เมื่อได้ยินเช่นนั้น กู้ฉางชิงก็เม้มริมฝีปากและพูดว่า:“แน่นอนว่าทำงาน”
เฟิงจิ่งเหยาได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้ว
เขารู้ว่าเธอกำลังทำงาน แต่เวลานี้เธอควรจะอยู่ที่แผนกออกแบบ ไม่ใช่อยู่ที่นี่
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาก็เห็นผ้าในมือของเธอและถามว่า:“ในมือคุณถืออะไร กำลังจะไปไหน?”
กู้ฉางชิงเมื่อเห็นว่าเขาถาม ก็ไม่ปิดบัง
ถึงอย่างไรเขาก็ถามเอง ไม่ใช่เธอเป็นคนฟ้อง
“รักษาการผู้จักการให้ฉันช่วยเอาผ้าไปเปลียนให้ดีไซเนอร์ชวี่”
เธออธิบายอย่างเรียบง่าย และทำให้เฟิงจิ่งเหยาต้องขมวดคิ้ว
“คุณกลับไปตอนนี้เลย ผมเชิญคุณมาไม่ใช่เพื่อให้คุณมาวิ่งเต้นทำงานให้คนอื่น คุณกลับไปทำงานของตัวเองเถอะ”
เมื่อกู้ฉางชิงได้ยิน ก็ยกมุมปากขี้นประชดประชัน
“ฉันแน่นอนว่ารู้หน้าที่ของตัวเอง แต่รักษาการผู้จัดการบอกว่า ฉันยังเป็นดีไซเนอร์ไม่ได้ ดังนั้นจึงให้ฉันเริ่มจาการเป็นผู้ช่วยวิ่งเต้นทำงานให้คนอื่นก่อน”
เฟิงจิ่งเหยาสีหน้าแน่วแน่
ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะเดาว่านี่เป็นความตั้งใจของลู่ซือยวี่
ถึงอย่างไรความขัดแย้งระหว่างทั้งสองคนก็มีมานานแล้ว
“บริษัทไม่ได้ขาดคนวิ่งเต้นทำงานแทน เรื่องนี้ฉันจัดการเอง คุณกลับไปเถอะ”
กู้ฉางชิงก็ไม่ได้อยากมาวิ่งเต้นทำงานแทน แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ เธอพยักหน้าและก็กลับไปที่แผนกพร้อมกับผ้า
ไม่คิดว่าพอเธอเข้ามาที่แผนก ก็ถูกชวี่ชิงหยุนเห็นเข้า
“กู้ฉางซิน ไม่ใช่ว่าให้เธอเอาผ้าไปเปลี่ยนหรอ?ทำไมกลับมาอีกแล้ว?”
กู้ฉางชิงเมื่อได้ยินก็ยิ้มแล้วพูดว่า:“ขอโทษค่ะ ผ้าที่ดีไซเนอร์ชวี่ต้องการให้คนอื่นเอาไปเปลี่ยนแทนเถอะค่ะ เพราะฉันมาที่บริษัทไม่ได้มาวิ่งเต้นทำงานแทนคนอื่น”
เธอพูดจบก็ส่งผ้าคืนให้ชวี่ชิงหยุน
ชวี่ชิงหยุนมองผ้าที่อยู่บนโต๊ะด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“กู้ฉางซิน นี่เธอหมายความว่ายังไง?”
“ตามความเป็นจริง ถ้าเธอไม่เชื่อก็ไปถามรักษาการผู้จัดการได้”
เมื่อพูดจบ กู้ฉางชิงก็เพิกเฉยต่อสีหน้าอึมครึมของเขา และเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานเพื่อเริ่มออกแบบ
ในเวลาเดียวกันในสำนักงาน ลู่ซือยวี่ก็ได้รับโทรศัพท์จากชวี่ยี่
“ผู้ช่วยชวี่ พี่จิ่งเหยามีเรื่องอะไรหรอ?”
เธอแทบรอไม่ไหวที่จะถาม ดูเหมือนว่าเธอต้องการทำอะไรเพื่อเฟิงจิ่งเหยา
“คุณลู่ ท่านประธานให้ผมบอกคุณว่า เขาเชิญคุณกู้มาทำงานในตำแหน่งดีไซเนอร์ ไม่ใช่มาวิ่งเต้นทำงานให้คนอื่น”
เมื่อลู่ซือยวี่ได้ยิน รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งตัวทันที
เธอไม่ทันได้พูด ก็ได้ยินชวี่ยี่พูดต่อว่า:“ท่านประทานยังบอกอีกว่า หลังจากนี้ไปคุณกู้จะไม่อยู่ในความดูแลของคุณลู่อีก”
ลู่ซือยวี่ตะลึงอยู่นานกว่าที่จะโต้ตอบ
“พี่จิ่งเหยาหมายความว่าอย่างนี้จริงๆหรอ?”
เธอไม่เต็มใจที่จะถาม ไม่ง่ายเลยที่เธอจะได้เปรียบผู้หญิงเลวคนนี้ อยู่ต่อหน้าเธอยังกว่าใช้อำนาจบาตรใหญ่
ยิ่งไปกว่านั้นเธอต้องการให้พี่จิ่งเหยาได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของผู้หญิงเลวคนนั้น
“เลขาชวี่ คุณบอกพี่จิ่งเหยาว่า ถ้าฉันไม่สามารถดูแลลูกน้องได้ ฉันเป็นรักษาการผู้จัดการจะมีประโยชน์อะไร?”
เมื่อชวี่ยี่ได้ยินก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย:“คุณลู่ ท่านประธานเพียงให้ผมถ่ายทอดคำพูดของเขา ถ้าหากว่าคุณมีอะไรจะพูด คุณก็รอให้พวกคุณเจอกันแล้วค่อยถามด้วยตนเอง”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาไม่อยากยุ่งกับลู่ซือยวี่ จึงรีบวางสายโทรศัพท์โดยอ้างว่ามีงานต้องทำ
ลู่ซือยวี่มองไปที่โทรศัพท์ที่วางสาย และโกรธมากจนทำลายข้าวของทุกอย่างบนโต๊ะ
พี่จิ่งเหยากำลังปกป้องนังสารเลวนั่น!
และยังมีกู้ฉางซินนังผู้หญิงเลว เธอคิดว่าเธอแกร่งกล้านักรึไง เธอไม่ใช่ไปทำธุระหรอกหรอ ที่แท้ก็ไปฟ้องพี่จิ่งเหยา!
เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ตรงนี้ เธอไม่รู้ว่าการกระทำของเธอจะทำให้คนที่อยู่ข้างนอกตกใจ
กู้ฉางซิน อย่าคิดว่าพี่จิ่งเหยาหนุนหลังแล้ว เธอจะสามารถทำงานที่นี่ได้อย่างมีความสุข?
อย่าแม้แต่จะคิด!
ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ แค่กะพริบตาก็เห็นรังสีสะท้อนรอบทิศทาง จากนั้นเธอก็ถือกระเป๋าแล้วรีบเดินออกจากบริษัท
เธอก็ไม่ได้ไปที่อื่น แต่ตามกู้ฉางชิงกลับไปที่บ้านตระกูลเฟิง
อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้กลับไปที่ห้องทันที แต่ไปเยี่ยมคุณนายเฟิงเพื่อแก้ตัว
“ซือยวี่กลับมาแล้ว วันนี้ที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง?”
คุณนายเฟิงมีดีใจมากที่ได้พบลู่ซือยวี่ และลากเธอไปเอาใจใส่
“ก็ดีค่ะ!”
ลู่ซือยวี่แสร้งทำเป็นยิ้มกว้าง ทำให้คุณนายเฟิงสังเกตเห็นความผิดปกติ และขมวดคิ้ว
“ซือยวี่ ทำไมดูเธอไม่มีตวามสุข เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า?”
ลู่ซือยวี่ได้ยินดังนั้นก็หลบสายตา แล้วพูดว่า:“ไม่มีอะไรค่ะคุณป้าหมิง”
เมื่อคุณนายเฟิงเห็นแบบนั้นก็ยังไม่เข้าใจ มันต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ และเธอก็ถามอีกครั้ง
“ซือยวี่ ฉันยังไม่เข้าใจเธฮเลย บอกป้าหมิงมา เกินอะไรขึ้นกันแน่?มีคนในบริษัทรังแกเธอใช่ไหม?”
ลู่ซือยวี่ฟังแล้วก็กระพริบตา เธอตั้งใจเขินอายสักครู่ แล้วก็ค่อยๆบอกความจริงออกมา
“อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรค่ะ แต่หนูไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะอบรมลูกน่องยังไง”
ขณะที่เธฮพูดเรื่องเมื่อตอนกลางวันก็ใส่ไฟเพิ่มเข้าไปด้วย
ความหมายคราวๆคือกู้ฉางชิงอาศัยสถานะของตัวเอง และยังมีเฟิงจิ่งเหยาหนุนหลัง คนที่บริษัทไม่เชื่อฟังการจัดการของเธอ ทำให้เธอทำงานยาก
คุณนายเฟิงได้ยินอย่างนั้น ก็โมโลเป็นอย่างมาก
“ผู้หญิงคนนี้ไปที่ไหนก็ไม่สงบ เธอกำลังสร้างความยุ่งยากให้จิ่งเหยา ที่บริษัทก็ปล่อยให้เธอไปก่อเรื่องวุ่นวายใช่ไหม?”
ขณะที่เธอพูดความโกรธของเธอก็ยิ่งรุนแรงขึ้น:“ไม่ได้ ฉันต้องเธอมาตำหนิ ให้เธอได้รู้ว่าที่บริษัทไม่ใช่ที่ที่เธอจะมาวางอำนาจบาตรใหญ่ได้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา