บทที่ 121 จัดการเรื่องสำนักศึกษาเรียบร้อยแล้ว
บทที่ 121 จัดการเรื่องสำนักศึกษาเรียบร้อยแล้ว
“ท่านแม่ ถุงผ้าหานเอ๋อร์อยู่ที่ใด? ข้าจะเอาไปส่งให้เขา”
มู่ซืออวี่ขัดคำพูดของถงซื่อเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
ถงซื่อตบหน้าผากตัวเองดังแปะ “ดูข้าสิ เลอะเลือนจริง ๆ เลย ข้าจะไปจัดการให้”
“เช่นนั้นท่านไปจัดก่อนเถอะ รออีกสักพักลูกเขยท่านจะมารับ ข้าจะไปจัดของให้ฉาวอวี่”
หลบหนีไปก่อนจะดีที่สุด ลู่อี้มารับถุงผ้าทีหลัง ถงซื่อคงไม่กล้าถามคำถามกระอักกระอ่วนเช่นนั้นกับลู่อี้
ขณะที่มู่ซืออวี่จัดสัมภาระของลู่ฉาวอวี่ ถงซื่อก็นำสัมภาระของมู่เจิ้งหานมา
“ท่านยาย” ลู่จื่ออวิ๋นกอดลูกสุนัขสีดำไว้แล้วมองถงซื่อด้วยดวงตาเปียกชุ่ม “ข้าจะช่วยท่านถือ”
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง เจ้าถือไม่ไหวหรอก” ถงซื่อมองลู่จื่ออวิ๋นอย่างเอ็นดู “ลูกสุนัขมาจากที่ใด?”
“บ้านพวกเราเพิ่งเลี้ยง” ลู่จื่ออวิ๋นลูบขนลูกสุนัขสีดำ “ท่านแม่บอกว่า ต่อไปมันจะปกป้องบ้านเรา”
“ดี ๆ เจ้าดำปกป้องอวิ๋นเอ๋อร์ให้ดีนะ”
มู่ซืออวี่จัดสัมภาระเสร็จแล้วก็ออกมา เมื่อเห็นว่าถงซื่อมาแล้วจึงต้อนรับนาง ช่วยถือของเข้าไปไว้ในรถม้า
ลานบ้านไม่ใหญ่นัก พอมีรถม้าหนึ่งคันเข้ามาก็รู้สึกแออัดเล็กน้อย แต่ปล่อยไว้เช่นนี้ไปก่อน อีกไม่กี่วันพวกเขาเตรียมที่จะสร้างบ้านใหม่แล้ว ถึงตอนนั้นตั้งใจว่าจะทำลานบ้านให้กว้างขึ้น
“เจ้าสอนข้าบังคับรถม้าเถอะ” มู่ซืออวี่พูดกับลู่อี้
“ตอนนี้หรือ?”
“ถูกต้อง เจ้าต้องไปทำงานของเจ้า เช่นนั้นข้าจะทำอย่างไร ถ้าข้าบังคับรถม้าไม่เป็นแล้วจะทำอะไรได้ ข้าคิดว่าตนเองไม่โง่งมขนาดนั้นนะ คงไม่ยากใช่หรือไม่?”
“ได้ เช่นนั้นคราวหลังก็นั่งข้างข้า ข้าจะสอนเจ้า”
“ขอบคุณอาจารย์ลู่” มู่ซืออวี่ส่งยิ้มให้ลู่อี้
ลู่อี้หลบสายตานางอย่างเก้ ๆ กัง ๆ
เวลาที่นางยิ้ม ดวงตาของนางจะโค้งขึ้นมาราวกับพระจันทร์เสี้ยว คนที่อยู่ข้างกายนางล้วนสดใสไปด้วย ดูได้จากอวิ๋นเอ๋อร์และถงซื่อ หมู่นี้ร่าเริงสดใสขึ้นมาก รอยยิ้มนับวันยิ่งเหมือนมู่ซืออวี่ราวกับแกะ
“แม่ฉาวอวี่ พวกเจ้าสองสามีภรรยาจะไปที่ใด?”
“ฉาวอวี่กับหานเอ๋อร์ต้องเข้าไปอยู่ในสำนักศึกษา พวกเราจะเอาสัมภาระไปส่งให้”
“เจ้าส่งพวกเขาไปเล่าเรียนหนังสือจริง ๆ รึ ส่งเสียลูกชายก็แล้วไปเถอะ เหตุใดต้องส่งเสียให้น้องชายเรียนหนังสือด้วยเล่า ใช้เงินไม่น้อยเลยนะ”
รอยยิ้มของมู่ซืออวี่หายไปทันที “ใช่แล้ว ข้าตาแหลม ข้าเลยแต่งงานกับชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยม ท่านป้า ท่านต้องหัดล้างตาบ้างนะ โอ๊ะ ข้าลืมไปว่าท่านป้าแก่แล้ว ล้างตาไปก็ไม่มีประโยชน์ ขออภัย”
“นางพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?” หญิงแต่งงานแล้วคนนั้นชี้ไปที่มู่ซืออวี่แล้วสาปส่ง “นังหญิงขี้เหนียวไร้มารยาท คิดว่าทุกคนลืมแล้วรึว่าเจ้าแต่งงานกับลู่อี้ได้อย่างไร? นังคนนอกคอกไร้ยางอาย!”
“เอาล่ะ ๆ พูดให้น้อย ๆ หน่อย”
ลู่อี้ที่กำลังบังคับรถม้าพูดขึ้นเบา ๆ “เจ้านี่ไม่ยอมเสียเปรียบจริง ๆ”
“นั่นก็ต้องว่ากันตามสถานการณ์ หากปล่อยต่อไปเช่นนี้จะยุ่งยากเปล่า ๆ ข้าจะต้องอัดอั้นเจียนตายแน่ ทะเลาะกับยายเฒ่าในชนบท ข้าจะแพ้ได้อย่างไร หญิงเฒ่าพวกนั้นไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน*[1] ข้าอยู่ในหมู่บ้านทั้งวัน ถ้าพวกเขาคิดว่าข้าจัดการได้ง่าย เช่นนั้นวัน ๆ จะไม่คิดแต่คอยหาเรื่องกลั่นแกล้งข้าหรือ? ถึงคิดก็อย่าแม้แต่จะคิดเลย”
ลู่อี้หัวเราะออกมาหนึ่งที
“เจ้าหัวเราะอะไร?”
“ไม่มีอะไร”
“ไม่ใช่ว่าจะสอนข้าบังคับรถม้าหรือ?”
“ยื่นมือเจ้ามานี่”
มู่ซืออวี่ยื่นมือออกไป “หลังจากนั้นทำเช่นไรต่อ?”
ลู่อี้ส่งสายบังเหียนให้นาง จากนั้นมือใหญ่ของเขาก็จับมือนางไว้อีกที “มองไปข้างหน้า ฟังข้าสั่ง”
มู่ซืออวี่หน้าแดงก่ำ ไม่กล้าหันไปทางลู่อี้
มองไปข้างหน้าสิ…
“อีกครึ่งปีหากพวกเขาได้เลื่อนชั้น ถึงตอนนั้นก็มารับกลับไปอยู่ด้วยกันได้” ลู่อี้เอ่ยเบา ๆ “ครึ่งปีนี้ก็อย่าทำให้พวกเขาไม่มีสมาธิเลย ใช้ชีวิตในสำนักศึกษาได้ใกล้ชิดท่านอาจารย์ ไม่เข้าใจก็ถามท่านได้ ท่านอาจารย์ผู้นี้มีความสามารถ เด็กทั้งสองติดตามเขาย่อมเป็นผลดี”
“เจ้ามองไม่ผิดแน่นอน ข้าเชื่อ แต่แค่ไม่ชินน่ะ” มู่ซืออวี่สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงก้มลงไปมองแล้วรีบปล่อยเขาอย่างรวดเร็ว “ขออภัย ข้ากังวล ทำอะไรไม่ถูกเลย แหะ ๆ”
มู่ซืออวี่และลู่อี้แยกออกจากกัน
ลู่อี้มองร่างของนางเดินออกไป รู้สึกราวกับตกหลุมรักอีกครั้ง
“ท่านลู่ ท่านกำลังจะไปที่ใด? นายท่านฉินเรียกหาท่าน!”
“ข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้”
มู่ซืออวี่ไปหอหลิงอวิ๋น ชิวซวงต้อนรับนางพลางเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ท่านมาพอดี คุณหนูของเราอยากพบท่าน บอกไว้ว่าหากท่านมาแล้วให้เชิญท่านเข้าไป”
“คุณหนูอยู่ข้างบนหรือ?”
“อยู่เจ้าค่ะ เชิญตามข้ามา”
ครั้นขึ้นมาถึงชั้นสอง ขณะที่ชิวซวงกำลังจะเคาะประตู ข้างในกลับมีเสียงทะเลาะกันดังออกมา
“ซูอวี้ พ่อทำเพื่อประโยชน์ของเจ้า”
“เพื่อประโยชน์ของข้า? เหตุใดข้าต้องถอยให้พี่ใหญ่ตลอด? ท่านพ่อ หากยอมแพ้ให้ไปทั้งชีวิต ข้าจะมีประโยชน์อะไรอีก?”
“ซูอวี้ เหตุใดต้องแก่งแย่งแข่งขันเช่นนี้?”
“ถึงอย่างไรพี่ใหญ่ก็คิดจะเอาชนะข้า เช่นนั้นให้นางใช้ความสามารถ อย่าใช้วิธีสกปรกพรรค์นั้นสิ”
มู่ซืออวี่และชิวซวงมองหน้ากัน
ชิวซวงดูกระอักกระอ่วน นางเอ่ยด้วยเสียงที่เบาลง “ไม่อย่างนั้น ไปที่ห้องชา นั่งพักสักครู่ดีหรือไม่เจ้าคะ”
“แบบนั้นก็ดี”
[1] ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน หมายถึง ไม่ใช่คนที่จัดการได้ง่าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะแอด รบกวนอัพแอดตอนต่อไปด้วยนะคะ...
แอดรบกวนอับตอนที่ 994 ใหม่หน่อยค่ะ เพราะไม่เนื้อหา มีแค่ตอนมาอย่างเดียว เป็นตอนที่กำลังสนุกเลยแอด รบกวนหน่อยน้าาาาาา...
ไม่นะๆๆ เราจองน่องให้ฉาวอวี่น๊า...
เข้าใจสอน เรืดๆๆ...
แอด รออัพเดทตอนต่อไปน๊าาาาาพลีสสสสสสส...
ท่านแม่สอนลูกดีมากเลย...