จะพูดว่าโจวฉือเซินไม่ได้รับความกระทบกระเทือนจากเรื่องนี้นั้น มันเป็นไปไม่ได้เลย เพียงแต่ว่าเขาพยายามลงผลกระทบให้ลดลงมาให้ต่ำที่สุดในชั่วข้ามคืน แถมยังพยายามปรับเปลี่ยนสถานการณ์ไปเลย ตอนนี้ทางด้านท่านใหญ่โจวนั้น ไม่สามารถที่จะใช้เรื่องงานประกวดดีไซเนอร์มากดดันเขาได้แล้ว
เพียงแต่ว่า ตราบใดที่เรื่องยังไม่กระจ่างวันหนึ่ง ก็ต้องเสียชื่อเสียงไปอีกวันหนึ่งเท่านั้น
หลังจากที่ออกมาจากสำนักงานทนายความแล้ว หร่วนซิงหว่านก็ตรงไปโจวซื่อกรุ๊ปเลย
ในตอนที่เธอมาถึงนั้น โจวฉือเซินก็เพิ่งประชุมเสร็จออกมา ตึกทั้งชั้น ล้วนเงียบสงบอย่างกับป่าช้า พนักงานทุกคนต่างก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงเลยสักนิด
หร่วนซิงหว่านไม่ได้ไปหาหลินหนาน แต่กลับเดินไปที่หน้าประตูห้องทำงานประธานบริษัท แล้วก็ยกมือขึ้นมาเคาะเบา ๆ
ข้างใน โจวฉือเซินกำลังนั่งตรวจเอกสารอยู่หน้าโต๊ะทำงาน และก็ไม่รู้ว่าได้ยินเสียงเคาะประตูหรือเปล่า
หร่วนซิงหว่านยกฝีเท้าให้เบาแล้วก็เดินเข้าไป กระแอมไอทีหนึ่ง แล้วถามอย่างจริงจังขึ้นว่า "ประธานโจว ต้องชงกาแฟให้คุณสักแก้วไหมคะ"
โจวฉือเซินไม่เงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ แล้วพูดเสียงเย็นขึ้นว่า "ยังต้องถามอีกเหรอ?"
"งั้นต้องเตรียมข้าวเย็นให้คุณไหมคะ"
พอได้ยินแบบนี้ โจวฉือเซินก็นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา ในตอนที่เห็นว่าเป็นเธอ ความเยือกเย็นในดวงตาดำสนิทก็ค่อย ๆ สลายไป และมีความอบอุ่นเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน "มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"
"เพิ่งมาถึงค่ะ" หร่วนซิงหว่านนั่งลงตรงข้ามเขา แล้วถามขึ้นว่า "เพราะฉะนั้นคุณก็เลยกะว่าจะดื่มแต่กาแฟไม่กินข้าวแล้วใช่ไหมคะ?"
โจวฉือเซินก้มหน้าลง แล้วก็เซ็นชื่อตัวเองลงไปบนเอกสารอย่างรวดเร็ว แล้วตอบอืมมาคำหนึ่ง "กินข้าวคนเดียวมันไม่มีความหมายเลย"
พอหร่วนซิงหว่านเห็นแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า "ทำไมตอนที่ฉันถามคุณว่าจะให้ชงกาแฟหรือเปล่า คุณถึงฟังเสียงฉันไม่ออก แต่พอฉันถามคุณว่าจะกินข้าวหรือเปล่า คุณก็ฟังออกเลยละคะ?"
โจวฉือเซินพูดเรียบ ๆ ขึ้นว่า "ผู้ช่วยที่จ้างมาด้วยเงินเดือนสูง ปกติแล้วไม่มีพฤติกรรมที่จะถามคำถามโง่ ๆ ต่อกันสองคำถามหรอก"
หร่วนซิงหว่าน "......"
อิตาบ้าไปกินขี้เถอะ!
โจวฉือเซินพูดขึ้นว่า "รอผมสักไม่กี่นาทีนะ"
"ค่ะ"
ต่อมา ก็ได้ยินแต่เสียงเปิดหน้ากระดาษเอกสารและปากกาเซ็นซวบ ๆ ดังขึ้น
หร่วนซิงหว่านนั่งอยู่ข้าง ๆ รู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย แล้วก็ยื่นมือไปเล่นของตกแต่งที่อยู่บนโต๊ะ
แล้วในตอนที่กำลังเล่นอย่างสนุกอยู่นั้น อยู่ ๆ สายตาก็เหล่ไปเห็นกรอบรูปอันหนึ่งที่วางประดับอยู่บนโต๊ะทำงาน
"............"
ข้างในนั้น เป็นรูปของพวกเขาในตอนที่อยู่ที่วัดเยว่เหล่า
อิตาบ้านี่เอากรอบรูปที่น่าเกลียดสีสันแสบตานั่นให้กับเธอ แล้วตัวเองก็มาเปลี่ยนเป็นอันที่สวยงามขนาดนี้แทน
เหอะ เหอะ
ผ่านไปสิบกว่านาที ในที่สุดโจวฉือเซินก็วางเอกสารลงแล้วเงยหน้าขึ้นมา "ไปกันเถอะ"
หร่วนซิงหว่านก็ได้ยินเสียงเขาขึ้นมากะทันหัน แล้วชั่วขณะหนึ่งก็ตั้งสติกลับมาไม่ได้ "ไปไหนคะ?"
"ไหนคุณว่าจะกินข้าวไม่ใช่เหรอ"
หร่วนซิงหว่านเบ้ปากเล็กน้อย "ฉันไม่ได้มาหาคุณเพราะจะกินข้าวสักหน่อย"
โจวฉือเซิน "หึ?"
หร่วนซิงหว่านเปิดกระเป๋าออก แล้วเอาเอกสารออกมาจากข้างใน "นี่เป็นของที่หลินจื้อหย่วนให้ฉันมา ฉันเอาไปให้เสิ่นจื่อซีดูมาแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรคะ แต่ว่าตอนนี้ฉันพักอยู่ที่บ้านตระกูลหลิน ของอันนี้เก็บไว้ที่ตัวฉันมันไม่ค่อยสะดวก"
โจวฉือเซินคลี่มุมปากออกเล็กน้อย "เพราะฉะนั้นก็เลยจะเอามาให้ผมเก็บรักษาไว้เหรอ?"
หร่วนซิงหว่านพูดอย่างจริงจังขึ้นมา "เปล่าค่ะ ฉันกะว่าจะไปเปิดตู้เซฟอันหนึ่งที่ธนาคารค่ะ"
"ตู้เซฟของธนาคารจะปลอดภัยกว่าที่ผมนี่เหรอ?"
หร่วนซิงหว่านขี้เกียจที่จะถกเถียงกับเขาไปเรื่อย แล้วก็เอาเอกสารวางไว้บนโต๊ะ แล้วผลักไปตรงหน้าเขา "คุณช่วยฉันเก็บไว้เถอะค่ะ ของสิ่งนี้ ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ตกว่าจะเอาไปใช้ทำอะไรดี หรือว่า ถ้าคุณมีที่ต้องใช้ ก็เอาไปใช้ได้เลยค่ะ"
สายตาของโจวฉือเซินหันไปอยู่บนเอกสาร แล้วก็มองไปที่เธอ ดวงตาดำก็เข้มขึ้นมาหลายส่วน "ยังมีเรื่องดี ๆ แบบนี้ด้วยเหรอ?"
สายตาของเขาทั้งซื่อตรงและก็ร้อนแรง จนชั่วขณะหนึ่งหร่วนซิงหว่านไม่กล้าที่จะมองเขาเล็กน้อย แล้วก็หลบสายตาไป กระแอมไอคำหนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า "ในเมื่อ ในเมื่อ คุณเองก็ต่อกรกับตระกูลโจว และนี่ก็คือความหวังของฉันมาตลอด ก็ถือซะว่าฉันช่วยออกแรงด้วยส่วนหนึ่งก็แล้วกัน......"
เวินเฉี่ยนกำโทรศัพท์ไว้แน่น "นี่ตกลงนายจะไม่ยอมจบสิ้นกันเลยใช่ไหม?"
"ดูเธอพูดเข้าซิ ทำไมฉันจะไม่ยอมจบสิ้น พวกเราสองคนเป็นหุ้นส่วนกันไม่ใช่เหรอ? หรือว่า เธออยากจะเอาคลิปวิดีโอไปแจ้งตำรวจ ฉันได้ก๊อบปี้คลิปวิดีโอลงแผ่นดิสก์ มีหลายแผ่นด้วยนะ ถ้าเธออยากได้ ฉันให้เธอก็ได้นะ"
เวินเฉี่ยนวางสายไปเลย แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าออกจากบ้านไป
ในตอนที่เดินอยู่บนถนนนั้น ไม่รู้ว่าเธอโทรหาเบอร์ของเซ่หรงไปตั้งกี่รอบ แต่สุดท้ายก็โทรไม่ติดอยู่ดี
แล้วในเวลานี้เอง อยู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่ามีคนเดินตามหลังเธออยู่
เวินเฉี่ยนหันหน้าไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย
เธอรวบรวมสายตากลับมา และเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ เสียงฝีเท้าที่ชัดเจนขนาดนี้เริ่มเยอะขึ้นมาเล็กน้อย นี่ก็หมายความว่า คนที่ตามเธออยู่ไม่ได้มีแค่คนเดียว
ใจของเวินเฉี่ยนตกไปถึงตาตุ่ม พอเห็นว่าข้างหน้ามีร้านสะดวกซื้ออยู่ร้านหนึ่ง เธอก็รีบพุ่งเข้าไปเลย แล้วก็ยืนหายใจหอบอยู่หน้าประตู
พนักงานร้านค้ารวมทั้งคนที่อยู่ข้างในต่างก็มองมาที่เธอ ท่าทีดูไม่เข้าใจเล็กน้อย
พอเห็นว่ามีคนแล้ว เวินเฉี่ยนก็ถือได้ว่าโล่งอกไปได้เปลาะหนึ่ง เธอซื้อน้ำเปล่าขวดหนึ่งแล้วก็นั่งอยู่ในร้านสะดวกซื้อ แล้วโทรศัพท์หาหลี่เฟิงสายหนึ่ง "มีคนตามฉันอยู่ ฉันไม่ไปแล้ว......"
"ได้ ถ้าเธอไม่มาละก็ ฉันก็จะปล่อยคลิปวิดีโออันนี้ลงบนอินเทอร์เน็ตแน่"
เวินเฉี่ยนกัดฟันกรอก
ไม่รอให้เธอพูดอะไรมาก หลี่เฟิงก็วางสายไปแล้ว
หลังจากที่นั่งอยู่ในร้านสะดวกซื้อไปหลายนาทีแล้ว เวินเฉี่ยนก็กดแอปออกมาเรียกรถ
และอย่างรวดเร็ว รถก็มาจอดตรงหน้าประตูร้านสะดวกซื้อแล้ว
เวินเฉี่ยนเดินออกไปด้วยใบหน้าหงุดหงิด พอขึ้นไปนั่งลงบนรถ ประตูรถก็โดนเปิดออกอีกครั้งอย่างรวดเร็ว แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามานั่งลงอย่างรวดเร็ว
คนขับรถที่อยู่ข้างหน้าเห็นเข้า ก็ถามขึ้นว่า "พวกคุณรู้จักกันเหรอ?"
ถึงแม้ว่าผู้ชายข้าง ๆ จะใส่หมวกทรงปากเป็ดอยู่ เวินเฉี่ยนก็มองเขาออกมาภายในพริบตา แล้วใจก็กระตุกทีหนึ่ง แล้วรีบพูดขึ้นว่า "พวกเรารู้จักกันค่ะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามี....เซ็นใบหย่าไปเลย
ไม่เชื่อใจคนอื่นเพราะคิดว่าตัวเองเก่ง แต่ก็เอาตัวเองไม่เคยจะรอด ก็มั่นหน้าให้คนรอบตัวเดือดร้อนต่อไปค่ะซิงซิง...
ใครที่อ่านเรื่องนี้อยู่ไปอ่านต่อให้จบได้ ในชื่อเรื่อง สามีเก่า....มาขอแต่งงานอีกแล้ว นะคะเป็นเรื่องดียวกันค่ะ...
รออัพเดทตอนต่อไปอยู่นะคะ ช่วยลงให้จบทีค่ะ...
รออ่านตอนไปอยู่นะคะ ช่วยลงให้จบด้วยค่ะ...
เรื่องนี้สนุกค่ะ แต่ทำไมลงไม่จบเรื่องคะ ช่วยลงให้จบได้ไหมคะ รอติดตามอยู่นะ...