สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา นิยาย บท 82

ลู่ซือหยี่ก็อึ้งและเข้าใจเฟิงจิ่งเหยาผิดไปเช่นกัน

เธอนึกว่าเฟิงจิ่งเหยาเข้าข้างเธอ เธอจึงมีความสุขขึ้นมาทันที

เธอมองไปที่กู้ฉางฉิงด้วยท่าทีที่เตรียมพร้อมว่าจะมีอะไรสนุก ๆ ให้ดูแน่

เฟิงจิ่งเหยาสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของพวกเขาแต่ก็ไม่ได้สนใจ

เขากวักมือเรียกให้พ่อบ้านยกคอมพิวเตอร์เข้ามา และเปิดไปที่คลิปที่ได้มาจากกล้องวงจรปิด

แม้จะได้ฟังมาจากพวกเขาแล้วว่าไม่พบอะไรผิดปกติจากกล้องวงจรปิด แต่สัญชาตญานก็บอกเขาว่า พวกเขาอาจจะพลาดอะไรบางอย่างไป

เขานั่งลงและตรวจสอบอย่างละเอียด

เมื่อเขาดูจบไปรอบหนึ่งแล้วก็ยังไม่มีวี่แววจะพบเบาะแสอะไร

แต่เขาก็อดทนและตรวจสอบอีกเป็นครั้งที่สอง

ชั่วขณะนั้น ก็เกิดความเงียบขึ้นในห้องรับแขก ทุกคนต่างจ้องมองมาที่เขา

กู้ฉางฉิงเองก็ยืนอยู่ที่ด้านหลังของเขา และมองไปที่ด้านหลังของเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสน

เธอบังคับตัวเองให้สงบลงและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรไปพร้อมกับเขา

ด้านลู่ซือหยี่ที่มองไปที่ทั้งสอง คนหนึ่งอยู่ข้างหน้า คนหนึ่งอยู่ข้างหลัง ก็รู้สึกอึดอัดใจมาก

"พี่จิ่งเหยาคะ คลิปนี้ฉันดูกับป้าหมิงหลายครั้งแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะเจอปัญหาอะไร ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรจริง ๆ หรอกค่ะ"

เธออยากให้เฟิงจิ่งเหยานั้นรีบจัดการนังสารเลวกู้ฉางฉิงนี้เสียที จึงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า "พี่จิ่งเหยาไม่เชื่อฉัน และก็ยังไม่เชื่อป้าหมิงอีกเหรอคะ?"

เมื่อกู้ฉางฉิงได้ยินสิ่งนี้ ก็มองไปที่เฟิงจิ่งเหยาอย่างไม่สบายใจนัก

อย่างไรก็ตามเฟิงจิ่งเหยาก็ไม่ได้สนใจลู่ซือหยี่ เขาจับจ้องไปที่คลิปกล้องวงจรอย่างตั้งใจ

ทันใดนั้นไม่รู้ว่าเขาพบอะไร แววตาของเขาฉายประกาย และเขาก็กดปุ่มหยุดชั่วคราว

ภาพที่เห็นคือ สาวใช้ของบ้านใหญ่ที่รีบไปเข้าห้องน้ำและชนกับเหอหลินเข้าอย่างจัง

ถ้ามองดูอย่างผิวเผิน ก็จะเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ดูเหมือนเป็นเพียงความรีบเร่งและประมาท แต่เมื่อเฟิงจิ่งเหยาเร่งความเร็วภาพ เบาะแสก็ได้เผยออกมาให้เห็น

สายตาของเขาเพ่งมองไปที่ตรงเอวของเหอหลิน ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างที่สะท้อนแสงอยู่แถวนั้น

เนื่องจากภาพมีขนาดเล็กมาก เฟิงจิ่งเหยาก็ไม่หยุดที่จะปรับภาพ แคปรูป ขยายใหญ่ และทำให้ภาพคมชัดขึ้น ในที่สุดก็สามารถเห็นภาพนั้นได้อย่างชัดเจน แววตาโล่งใจ

และเห็นว่าสิ่งที่สะท้อนแสงวิบวับนั้นแท้จริงแล้วคือสร้อยข้อมือที่ถูกขโมยไปนั่นเอง

และเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เหอหลินที่เป็นคนขโมย แต่คือสาวใช้คนนั้นใช้ช่วงเวลาที่วิ่งชนกันนั้นแอบยัดลงไปในกระเป๋าของเหอหลิน

"เธอยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?"

เขามองไปที่สาวใช้คนนั้นถามด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เย็นชา

เมื่อสาวใช้เห็นดังนั้นก็กลัวมาก ยืนตัวสั่นลนลานอยู่ตรงนั้น ไม่รู้จะทำอย่างไรดี

ลู่ซือหยี่เองก็มีสีหน้าที่ซีดลง

เธอคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่า พี่จิ่งเหยาจะหาเบาะแสจนเจอ

คุณนายเฟิงกับเฟิงซู่ต่างก็นิ่งอึ้งไป

คุณนายเฟิงมองไปที่ลู่ซือหยี่ เห็นว่าเธอมีสีหน้าอาการแปลก ๆ ไป ก็ดึงมือของเธอขึ้นมาตบเบา ๆ ราวกับปลอบใจ

ลู่ซือหยี่ยกมุมปากเผยยิ้มที่ดูน่าเกลียดกว่าร้องไห้ออกมา

ด้านกู้ฉางฉิงก็รู้สึกโล่งใจ

เธอมองไปที่เฟิงจิ่งเหยาด้วยความรู้สึกผิด

เดิมทีเธอคิดว่าที่ผู้ชายคนนี้พยายามจะสอบสวนเพิ่มเติมก็เพื่อจะช่วยพวกลู่ซือหยี่ คิดไม่ถึงเลยว่าที่แท้เขาทำเพื่อตามหาความจริง

เธออดไม่ได้ที่จะมีรอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก จากนั้นก็ชำเลืองมองไปที่ลู่ซือหยี่โดยไม่ได้พูดอะไร รอดูว่าพวกเขาจะจัดการอย่างไร"

เมื่อเฟิงจิ่งเหยาไม่ได้รับคำตอบจากสาวใช้คนนั้นสักที เขาจึงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกครั้งว่า "ฉันจะถามอีกครั้ง เธอไปทำอะไรที่ห้องน้ำ?"

เธอคอยสังเกตสาวใช้กับลู่ซือหยี่มาโดยตลอด พฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อสักครู่ก็อยู่ในสายตาของเธอ

เธอคิดไม่ถึงเลยว่าลูกสมุนแต่ละคนของลู่ซือหยี่จะมีความจงรักภักดีมากถึงเพียงนี้

แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรออกมาก็ต้องให้บทเรียนกันซะบ้าง ถือเป็นการเตือนลู่ซือหยี่

"ไม่ว่าจะป้องกันอย่างไรแต่โจรในบ้านยากที่จะป้องกันที่สุด ในเมื่อความจริงก็ได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว ยังไม่รีบขอโทษฉันอีก แล้วไปมอบตัวที่สถานีตำรวจซะ ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ไม่จบแน่!"

เธอก้าวอย่างสุภาพไปข้างหน้าเล็กน้อย และตำหนิสาวใช้คนนั้น

คุณนายเฟิงสีหน้าแย่ลงทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้

เธอรู้สึกว่าคำพูดประโยคนี้ของกู้ฉางฉิงกำลังเสียดสีการตัดสินของเธอก่อนหน้า

และการที่ให้คนของเธอไปมอบตัวด้วยตัวเองที่สถานีตำรวจ นี่ไม่เท่ากับอยากจะหักหน้าเธอหรอกหรือ?

"กู้ฉางซิน นี่เธอหมายความว่าอย่างไร?"

เธอถามอย่างไม่พอใจ

เมื่อกู้ฉางฉิงเห็นดังนั้นก็เข้าใจทันทันว่าเธอกำลังคิดอะไร แสร้งยิ้มตอบกลับไปว่า "คุณแม่คะ ได้โปรดอย่าตำหนิตัวเองเลยนะคะ หนูรู้ว่าคุณแม่เป็นคนใจอ่อนที่สุด แต่คนใช้ที่ลอบกัดเจ้านายแบบนี้เก็บไว้ไม่ได้ค่ะ และก็จะปล่อยเธอไปง่าย ๆ ไม่ได้เช่นกัน รังแต่จะนำภัยมาสู่คนอื่นได้อีกในภายหลัง"

อาจกล่าวได้ว่าคำพูดนี้ของเธอได้ขัดขวางแผนการของคุณนายเฟิงที่ตั้งใจจะเปลี่ยนเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก

คุณนายเฟิงโกรธจนใจร้อนรุ่ม แต่ก็ไม่สามารถหาคำมาพูดหักล้างเธอได้ ทำได้เพียงมองจ้องหน้ากู้ฉางฉิงอย่างดุเดือด

เฟิงจิ่งเหยาก็รู้ดีว่าที่กู้ฉางฉิงทำแบบนี้ก็เพียงเพื่ออยากจะเอาชนะ เพราะที่ผ่านมาเธอต้องทนรับอารมณ์มาไม่น้อย

แต่โดยหลักแล้ว เธอก็ไม่ควรพูดกับผู้อาวุโสในบ้านด้วยท่าทีเช่นนี้

เขาส่งสายตาเตือนไปทางกู้ฉางฉิง เมื่อเห็นว่าเธอสังเกตเห็นแล้ว เขาก็ประกาศขึ้นมาว่า "คุณแม่ครับ เรื่องนี้ก็ทำตามที่ฉางซินว่ามาแล้วกัน ส่งคนใช้คนนี้ให้กับตำรวจ และถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อฉางซินด้วย"

เมื่อคุณนายเฟิงได้ยินลูกชายพูดแบบนี้แล้วก็ทำได้เพียงสงบคำลง และปล่อยให้สาวใช้คนนั้นถูกลากออกไป

หลังจากที่สาวใช้ได้ถูกลากตัวออกไปแล้ว เฟิงจิ่งเหยาก็มองสำรวจไปรอบ ๆ และคิดขึ้นได้ว่าเหตุการณ์วันนี้ล้วนเกิดจากการจัดงานเลี้ยงวันเกิด คิ้วเขาก็ขมวดขึ้นและพูดว่า "คุณแม่ครับ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในบ้าน ผมคิดว่าพวกท่านก็คงไม่อยากให้มีคนนอกเข้านอกออกในบ้านใหญ่แล้ว เรื่องงานวันเกิดมอบหมายให้คนทางนี้ดูแลจะดีกว่า อีกอย่างฉางซินเองก็ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจตั้งแต่เด็ก จะเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน ถึงเวลาจะทำให้งานของซือหยี่พังเละไม่เป็นท่าเสียเปล่า"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สะใภ้เศรษฐี กับสามีผู้หลงภรรยา