สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน นิยาย บท 377

ตอนที่377สาวใช้ตัวแสบ281

นี่อาจจะก็คือตัวจริงของเซี่ยชีหรั่น คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาเป็นการแลกเปลี่ยนอย่างหนึ่ง

เขายังไม่เท่าผู้หญิงคนนี้เลย เธอใจมาก เขาบอกว่าไม่เชื่อความรัก ในใจกลับวางเธอไม่ลง ทำไม่ลงที่จะเย็นชาและมีสติต่อเธอ

นานๆ ทีเธอจะรักษาคำพูดแบบนี้ บอกว่าจะไม่ไปจากเขาตลอดไป แน่นอนว่าถ้าโม่เสี่ยวจุนยังมีชีวิตอยู่ วันหนึ่งที่เขาไม่ปรากฏตัวออกมา คำพูดของเธอก็ต้องรอพิสูจน์ต่อไป

“คุณยังไม่เชื่อฉันอีกหรอ เย่เชินหลิน ทุกประโยคที่ฉันบอกคุณฉันจริงใจทั้งหมด ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดชีวิต” ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดชีวิต มองคุณ รักคุณ เย่เชินหลิน ทำไมคุณไม่ยอมเชื่อใจฉัน

ฉันแทบอยากจะเอาหัวใจของฉันออกมาให้คุณดู เสียดายที่ฉันทำไม่ได้

เธอคิดว่าถ้าเธอบอกรักเขาตอนนี้ ก่อนที่ผลของโม่เสี่ยวจุนออกมาเขาก็ไม่มีทางเชื่อหรอก ไม่ใช่แค่ไม่เชื่อ ยังจะบอกว่าเธอมีความสมคบคิดอย่างอื่นอีกด้วย เธอไม่อยากให้ความรักที่จริงใจของเธอถูกเขาดูหมิ่นเธอก็เลยไม่พูด

ตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาอีกแล้ว รินไหลลงมาเป็นหยอดๆ เขาอยากจะไปจูบน้ำตาของเธอให้แห้ง เขาอยากจะบอกเธอว่า ไม่ว่าเธอจะทำอะไรเขาก็ยังจะชอบเธอเหมือนเดิม

เขาหลับตาลง บังคับตัวเองต้องเย็นชาให้ได้ โค้งปากขึ้นประชดอีกรอบหนึ่ง ถามเธอว่า: “อยู่เคียงข้างฉันตลอดชีวิต เธอยอมหรอ ฉันไม่ใช่โม่เสี่ยวจุน!”

“ฉันตกลง! ฉันยอม! ฉัน...” เซี่ยชีหรั่นพูดจนควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้อีกแล้ว อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกเสียง

เขาปล่อยคางเธอออก มือใหญ่ยกขึ้นมาอยากจะเช็ดน้ำตาให้เธอ แต่เมื่อเขานึกถึงว่าเขารีบวิ่งกลับมาหาเธอ แต่เธอแค่อยากจะให้เขาช่วยหาโม่เสี่ยวจุน มือของเขาก็กลับมาไว้ที่ข้างตัวเหมือนเดิมพร้อมกับกำแน่นๆ ไว้

“ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ ไม่นานเธอก็ได้เจอเขาแล้ว วางใจได้เลย” เขาพูดเฉยชาเสร็จก็หันหลังเดินออกไป

เย่เชินหลินโทรหาหลินต้าฮุย ให้เขาหาคนติดตามสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและบ้านตระกูลโม่ ดูว่ามีร่องรอยของโม่เสี่ยวจุนบ้างไหม เขาเล่าเรื่องที่เซี่ยชีหรั่นบอกว่าโม่เสี่ยวจุนยังมีชีวิตอยู่ให้หลินต้าฮุยฟังคร่าวๆ หลินต้าฮุยตอบตกลง บอกว่าจะรีบไปจัดการ。

หลังจากที่ออกไปจากวิลล่า เย่เชินหลินกลับไปบ้านตระกูลเย่อีกครั้ง จากเวลากี่วันนี้ เขากลับบ้านก็ไม่ได้จงใจหลบเย่เฮ่าหรันอีกแล้ว

