเฟิงอดยิ้มไม่ได้ จากนั้นก็พูดเรื่องสนุกสนานในวัยเด็กอีกสองสามเรื่อง จุดไฟในบรรยากาศโดยสิ้นเชิง
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับบรรยากาศที่พวกเขาคุยเล่นกันอย่างคึกคัก ทางด้านกู้ฉางฉิงนี้ก็เงียบชียบมาก
หลังทานอาหาร เดิมทีเฟิงจิงเหยาคิดจะพากู้ฉางฉิงกลับไป ใครจะรู้ว่าคุณนานเฟิงจะพูดประโยคที่จะรั้งคนไว้
"จิงเหยา มู่เฉาเกอมาวันนี้เป็นวันแรก คุณเป็นเจ้าบ้าน ก็ไม่อยู่เป็นเพื่อนหน่อยหรอ?"
เธอพูดจบ ก็จงใจมองไปที่กู้ฉางฉิง พูดต่อว่า : "ว่าไปแล้ว พวกคุณสองคนไม่ได้เจอกันนานแล้ว ก็น่าจะคุยเล่นกันนานๆ คุณอยู่เป็นเพื่อนเฉาเกอ จะได้ไม่ต้องให้เฉาเกอคุยเรื่องไร้สาระในชีวิตประจำวันกับยายแก่อย่างฉันนี่"
เฟิงจิงเหยาไม่ทีหนทางปฏิเสธ หันไปมองกู้ฉางฉิง
กู้ฉางฉืงจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านี่คือคุณนายเฟิงจงใจจัดการให้ ถ้าเธอยืนยันที่จะไป เกรงว่าคุณนายเฟิงจะสามารถเอ่ยถึงการกระทำ ว่าเธอใจแคบ
เธอฉีกมุมปาก ยิ้มแล้วพูดว่า : "ในเมื่อแม่พูดแบบนี้ เราก็อยู่อีกสักพักเถอะ"
เฟิงจิงเหยาพยักหน้า จากนั้นก็แสดงเจตนาให้มู่เฉาเกอไปพูดคุยกันที่ห้องรับแขก
มู่เฉาเกอพยักหน้า ลุกขึ้นตามเขาไปที่ห้องรับแขก
ในช่วงที่เดินผ่านกู้ฉางฉิง แววตาก็ประกายความหมายลึกซึ้ง
กู้ฉางฉิงไม่ได้พบเห็น เธอมิงก่อนหน้าและหลังจากที่สองคนนั้นไป ก็ไม่สบายใจอย่างไร้เหตุผล ทว่าเธอสังเกตการณ์อยู่
เพียงแต่เธอไม่ได้ใส่ใจ ทว่าคุณนายเฟิงก็มองอยู่
เพียงแต่ในแววตาเธอประกายความอิ่มอกอิ่มใจ
เธอต้องการผลลัพธ์เช่นนี้
เธอทำเสียงเยาะเย้ยเดินผ่านกู้ฉางฉิงไป บอกให้เฟิงจิงเหยาต้อนรับมู่เฉาเกอให้ดีดี แล้วก็กลับไปพักผ่อนที่ห้อง
กู้ฉางฉิงเห็นเธอออกไป จากนั้นก็นั่งข้างเฟิงจิงเหยาและฟังการสนทนาของเขากับมู่เฉาเกอ ทว่าพูดขัดจังหวะไม่ได้
เพราะพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องการเงินของบริษัท และเธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้
ทำห็เธอดูพ่ายแพ้และอึดอัดเล็กน้อย
ความคิดทั้งหมดของเธอเมื่อกี้นี้ ทั้งหมดก็คือผู้หญิงขี้หึงคนหนึ่ง
หึงหรอ?
เธอจะหึงได้ยังไง?
รู้ว่าอีกไม่กี่เดือนเธอก็ต้องแยกจากเฟิงจิงเหยา หลังจากนี้ไปก็ทางใครทางมัน เธอไม่ควรจะมีอารมณ์และความคิดเหล่านี้
กู้ฉางฉิง ตื่นเถอะ!
เธอเตือนตัวเองอยู่ในใจ อย่างไรก็ตามมันมีผลเพียงเล็กน้อย
ยิ่งทำให้เธออึดอัดมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดว่าจะเห็นเฟิงจิงเหยาอีกต่อไป หัวใจของเธอเหมือนถูกมดนับพันกัด เธอหายใจก็ยังเจ็บ
กู้ฉางฉิงรู้ ปล่อยให้ตัวเองเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ เธอจำเป็นต้องหาอะไรมาเบี่ยงเบนความสนใจ ทำให้เธอลืมความรู้สึกทั้งหมดนี้
เธอเห็นกระดานวาดภาพบนโต๊ะทำงาน หยิบขึ้นมาโดยไม่ต้องคิดแล้วร่างภาพก่อนหน้าที่นังไม่เสร็จต่อ ทำให้ตัวเองจมอยู่กับการทำงาน
ตอนแรก ที่เธอหวั่นไหว หาความรู้สึกไม่เจอ ก็ทำต้นฉบับเสียไปหลายแผ่น จึงค่อยๆสงบจิตใจลง ถึงได้กลับเข้าสู่สถานการณ์
เข้าสู่สถานการณ์ของเธอแล้ว ความคิดที่รบกวนจิตใจเหล่านั้นก็จางหายไปด้วย เก็บซ่อนไว้ที่ก้นบึ้งของหัวใจ
แต่แม้ว่ากู้ฉางฉิงจะสงบลงมา ก็ไม่ได้หยุดทำงาน
แม้ว่าเวลานี้เธอจะง่วงมากจริงๆ แต่เธอก็ไม่กล้ากลับไปบนเตียง เพราะเธอกลัวว่าเมื่อตนเองนอนอยู่บนเตียงที่เต็มไปด้วยความทรงจำมากมาย อารมณ์ที่เก็บกดไว้ก็จะตีขึ้นมาอีกครั้ง
เธอดึงดันที่จะให้ตนเองออกแบบให้เสร็จสมบูรณ์ คุณภาพดี
ก็ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ตาของเธอยิ่งนานยิ่งเริ่มพร่ามัว ท้ายที่สุดก็ยืนต่อไปไม่ไหว ก็ทิ้งตัวลงบนโต๊ะและหลับไป
ก่อนนอนเธอก็อดที่จะตำหนิอยู่ในใจไม่ได้
นี่คุยกันดึกดื่นค่อนคืน เฟิงจิงเหยายังคุยไม่พออีกหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา