สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 325

บทที่ 325 เด็กคนนี้มีความทะเยอทะยาน

บทที่ 325 เด็กคนนี้มีความทะเยอทะยาน

ณ จวนตระกูลเจียง เจียงเหล่าเขียนตัวอักษรที่งดงามดั่งหงส์ร่อนมังกรรำลงไป จากนั้นจึงถามโหมวซื่อ*[1] ที่อยู่ข้าง ๆ “เป็นอย่างไร?”

โหมวซื่อหัวเราะพลางเอ่ยว่า “ตัวอักษรของเก๋อเหล่า*[2] แม้ฝ่าบาทยังชื่นชม”

“ข้าป่วยเสาะแสะ ร่างกายย่อมไม่ได้ดีดังเดิม กระทั่งมือของข้ายังไร้เรี่ยวแรง” เจียงเหล่าเขียนต่อไป “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าลู่อี้วางแผนจะลงมือกับเจี่ยงถิงจืองั้นหรือ?”

“หากดูจากเรื่องที่เขาทำไม่นานมานี้ หมายความเช่นนั้นจริง ๆ ขอรับ ลู่อี้ผู้นี้ช่างกล้าจริง ๆ เจี่ยงถิงจือไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน*[3] อีกทั้งไม่ใช่นายอำเภอคิดน้อยคนก่อนหน้า”

“เด็กคนนี้มีใจฝักใฝ่ทะเยอทะยาน” เจียงเหล่ากล่าวเบา ๆ “มีใจทะเยอทะยานสิดี คนหนุ่มสาวต้องไม่มีกฎเกณฑ์คอยเหนี่ยวรั้ง หากขาดจิตวิญญาณการต่อสู้ทั้งที่อายุยังน้อยเช่นนี้ พอใจกับสถานะขุนนางต่ำต้อยเพียงนี้ เหตุใดต้องเหลือเขาไว้?”

โหมวซื่อเห็นด้วย

“ส่งคนไปจับตาดูไว้ก่อน ดูซิว่าเขาจะมีอะไรให้ข้าประหลาดใจอีก หรือจะทำให้ข้าต้องทิ้งหมากตัวนี้ไป” เจียงเหล่าหยุดเขียน จากนั้นขยำกระดาษเป็นก้อนกลม “ตัวอักษรที่ดีต้องค่อย ๆ ขัดเกลาไปทีละน้อย ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจเขียนได้ดี”

เสียงของผู้ติดตามดังขึ้นมาจากข้างนอก “คุณหนู นายท่านกำลังปรึกษาหารือเรื่องสำคัญอยู่ขอรับ”

“เช่นนั้นอีกประเดี๋ยวข้าจะมาถวายความเคารพท่านตา” เฉินซือจวินเอ่ยเบา ๆ

“ให้คุณหนูเข้ามา” เจียงเหล่าเอ่ยขึ้น

เฉินซือจวินที่กำลังจะจากไปได้ยินคำพูดของเจียงเหล่า จึงถือน้ำแกงกำลังอุ่นพอเหมาะเข้ามา

“ท่านตา หลานทำน้ำแกงสาลี่มาให้ท่านเจ้าค่ะ ท่านลองชิมดูว่ารสชาติเป็นอย่างไร” เฉินซือจวินเอ่ยว่า “หมู่นี้ท่านมักจะไอบ่อย ๆ สาลี่มีสรรพคุณบำรุงร่างกาย จะต้องช่วยได้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”

“จวินเอ๋อร์ช่างกตัญญูจริง ๆ” เจียงเหล่าเอ่ยอย่างรักใคร่ “นั่งลงเถอะ ไม่ต้องยืนแล้ว”

โหมวซื่อค้อมหัวคำนับเฉินซือจวินแล้วออกไป

“ท่านตา ท่านสวมเสื้อผ้าบางเกินไปแล้ว ควรจะสวมใส่ชุดคลุมหน่อยนะเจ้าคะ” เฉินซือจวินเดินไปยังชั้นที่อยู่ไม่ห่างออกไป นางคว้าเสื้อคลุมมา จากนั้นจึงสวมให้เจียงเหล่า

“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้สักพักแล้วกระมัง คิดว่าที่นี่เป็นอย่างไร?” เจียงเหล่าถามไถ่

เฉินซือจวินไม่เข้าใจ นางตอบไปว่า “ก็ดีนะเจ้าคะ ที่นี่ภูเขาสวยน้ำใส มีอะไรสนุก ๆ มากมายเลยเจ้าค่ะ”

“มีสหายคบหาบ้างหรือไม่?” เจียงเหล่าถามอีกครั้ง

“ผู้คนที่นี่กระตือรือร้นดีเจ้าค่ะ เพียงแต่ข้ามีสหายไม่กี่คนเท่านั้น” เฉินซือจวินกล่าว “ท่านตาโปรดวางใจ หลานไม่สร้างปัญหาให้ท่านแน่นอนเจ้าค่ะ”

“ผู้อื่นก็แล้วไปเถอะ ครอบครัวลู่เจ้าก็สามารถไปมาหาสู่ได้” เจียงเหล่าเอ่ย “กิจการเรือนกรุ่นฝันก็ไม่เลว เจ้าไปดูแลกิจการของพวกเขาสักหน่อย”

เฉินซือจวินยิ้มกว้าง “ท่านตาโปรดวางใจ ข้ามีไมตรีกับคนครอบครัวลู่ค่อนข้างดีทีเดียวเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นก็ดี” เจียงเหล่าพยักหน้า “สถานะของเจ้า จะเลือกคุณชายผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงก็เลือกได้ตามใจชอบ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร รอให้กลับไปเมืองหลวงแล้ว ข้าจะหาคู่แต่งงานดี ๆ ให้เจ้า”

ไม่ว่าเฉินซือจวินจะโง่งมเพียงใดก็ยังฟังความหมายของเจียงเหล่าออก

เจียงเหล่าให้นางไปมาหาสู่กับคนครอบครัวลู่ให้มากขึ้น อีกทั้งยังเปรยว่ากลับไปเมืองหลวงแล้วจะหาคู่ครองที่ดีให้นาง นี่เป็นการบอกเป็นนัย ๆ ว่าให้นางหยุดตามตอแยลู่อี้ จนทำลายแผนการที่เขาวางไว้เป็นอย่างดี

“หลานเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

เข้าใจก็ส่วนเข้าใจ หากไม่ทำตามรับปากก็ช่วยไม่ได้แล้ว

ท่านตาของนางอยู่ในสนามการเมือง รู้จักเพียงแต่ผลประโยชน์และการใช้ประโยชน์ จะรู้จักความรู้สึกที่ไม่อาจหักห้ามใจได้อย่างไร

นางเองก็อยากยอมแพ้ต่อลู่อี้แล้วเลือกใครสักคนที่สนใจนาง จะได้ไม่ทุกข์ใจมากมายเพียงนั้น ทว่านางตกหลุมรักลู่อี้ไปแล้ว ไม่เหลือสายตาไว้เหลียวแลบุรุษอื่น

ฉะนั้น… นางไม่มีวันยอมแพ้อย่างง่ายดายแน่นอน

ณ ร้านสาวทอผ้า

ฟ่านอวี๋คว้ามือเล็ก ๆ ของลู่จื่ออวิ๋นมาดู ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น “เหตุใดมือเจ้าจึงมีแผลมากมายเช่นนี้ เมื่อคืนฝึกอยู่ที่บ้านใช่หรือไม่?”

ลู่จื่ออวิ๋นก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด “ข้าขอโทษ ท่านอาจารย์ ข้าอยากฝึกฝน เพียงแต่แสงมันมืดเกินไป ข้าจึงเผลอทิ่มมือไปสองสามครั้ง”

“มีกี่แผลล่ะนี่ มากกว่าสิบแผลกระมัง” ฟ่านอวี๋เอ่ยอย่างปวดใจ “มือของเจ้าบาดเจ็บเช่นนี้ วันนี้ไม่ต้องปักแล้ว รักษามือของเจ้าให้หายก่อน”

อันอวี้เดินเข้ามาเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ เป็นข้าที่ไม่ได้ดูแลนางให้ดี”

ฟ่านอวี๋เฝ้ามองร่างหนึ่งเดินออกมา

ชายผู้นั้นมองเห็นนางแล้วเช่นกัน

ฟ่านอวี๋จึงเอ่ยกับลู่จื่ออวิ๋นว่า “อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าอยู่คุยกับน้าและพี่ชายของเจ้าไปก่อน อีกเดี๋ยวข้าจะกลับมา”

“ทราบแล้วเจ้าค่ะ อาจารย์”

ลู่จื่ออวิ๋นกล่าวจบแล้วจึงได้รู้สึกตัว

แล้วอาจารย์จะไปไหน?

นางเห็นฟ่านอวี๋เดินไปหาท่านอาจารย์เหวิน

“ที่แท้อาจารย์ของข้าก็รู้จักกับอาจารย์ของพวกท่านนี่เอง!”

เหวินอวี่เซวียนเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ดูเหมือนวันนี้ข้าจะมีบุญปากอีกแล้ว”

“เพียงแค่ฝีมือพอถูพอไถไปได้เท่านั้น เทียบกับภัตตาคารใหญ่ข้างนอกไม่ได้แม้แต่น้อย” ฟ่านอวี๋กล่าว “ท่านไม่รังเกียจก็ใช้ได้แล้ว”

“ขอบคุณ” เหวินอวี่เซวียนยิ้มบาง ๆ

“ข้าทำเสื้อผ้ามาชุดหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะพอดีหรือไม่ หากไม่พอดีก็ขอให้บอกข้า ข้าจะนำไปปรับให้”

“เสี่ยวอวี๋ ไม่จำเป็นแล้ว” เหวินอวี่เซวียนส่ายหัวเบา ๆ “ข้าไม่ควรค่ากับมัน เจ้านำกลับไปเถอะ”

“ตอนนี้แม้กระทั่งเสื้อผ้าชุดหนึ่ง ท่านก็ไม่ยอมรับของจากข้าแล้วหรือ?” ฟ่านอวี๋ยิ้มฝืดเฝื่อน

“ข้ารับอาหารมาแล้ว ถือว่ารับความหวังดีของเจ้าแล้ว อย่างอื่นไม่อาจรับ” เหวินอวี่เซวียนรับตะกร้าในมือของนางไป “ขอบคุณ”

[1] โหมวซื่อ คือ นักวางแผนในสมัยโบราณ

[2] เก๋อเหล่า คือ อำมาตย์

[3] ตะเกียงประหยัดน้ำมัน หมายถึง คนที่จัดการด้วยยาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย