บทที่ 190 นางเปลี่ยนใจแล้ว
บทที่ 190 นางเปลี่ยนใจแล้ว
ลู่เซวียนอยากจะสอบถามสถานการณ์ของเย่อิงเกอนานแล้ว เพียงแต่พี่ใหญ่บอกให้อดทนรอให้ถึงหนึ่งเดือน ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งเดือน เขาก็ไม่สะดวกถามพี่ใหญ่แล้ว
พอมู่ซืออวี่เอ่ยถึงเย่อิงเกอขึ้นมา เขาก็ได้โอกาสถาม “นางเป็นอย่างไร? โหยวจิ้นจงรังแกนางหรือไม่?”
“โหยวจิ้นจงเป็นอัมพาตแล้ว แม้แต่จะลุกออกจากเตียงยังทำไม่ได้ เดิมทีเขามีเมียหลวงคนหนึ่ง ทว่าเมื่อนางเห็นเขากลายมาเป็นเช่นนี้ จึงขอแยกทางกับเขา คนในสกุลโหยวตำหนิเย่อิงเกอที่ไม่ดูแลโหยวจิ้นจงให้ดี ทว่าเย่อิงเกอกลับตั้งท้องขึ้นมา ตอนนี้บิดามารดาของเขาจึงตั้งตารอให้ในท้องของนางเป็นผู้สืบทอดสกุลของสกุลโหยว หลังจากเมียหลวงจากไป ตอนนี้เย่อิงเกอจึงมารับหน้าที่นั้น กลายเป็นนายหญิงของสกุลโหยวไปแล้ว วันนี้นางเรียกข้าไปหา นางบอกว่าจะไม่ออกจากสกุลนั้น”
วันนี้ฮูหยินที่มู่ซืออวี่พบที่เรือนหรงหยางคือเย่อิงเกอ
เย่อิงเกอเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากคนที่ไม่กล้าสู้หน้าคนและนิ่งเงียบตอนพบกันครั้งแรกกลับกลายเป็นเจ้าบ้านคอยจัดการดูแลจวน ทั้งยังแต่งกายหรูหราอีกต่างหาก
“นางท้องหรือ?”
“ใช่”
“เหตุใดจึงบังเอิญเช่นนี้?”
มู่ซืออวี่คิดในใจ ‘ใช่แล้ว บังเอิญอะไรเช่นนี้’
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะท้องจริงหรือแสร้งทำ ในเมื่อเป็นทางเลือกของนาง เช่นนั้นก็แล้วแต่นางเถอะ อันที่จริงในสถานการณ์เช่นนาง การรั้งอยู่ที่สกุลโหยวย่อมมีชีวิตที่ดีกว่า อย่างไรโหยวจิ้นจงผู้นั้นก็ทำอะไรนางไม่ได้แล้ว
“สุดท้ายก็วางใจได้เสียที ขอแค่เพียงนางมีชีวิตที่ดีก็พอ หากพี่ชายของนางรู้คงยินดี”
“นางทำการสั่งซื้อสินค้ากับข้า ถ้าเจ้ามีเรื่องอะไรอยากบอกก็ฝากข้าไปได้”
“ไม่จำเป็น เจ้าบอกให้นางใช้ชีวิตให้ดีก็พอแล้ว แต่ถ้าหากมีวันใดที่นางเสียใจขึ้นมา อยากออกมาจากสกุลโหยว อยากได้ความช่วยเหลือจากข้า ข้าก็ยังเต็มใจช่วยนาง”
ลู่เซวียนเร่งเขียนเล่มที่หกให้ทันตามกำหนด ไม่กี่วันต่อมาก็เขียนจบ
พอดีกับที่วันนั้นเป็นวันหยุดของลู่เซวียน มู่ซืออวี่จึงพาเขาไปที่หอหนังสือหงเหวิน
ณ หอหนังสือหงเหวิน ผู้ตรวจหนังสือฟางอ่านเนื้อหาเล่มที่หกจบก็เงยหน้าขึ้น กล่าวกับลู่เซวียนว่า “เขียนได้ไม่เลว พี่สะใภ้ของเจ้าบอกเจ้าแล้วกระมัง? เมื่อหนังสือชุดนี้ทำเสร็จแล้วเจ้าจะต้องลงลายมือ”
“พี่สะใภ้บอกไว้แล้ว”
ขณะที่ลู่เซวียนเอ่ย เขาก็นำกระดาษเปล่ามาจากอีกฝ่ายแล้วเขียนคำหนึ่งลงไปอย่างมีชีวิตชีวา
‘ซวีไฮว่’
“ตัวอักษรเช่นนี้ช่างน่าสนใจ ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน” ผู้ตรวจหนังสือฟางเอ่ย “ให้กลิ่นอายความเงียบงัน แต่ละเอียดลออ”
“พี่สะใภ้สอนข้า” ลู่เซวียนกล่าว “ถึงแม้ลายมือของพี่สะใภ้จะไม่ดีนัก ทว่ามีศิลปะในการเขียน ข้าซึมซับความรู้สึกเช่นนี้มาบ้าง”
“เจ้ามีพี่สะใภ้ที่ดี นางนับว่าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากในชีวิตของเจ้า” ผู้ตรวจหนังสือฟางถอนหายใจ
ลู่เซวียนไม่เอ่ยสิ่งใด ทว่าเขายอมรับอยู่ในใจ
“จริงสิ ข้าหาจิตรกรได้แล้ว อีกเดี๋ยวพวกเจ้าก็จะได้พบกัน” ผู้ตรวจหนังสือฟางกล่าว “ดูจากเวลาคงมาถึงในไม่ช้า”
เสียงของคนดูแลหอดังขึ้นมาจากข้างนอก บ่งบอกว่าจิตรกรมาถึงแล้ว
“เชิญเข้ามา”
ชายสวมชุดขาวผู้หนึ่งเดินเข้ามา แสดงท่าทางเคารพไปทางผู้ตรวจหนังสือฟาง “ผู้ตรวจหนังสือฟาง”
ครั้นกล่าวจบ เขาก็หันมามองลู่เซวียนและมู่ซืออวี่ที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นมู่ซืออวี่ ความประหลาดใจก็แวบผ่านแววตาของเขา
“นี่เป็นจิตรกรที่ข้าเลือกมา” ผู้ตรวจหนังสือฟางกล่าว “พวกเจ้าทำความคุ้นเคยกันเสีย”
“คุณชายอัน พวกเราพบกันอีกแล้ว” มู่ซืออวี่ทักทายอย่างเป็นกันเอง
ผลไม้นับว่าเป็นของราคาแพง ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้ของมู่ซืออวี่ นางย่อมฟุ่มเฟือยในบางครั้งบางคราได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องต้อนรับแขก นางยอมปอกผลไม้ไปให้ทาน ผู้ใดก็ไม่สามารถบอกว่านางไม่จริงใจ
ในหมู่บ้านใกล้เคียงมีสวนผลไม้ จะกล่าวไปแล้วก็แปลกนัก ในยุคนี้มีผลไม้ค่อนข้างหลากหลายชนิด แตกต่างจากยุคจีนโบราณมาก ที่นี่มีผลไม้และผักมากมาย ไม่ต้องกังวลว่าเสบียงจะขลาดแคลน
ถึงแม้วัตถุดิบจะไม่ขาดแคลน แต่กลับขาดคนที่รู้ว่าจะใช้สอยมันอย่างไร
“พวกท่านสามคนตัดสินใจแล้วหรือ?” มู่ซืออวี่มองเฟิงเจิง เจี่ยงจง และหวังต้าชุน
“ตัดสินใจแล้ว” ทุกคนเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ทันทีที่พวกเจ้าเขียนชื่อลงไปแล้ว ก็จะไม่มีโอกาสหันหลังกลับแล้วนะ”
“พวกเราจะไม่คืนคำ”
“ตอนแรกข้าคิดจะรับแค่สองคน แต่ในเมื่อพวกท่านทั้งสามอยากเรียนรู้ เช่นนั้นข้าก็จะรับไว้หมดแล้วกัน!”
หากเป็นคนอื่น นางอาจจะต้องครุ่นคิดให้ดี แต่ทั้งสามคนเชื่อมั่นในตัวนางตั้งแต่แรก ทั้งยังทำอะไรคล่องแคล่ว รับไว้ทั้งหมดก็ไม่เป็นไร
พี่น้องทั้งสามคนดีใจเป็นอย่างมาก
นึกว่าจะเกิดการต่อสู้ระหว่างพี่น้องเสียอีก ก่อนหน้านี้นางไม่เป็นสุขมากนัก ทว่าตอนนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลแล้ว
“หากพวกท่านอยากเป็นศิษย์ข้า เช่นนั้นคนทำงานก็จะขาดไป เฟิงเจิง ตอนนี้เจ้าเป็นคนที่คอยจัดการให้ข้า ข้าจะปล่อยเรื่องหาคนให้เป็นหน้าที่ของเจ้า” มู่ซืออวี่กล่าว
“ได้” เฟิงเจิงรับคำ
ตอนที่มู่ซืออวี่ออกมาจากห้องทำงาน นางก็เห็นอันอี้หางยืนอยู่หน้าไม้เท้าพอดี
“คุณชายอัน ท่านอยากจะซื้ออะไรหรือ?”
“ข้าได้ยินว่าไม้เท้านี้มีไว้สำหรับคนชรา ข้าอยากได้สำหรับคนตาบอด ไม่ทราบว่าฮูหยินลู่มีหรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
กำลังสนุกเลยค่ะแอด รบกวนอัพแอดตอนต่อไปด้วยนะคะ...
แอดรบกวนอับตอนที่ 994 ใหม่หน่อยค่ะ เพราะไม่เนื้อหา มีแค่ตอนมาอย่างเดียว เป็นตอนที่กำลังสนุกเลยแอด รบกวนหน่อยน้าาาาาา...
ไม่นะๆๆ เราจองน่องให้ฉาวอวี่น๊า...
เข้าใจสอน เรืดๆๆ...
แอด รออัพเดทตอนต่อไปน๊าาาาาพลีสสสสสสส...
ท่านแม่สอนลูกดีมากเลย...