ตั้งแต่หาเหยนชิงเหยียนเจอ บ้านตระกูลเย่ก็มีแต่เสียงหัวเราะอย่างเดียว สำหรับน้องชายที่อยู่ๆ ก็โผล่ออกมาคนนี้ เขาก็ไม่ใช่ว่าเชื่อผลที่ออกมานั้นร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ทุกครั้งที่สงสัย พอเห็นท่าทางมีความสุขของคุณแม่ และได้ยินเสียงหัวเราะสะใจของคุณพ่อนั้น เขาก็รู้สึกว่าถ้าไปสืบอีกก็อาจจะทำให้คนแก่สองคนเสียใจได้

อีกอย่างถึงแม้ว่าหน้าตาของเขาจะไม่ได้เหมือนคนตระกูลเย่ก็ตาม แต่ยังไงอายุและฤดูที่เขาหายไปก็ตรงกับเย่จื่อห้าน

ส่วนที่ที่เขาไปตรวจก็เป็นศูนย์ตรวจที่ใหญ่ที่สุดของมณฑลตงเจียง เมื่อก่อนเขาก็เคยไปทำการตรวจหลายครั้งแล้ว ซึ่งผลที่ออกมาก็แสดงว่าคนที่เขาพาไปไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเขา มีแต่เหยนชิงเหยียน ผลของพวกเขามีความสัมพันธ์ทางสายเลือด คนที่อยู่ในศูนย์ตรวจหลินต้าฮุยรู้จักกันดี และยังเคยสร้างความสัมพันธ์ไว้ดีแล้วด้วย พวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะเล่นกลผลของเขา

แล้วเป็นไปได้ไหมว่าเหยนชิงเหยียนเพื่อที่จะมาเกาะฐานะบ้านตระกูลเย่ เขาก็ไปซื้อใจคนในศูนย์ตรวจ การคาดเดาข้อนี้เขาจะเก็บไว้ก่อน เชื่อว่ากาลเวลาพิสูจน์ใจคนได้ ถ้าเขาไม่ได้จริงใจ สักวันก็ต้องมีพิรุธออก

เซี่ยชีหรั่นโน้มน้าวให้เขาตลอดว่าโม่เสี่ยวจุนเป็นน้องชายของเขา เขาก็ไม่ตัดออกว่ามีความเป็นไปได้แบบนี้ ถึงแม้อาจจะเป็นไปไม่ค่อยได้ก็ตาม เขาก็จะทำให้เซี่ยชีหรั่นยอมใจเหมือนกัน

“พี่ชาย เธอกลับมาแล้วเหรอ” เหยนชิงเหยียนเห็นเย่เชินหลินกลับบ้าน ยิ้มทักทายให้เขา เย่เชินหลินพยักหน้า

นั่งลงที่โซฟาในห้องรับแขก เขาถามเหยนชิงเหยียน: “ตอนนี้เสี่ยวห้านทำงานอยู่ที่ไหนเหรอ ถ้าไม่ได้พอใจงานนั้นมากนัก ก็มาทำงานที่บริษัทฝู้ซื่อกรุ๊ปก็ได้ เริ่มทำตั้งแต่ผู้จัดการแผนกเลย”

ความจริงเย่เชินหลินก็ไม่ได้จงใจจะทดสอบเขา แน่นอนว่านี่ก็เป็นวิธีที่เข้าได้ถอยได้เหมือนกัน

ถ้าเขาเป็นน้องชายของเขาจริงๆ เขาก็ต้องเข้าบริษัทฝู้ซื่อกรุ๊ปไม่ช้าก็เร็ว พี่น้องสองคนต่อสู้ด้วยกัน ถ้าเขาไม่ใช่น้องชายของเขา ให้เขาอยู่ข้างๆ ตัวเองทุกวัน ก็ยิ่งมองออกง่ายว่าเขาเป็นคนแบบไหน

เหยนชิงเหยียนยิ้มออก

“พี่ ไม่ต้องให้ผมไปทำงานที่บริษัทฝู้ซื่อกรุ๊ปหรอกนะ ผมไม่เคยเรียนหนังสือ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ให้ผมไปเป็นผู้จัดการแผนก ผมก็ทำไม่ได้อยู่ดี อีกอย่าง งานที่ผมทำตอนนี้ผมพอใจมาก ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรอก”

“ตอนนี้เธอทำงานอะไรอ่ะ” ฝู้เฟิ่งหยีก็เอ่ยถามขึ้น

พวกเขาพูดถึงตรงนี้ เสียงโทรศัพท์บ้านในห้องรับแขกก็ดังขึ้นมา แม่บ้านเสี่ยวหลันรีบวิ่งไปรับสาย

“ค่ะ รอแป๊บหนึ่งนะคะ นายหญิงคะ มีคนหาค่ะ”

“ขอบคุณจ้า!” ฝู้เฟิ่งหยีลุกขึ้นเดินไปเอาโทรศัพท์ขึ้นมาพูดว่า: “สวัสดีค่ะ ฉันคือฝู้เฟิ่งหยี”

“คุณน้าคะ หนูเอง หนูคือส้งหลิงหลิง”

“หลิงหลิงอ่า! ไม่เจอหนูมาหลายวันละ ได้ฟังหลินเอ๋อร์พูดว่าหนูยุ่งอยู่ในบ้านเหรอ”

“ใช่ค่ะ คุณน้า ช่วงนี้สุขภาพของท่านดีไหมคะ วันเกิดคุณพ่อฉันใกล้ถึงแล้ว ที่บ้านยุ่งมาก ไม่มีเวลาไปเยี่ยมท่านเลย ท่านต้องรักษาสุขภาพตัวเองด้วยนะคะ” ฟังดูแล้วอารมณ์ของส้งหลิงหลิงก็ไม่แย่ ยังสดใสเหมือนเช่นเคย ฟังไม่ออกเลยว่าเคยมีเรื่องกับเย่เชินหลินมาก่อน แล้วออกไปอย่างไม่มีความสุข

“ฉันก็ดี ทักทายคุณพ่อคุณแม่หนูแทนฉันด้วยนะ” ฝู้เฟิ่งหยีบอก

“ได้ค่ะ! คุณน้าคะ วันนี้ที่หนูโทรมาคือหนูห่วงคุณน้า อยากจะโทรมาถามดู ยังมีอีกเรื่องหนึ่งก็คืออยากจะเชิญชวนคุณน้ากับคุณลุงเย่มาร่วมงานวันเกิดของคุณพ่อหนูเมื่อวันที่สิบแปดเดือนพฤศจิกายน ยังมีเวลาอีกยี่สิบวัน แต่ว่าหนูอยากมาบอกล่วงหน้าก่อน ท่านจะได้เตรียมตัวบ้าง ท่านก็รู้ว่าเชินหลินเป็นคนที่ดื้อรั้นมาก หนูบอกเขาก็ไม่ฟังหรอก อันที่จริงพ่อแม่หนูอยากให้เขามามาก แต่ถ้าเขาไม่มาจริงๆ หนูก็เข้าใจได้ ก็คือว่าชื่อเสียง...”

“วางใจได้เลย หลิงหลิง ฉันกับคุณลุงหนูจะไปด้วยกัน และก็จะเรียกหลินเอ๋อร์ไปด้วย นี่คือสิ่งที่เขาควรทำอยู่แล้ว” ฝู้เฟิ่งหยีให้คำตอบที่แน่ใจกับส้งหลิงหลิงเมื่อเธอกำลังหยุดรอเธอพูดขึ้น

คนอื่นพูดเย่เชินหลินอาจจะไม่ฟัง แต่ในใจของเธอก็ยังรู้อยู่ว่าเธอสามารถตัดสินใจให้ลูกชายมากน้อยเพียงใด

“ขอบคุณคุณน้ามากนะคะ!” เสียงของส้งหลิงหลิงเหมือนจะสะอื้นเล็กน้อย ฝู้เฟิ่งหยีฟังแล้วก็รู้สึกสงสารมากเหมือนกัน ความจริงเย่เชินหลินก็ต้องไปอยู่แล้ว ยังไงพวกเขาก็ยังเป็นคู่หมั้นอยู่ เรื่องธรรมดาๆ แบบนี้ยังจะให้คนอื่นมาขอร้องอย่างนี้ นี่ก็คือความผิดของบ้านตระกูลเย่แล้วแหละ

“ลูกเอ้ย นี่คือสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว มีอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือฉันอาจจะพาอีกหนึ่งคนไป คนนั้นก็คือลูกชายคนเล็กที่หายไปหลายปีของฉันเอง ฉันหาเขาเจอแล้ว! คุณน้าหวังว่าทุกคนจะชอบเขา!” ความหมายของฝู้เฟิ่งหยีก็คือว่า ไม่ว่าลูกชายเธอจะรับงานที่พวกเขากำหนดมาไหมก็ตาม ยังไงเขาก็เป็นลูกชายของเธอ ไม่ว่าเธอไปที่ไหนก็ควรจะพาเขาไปด้วย ไม่ให้เขาต้องถูกมองข้าม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน