สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา นิยาย บท 68

เมื่อลู่ซือยวี่เห็นทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว ก็จ้องมองกู้ฉางชิงอย่างโกรธแค้น และออกจากบริเวณที่ทำงานไป

เรื่องครั้งนี้ทำให้เธอเป็นกังวล คิดหาผลประโยชน์จากคนอื่นกลับเข้าเนื้อตัวเอง

สิ่งที่น่าเกลียดยิ่งกว่าก็คือกู้ฉางชิงผู้หญิงเลวคนนั้น เปลี่ยนเป็นฉลาดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่คิดว่าจะเดาได้ว่าเป็นฝีมือเธอ

ยังขมขู่เธอด้วย!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าเธอก็เคร่งครึมจมแทบจะมีเลือดหยด และกลืนน้ำเสียงไม่ลง!

เธอบีบบังคับให้ตัวเองสงบลง และการชนะหรือแพ้ชั่วขณะไม่ได้บ่งบอกถึงวันข้างหน้า

อนาคตยังอีกยาวไกล เธอยังมีเวลาจับผิดนังผู้หญิงเลวนั่น!

กู้ฉางชิงไม่รู้ว่าลู่ซือยวี่กำลังวางแผนในอนาคต

เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ทำงานและมองไปที่ชวี่ชิงหยุนที่อยู่ไม่ไกล

แม้ว่าเธอจะเพิ่งแก้ปัญหาที่พวกเขาใส่ร้ายเธอให้จบไป แต่เธอก็รู้ว่าลู่ซือยวี่ไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆแน่

เพียงแต่ว่าเธอเพิ่งจะทำให้เขาเสียเปรียบมาก

แต่ถึงอย่างนั้นไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหน เธอก็มีวิธรับมือ!

ในช่วงเวลาที่เหลือก็คือความสงบเงียบ

เมือถึงเวลาเลิกงาน ลู่ซือยวี่ก็ยังไม่ออกมา และทุกคนก็ยุ่ง

กู้ฉางชิงสบายใจเมื่อเห็นว่าถึงเวลาเลิกงานแล้ว เธอจึงเริ่มเก็บกวาดของบนโต๊ะ

เธอกำลังจะเลิกงานกลับไป กู้หงเซินก็โทรศัพท์มา

“มีธุระอะไรคะ?”

เธอถามอย่างเย็นชาและตรงไปที่ประเด็นหลัง

เพราะเธอรู้ว่าพ่อที่แสนดีของเธอจะไปที่พระราชวังสามขุมทรัพย์

“แกไม่ได้บอกว่าอยากเจอแม่หรอ?ฉันรอแกอยู่ที่ชั้นล่างของบริษัท”

พูดจบกู้หงเซินก็ว่างสาย

แต่กู้ฉางชิงรีบเร่งเพราะคำพูดของเขา

เธอไม่ได้เจอแม่มานานแล้วตั้งแต่ย้ายออกมา

ไม่นาน เธอก็มาเจอกู้หงเซินที่ชั้นล่าง

ทั้งสองมาถึงโรงพยาบาลเอกชนแถวชานเมือง โดยไม่พูดอะไรกันเลย

กู้ฉางชิงจำได้ว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ลงทุนโดยตระกูลกู้ ถือได้ว่าเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่เป็นลำดับต้นๆของเมืองหลวง

เธอเห็นแล้วก็โล่งใจ

อย่างน้อยกู้หงเซินก็ทำตามที่สัญญาไว้ และให้การรักษาที่ดีที่สุดกับแม่ของเธอ

“แม่ฉันอยู่ไหน?”

เธอปล่อยวางสิ่งที่เธอกังวลและแทบรอไม่ไหวที่จะได้เจอแม่

อยากรู้ว่าตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง

กู้หงเซินมองไปที่เธอ และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า:“แกตามฉันมา”

พูดจบเขาก็พากู้ฉางชิงไปที่แผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาล

ในที่สุดพวกเข้าก็ท่อยู่ที่แผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลชั้นบนสุดของตึก ห้องของติงหลานเชียงแยกออกมา

ทั้งชั้นนี้มีเพียงติงหลานเชียงเป็นผู้ป่วยเพียงคนเดียวเท่านั้น

“แม่!”

เมื่อกู้ฉางชิงเห็นแม่ก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปใกล้กระจกที่แยกกั้น และพูดพึมพำเรียก

น้ำตาปริ่มตาโดยไม่รู้ตัว

อย่างไรก็ตามห้องผู้ป่วยแยกโรคของติงหลานเชียง ไม่มีการตอบสนองต่อสิ่งใด มีแต่เสียงของกู้หงเซินดังอยู่ข้างๆ

“เรื่องที่รับปากแกไว้ ฉันทำให้แล้วนะ”

กู้หงเซินมองผู้หญิงที่อยู่ในห้องผู้ป่วยในด้วยสายตาเย็นชา และพูดว่า:“หลังจากนี้ไปขอแค่แกเชื่อฟัง ฉันจะพิจารณาพาแกมาเจอแม่ ถ้าฉันไม่อนุญาตแกก็จะไม่ได้เจอ”

กู้ฉางชิงได้ยินดังนั้นก็ละสายตาออกจากห้องแยกโรค

เธอรู้ว่านี่เป็นคำเตือนของกู้หงเซิน ในขณะเดียวกันเพื่อเตรียมป้องกันไม่ให้เธอแอบพาแม่ไป

ตอนนี้ในหัวใจของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ

เธออยากรู้จริงๆว่าทำไมเขาถึงข่มขู่และบีบบังคบพวกเธออย่างไม่ลดละ จริงๆแล้วเห็นพวกเธอเป็นอะไรกันแน่

แน่นอนว่าเธอถามเหมือนเดิม

“ฉันอยากรู้ว่า ฉันกับแม่สำหรับคุณแล้วเป็นอะไรกันแน่?”

กู้หงเซินได้ยินดังนั้นก็มองเธออย่างถากถาง โดยไม่พูดอะไร

กู้หงเซินไม่ตอบและหันจากไป

เมื่อกู้ฉางชิงเห็นอย่างนั้น ก็ทำได้แค่ทำตาม

จากนั้นทั้งสองก็จากไป โดยไม่มีคำพูดใดๆ

กู้หงเซินส่งเธอกลับไปที่บ้านตระกูลเฟิง ย้ำเธออีกครั้งเกี่ยวกับเรื่องโรงงานย้อมผ้า และเตือนให้เธอไม่ออกนอกลู่นอกทาง อย่าเปิดเผยความลับ แล้วสั่งให้คนขับรถออกรถไป

กู้ฉางชิงยืนอยู่ตรงนั้น และมองไปที่ด้านหลังของหน้าผากเขา ในใจก็รู้สึกอ้างว้าง

ช่างเป็นพ่อที่ดีของเธอจริงๆ เธอคิดอยู่ตลอดเวลาว่ามีเพียงกิจการของเขาและลูกสาวอีกคนเท่านั้นที่อยู่ในใจฉัน

เธอเบะปากเยาะเย้ย จากนั้นก็หันกลับไปที่บ้านหลังใหม่ของตระกูลเฟิง

แต่เธอไม่ต้องการให้เฟิงจิ่งเหยากลับมา และทานอาหารอยู่ที่ห้องอาหาร

สิ่งนี้เกินความคาดหมายของกู้ฉางชิง

เธอไม่รู้ว่าจะเดินผ่านทักทายหรือไปจากชั้นล่าง เฟิงจิ่งเหยาเจอเธอแล้ว

“ไปไหนมา?ทำไมดึกขนาดนี้แล้วเพิ่งกลับมา?”

กู้ฉางชิงมองไปที่เขาโดยไม่รู้ตัว และเห็นเฟิงจิ่งเหยาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เฉียบคม เหมือนว่ากำลังตรวจดูอย่างละเอียด

“ฉันออกไปกับพ่อมา”

กู้ฉางชิงครุ่นคิดสักพัก และกล่าวโดยไม่ปิดบัง

เมื่อพูดจบเธอก็มองไปที่เฟิงจิ่งเหยาอย่างลังเล

เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดกับเฟิงจิงเหยายังไงเกี่ยวกับเรื่องโรงงานย้อมผ้า

แต่ทว่าเธอยังไม่ทันได้พูด เหมือนว่าเฟิงจิ่งเหยาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เขายิ้มเยาะมุมปากแล้วพูดว่า:“ทำไม?เขาต้องการให้คุณทำอะไรอีก?”

เมื่อกู้ฉางชิงได้ยินอย่างนั้นก็ตกตะลึง

พริบตาเดียวแววตาของเฟิงจิ่งเหยาก็สัมผัสได้ถึงความเยือกเย็น

แล้วก็นึกถึงคำถ่ายทอดของกู้หงเซิน เธอคงทำได้แค่ดันทุรัง

หลังจากนั้นเธอก็พูดก่อน

“พ่อของฉันเปิดโรงงานย้อมผ้าแห่งใหม่ และหวังว่าหลังจากนี้บริษัทของเราจะซื้อผ้าทั้งหมดจากเขา”

ทันทีที่เธอพูดจบ รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิงจิ่งเหยาก็หายไป ขี้เหร่สุดๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา