บทที่ 1026 รู้ไปถึงในวังแล้ว
บทที่ 1026 รู้ไปถึงในวังแล้ว
“ท่านแม่ ถึงแม้ว่าคุณหนูใหญ่สกุลลู่มา แต่เรื่องที่ลู่จื่อชิงทำร้ายคุณหนูหยางก็เป็นเรื่องจริง อย่างไรก็ไม่อาจกลับดำเป็นขาว” หลี่เยียนหรานเอ่ย
ฮูหยินหลี่กล่าว “ต้อนรับแขกก่อนเถอะ!”
ฮูหยินหลี่ออกมาทักทาย ถวายบังคมด้วยอย่างเคารพนบนอบ
“ถวายบังคมองค์หญิงเพคะ”
ลู่จื่ออวิ๋นมองดูฮูหยินหลี่ด้วยความกังวล “ได้ยินว่าหยางเซียงจวินได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่น้องสาวจอมซนของข้าผู้นั้นก่อหายนะครั้งใหญ่เทียมฟ้าอะไรหรือ?”
ฮูหยินหลี่ “…”
หายนะใหญ่เทียมฟ้าหรือ?
ก็ไม่ถึงขั้นนั้น…
เพียงแต่เด็กสาวสองคนทะเลาะเบาะแว้งกัน หยางเซียงจวินผลักลู่จื่อชิงก่อน ลู่จื่อชิงจึงผลักหยางเซียงจวินกลับ เพียงแต่ฝ่ายหลังโชคไม่ดี กระดูกไม่แข็งเท่าลู่จื่อชิงจึงล้มลงกับพื้น หัวฟาดพื้นหมดสติไปจนถึงตอนนี้
นางจะกล่าวว่านี่เป็นหายนะใหญ่เทียมฟ้าได้หรือ? แน่นอนว่าไม่อาจกล่าวเช่นนั้นได้
เพียงแต่หากจะบอกว่าไม่มีอะไร นั่นก็ไม่ใช่เช่นกัน
“ฮูหยินไม่ต้องเห็นแก่หน้าข้า พูดออกมาเถิด” ลู่จื่ออวิ๋นมีสีหน้ากังวล “หยางเซียงจวินเป็นพระญาติของฝ่าบาท พวกเราสกุลลู่จะกล้าล่วงเกินได้อย่างไร?”
ฮูหยินหลี่ “…”
กล่าวตามตรง ตอนนี้นางตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
จิตใจสับสนวุ่นวายราวกับด้ายพันกัน
คุณหนูใหญ่สกุลลู่สง่างามสูงศักดิ์ผู้นั้นเป็นถึงเป็นธิดาบุญธรรมของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ผู้ที่เป็นตัวแทนของทั้งอาณาจักรฮุ่ยแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับอาณาจักรเฟิ่งหลิน ย่อมไม่อาจทำให้นางขุ่นเคืองแม้แต่น้อย ฮูหยินหลี่รู้สึกว่าหายนะครั้งใหญ่กำลังจะมาเยือน
“องค์หญิงกล่าวหนักไปแล้ว” ฮูหยินหลี่เอ่ย “กล่าวไปแล้วเรื่องนี้ก็เป็นเพียงอุบัติเหตุ”
นางเกลียดลู่จื่อชิง หวังให้เรื่องนี้ยิ่งวุ่นวายใหญ่โตยิ่งดี เหตุใดคนสกุลหยางยังไม่มาอีกเล่า? คนที่ได้รับบาดเจ็บเป็นถึงคุณหนูหยาง ถือเป็นคนของราชวงศ์ ยังจะกลัวคนแซ่ลู่อีกหรือ?
“อุบัติเหตุรึ? ไม่ใช่ชิงเอ๋อร์ของเราจงใจหรือ?”
“แน่นอนว่าไม่” ฮูหยินหลี่เอ่ย “คุณหนูรองเป็นคนมีคุณธรรม อีกทั้งยังมีเมตตาเช่นนี้ จะจงใจทำร้ายผู้อื่นได้อย่างไร?”
“ฮูหยินไม่จำเป็นต้องพูดแทนนาง” ลู่จื่ออวิ๋นถอนหายใจเบา ๆ “หากนางไม่เกเรและเอาแต่ใจเช่นนี้ ไยหายนะนี้จึงหล่นใส่หัวนางเล่า? ข้าได้ยินมาว่า วันนี้มีคุณหนูสูงศักดิ์นับสิบกว่าคน คุณหนูสูงศักดิ์คนอื่น ๆ ล้วนประพฤติตนดี มีแต่นางที่ซนเสียจนทำร้ายคนที่นี่ บาดแผลของคุณหนูหยางเป็นอย่างไรบ้าง?”
“หมอหลวงบอกว่าได้รับบาดเจ็บที่สมอง ไม่รู้ว่าจะฟื้นเมื่อใด” ฮูหยินหลี่เอ่ย “นี่จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลที่สุด หากเป็นเพียงอาการบาดเจ็บเล็กน้อย แม่นางไม่กี่คนกล่าวขอโทษกัน เรื่องนี้ก็แก้ไขได้แล้ว หากหยางเซียงจวินได้รับบาดเจ็บสาหัสจนไม่อาจตื่นขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่า?”
ไม่ว่าผู้ใดถูกผู้ใดผิด ฝ่ายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสส่วนใหญ่มักเป็นฝ่ายถูก ถึงแม้ลู่จื่อชิงจะไม่ใช่คนก่อปัญหา ทว่านางทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ เช่นนั้นนางก็คือคนก่อปัญหา เรื่องนี้นางไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น
“พวกเราพาหมอหลวงมาหรือไม่?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถามคนข้าง ๆ
“ฮูหยินเซี่ยมาแล้วเพคะ” ไป๋จื่อกล่าว
ฮูหยินเซี่ย หรือก็คือหมิงจือเหยียน
หลังจากหมิงจือเหยียนแต่งงานกับเซี่ยชิงโจว นางยังคงฝึกฝนทักษะการแพทย์ไปทุกหนทุกแห่ง คราวนี้ลู่จื่ออวิ๋นกลับมา หมิงจือเหยียนก็กลับมาเช่นกัน นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้จะเป็นประโยชน์แล้ว
หมิงจือเหยียนก็เป็นลูกศิษย์ของหุบเขาเทพโอสถ อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ฉันศิษย์พี่หญิงศิษย์น้องหญิงกับเจ้าหุบเขาเทพโอสถคนปัจจุบัน ทักษะทางการแพทย์ของนางจึงไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
สำนักหมอหลวงก็มีคนของหุบเขาเทพโอสถหลายคน ทว่าถึงแม้จะร่ำเรียนมาจากอาจารย์คนเดียวกัน แต่ก็มีทั้งผู้ที่เก่งกาจและผู้ที่ด้อยกว่า ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงหมิงจือเหยียนที่เห็นได้ชัดว่ามีสถานะสูงส่ง อีกทั้งยังได้ฝึกฝนทักษะทางการแพทย์จนเชี่ยวชาญ
หมิงจือเหยียนเข้ามาตามคำสั่งของลู่จื่ออวิ๋น
“ท่านไปดูคนเจ็บข้างในก่อนเถิด”
“เพคะ”
“เป็นเพราะเรื่องหยางเซียงจวินได้รับบาดเจ็บหรือไม่?” ลู่จื่ออวิ๋นถาม
“องค์หญิง มาถึงขนาดนี้ นอกจากเรื่องดังกล่าวยังมีเรื่องใดได้อีกพ่ะย่ะค่ะ?” ขันทีเอ่ยอย่างจนปัญญา “หยางจวิ้นอ๋องเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าพระพักตร์ กล่าวว่ามีเพียงบุตรีของชายาเอกผู้นี้เพียงผู้เดียว บัดนี้เป็นตายร้ายดีไม่แน่ชัด เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วจึงขอให้ฝ่าบาทตัดสินประหารชีวิตเขาเสีย!”
ใต้เท้าหลี่และฮูหยินหลี่เริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาแล้ว
เป็นดังคาด สกุลหยางคิดจะเปิดฉากต่อสู้กับสกุลลู่…
สกุลลู่ปิดฟ้าด้วยฝ่ามือเดียว ทว่าอย่างไรก็เป็นสกุลใหม่ รากฐานยังไม่มั่นคงมากพอ เชื้อพระวงศ์เหล่านั้นไม่พอใจต่อการผูกขาดอำนาจไว้เพียงผู้เดียวของสกุลลู่มานาน เกรงว่าคงจะฉวยโอกาสนี้สร้างปัญหาแล้ว
ลู่อี้พูดคุยกับฝ่าบาทนั้นพอได้ ทว่าหากฝ่าบาทคิดจะครองบัลลังก์อย่างมั่นคง เขายังต้องการความช่วยเหลือจากเชื้อพระวงศ์ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าทุกคน เหลือไว้เพียงสกุลลู่กระมัง?
“ได้ ข้าจะไปกับนาง” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ส่วนอาการบาดเจ็บของหยางเซียงจวิน ข้าจัดเตรียมให้ฮูหยินเซี่ยรักษาแล้ว พวกท่านเพียงแค่ให้ความร่วมมือกับนางก็พอ”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ลู่จื่อชิงออกมาจากในห้อง เมื่อเห็นลู่จื่ออวิ๋นจึงเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “ข้าขอโทษ พี่หญิง ข้าทำให้ท่านเหนื่อยอีกแล้ว”
“พวกเราพี่หญิงน้องหญิงยังต้องเอ่ยเรื่องนี้กันอยู่อีกหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นคว้ามือนางมากุม “เพียงแต่ยามนี้ผู้ที่เหนื่อยเป็นฝ่าบาทแล้ว พวกเราต้องเข้าวัง”
ลู่จื่ออวิ๋นกับน้องสาวตามขันทีเข้าไปในวัง
ในพระราชวัง ฟ่านหยวนซีสวมใส่เสื้อผ้าลำลอง นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร มองหยางจวิ้นอ๋องที่กำลังร้องห่มร้องไห้ปานใจจะขาดด้วยสีหน้าไม่น่าดูชม
“ฝ่าบาท องค์หญิงกับคุณหนูรองลู่มาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีเข้ามารายงานสถานการณ์
ฟ่านหยวนซีไม่มีธิดา องค์หญิงผู้นี้มีเพียงลู่จื่ออวิ๋นธิดาบุญธรรมเท่านั้น หลังจากได้ยินคำพูดของขันทีแล้ว จึงรู้ว่าครั้งนี้สกุลลู่ให้นางออกหน้า แม้กระทั่งลู่อี้ก็ไม่ได้ออกหน้าเอง
แปลว่าเดิมทีอีกฝ่ายก็ไม่ได้เห็นคนสกุลหยางอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย!
ฟ่านหยวนซีขบขันเล็กน้อย ทั้งยังรู้สึกว่าลู่อี้นิสัยเสียเช่นนี้นี่เอง มิน่าเล่าคนมากมายถึงได้ไม่พอใจเขา โดยเฉพาะระยะนี้ที่ความเกลียดชังเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ มิหนำซ้ำยังมีขุนนางบางส่วนกล้ายื่นฎีกาฟ้องร้องพวกเขาสองพ่อลูกแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะแอด รบกวนอัพแอดตอนต่อไปด้วยนะคะ...
แอดรบกวนอับตอนที่ 994 ใหม่หน่อยค่ะ เพราะไม่เนื้อหา มีแค่ตอนมาอย่างเดียว เป็นตอนที่กำลังสนุกเลยแอด รบกวนหน่อยน้าาาาาา...
ไม่นะๆๆ เราจองน่องให้ฉาวอวี่น๊า...
เข้าใจสอน เรืดๆๆ...
แอด รออัพเดทตอนต่อไปน๊าาาาาพลีสสสสสสส...
ท่านแม่สอนลูกดีมากเลย...