สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 392

บทที่ 392 หร่วนฉีช่วยนางเอาไว้

บทที่ 392 หร่วนฉีช่วยนางเอาไว้

“คุ้มกันฮูหยิน!” เหล่านักการยืนบังมู่ซืออวี่เอาไว้

มู่ซืออวี่หยิบถุงเงินออกมาจากเอว

ทันทีที่ชายชุดดำทะยานเข้ามาหา นางก็ขว้างผงปูนขาวออกไปทันที

ตุ้บ! ชายชุดดำคนหนึ่งล้มลง

เขาปิดตาและส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา

ทว่าลูกไม้เช่นนี้ใช้ได้ผลแค่ตอนอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวเท่านั้น ใช้ต่อหน้ายอดฝีมือได้เพียงครั้งเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะทำสำเร็จในครั้งที่สอง

สายตาของนักฆ่าที่เหลืออีกสี่คนลุกเป็นไฟ ดูก็รู้ว่าพวกเขาอยากจะสับนางเป็นชิ้น ๆ

เดิมทีเหล่านักการก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของนักฆ่าเหล่านี้อยู่แล้ว พริบตาเดียวพวกเขาทั้งหมดก็บาดเจ็บจากการต่อสู้

ส่วนจื่อซูนั้นถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บ ทว่านางยังคงยืนหยัดอยู่ตรงหน้ามู่ซืออวี่

มู่ซืออวี่เหลือบมองรถม้า จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปนั่งแล้วตะโกนเสียงดังลั่น “ข้าอยู่นี่! เก่งจริงก็มาจับข้าให้ได้สิ”

พวกนักฆ่าตามนางไป

มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะดึงความสนใจพวกเขาได้ ทำอย่างนี้คนอื่น ๆ จะได้ปลอดภัย

“ฮูหยิน ท่านบ้าไปแล้ว!” จื่อซูร้องลั่น

รถม้าจากไปแล้ว

นักฆ่าสี่คนรีบตามไปทันที

ในตอนนี้เอง ร่างเงาในชุดสีม่วงก็ปรากฏตัวขึ้น

คนผู้นั้นรูปโฉมงามพริ้ง อ้อ ควรจะเป็นหล่อเหลาสิ อย่างไรเสีย หากเข้าไปมองใกล้ ๆ ก็จะพบว่าคนผู้นี้เป็นบุรุษ หาใช่สตรีงามล้ำที่ไหน

หร่วนฉีเห็นรถม้าของมู่ซืออวี่อยู่บนถนน และได้ยินผู้คนพูดคุยกันเรื่องนี้ จึงรู้สึกแปลกใจที่นางนำนักการมากมายติดตามไปด้วย เขาจึงรีบไล่ตามมา

ทว่าเมื่อเขามาถึงก็เกิดการต่อสู้ขึ้นที่นี่แล้ว

“เจ้าเป็นผู้ใด? เหตุใดจึงเข้ามาแส่เรื่องของเรา?” นักฆ่าตัวผอมบางเอ่ยถาม

“ไม่ช้าพวกเจ้าก็ต้องได้รับผลของการกระทำ พวกเจ้าลงมือรังแกสตรีเพราะคิดว่าตนมีฝีมือ วันนี้ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้ลิ้มรสความรู้สึกของการขุดหลุมฝังศพตัวเอง” หร่วนฉีชักกระบี่ที่เอวออกมา

จื่อซูดึงลูกธนูบนไหล่ออก เอ่ยกับเหล่านักการว่า “‘เถ้าแก่เนี้ยฉีนั่นเป็นสหายฮูหยินของพวกเรา ในเมื่อนางมีฝีมือร้ายกาจ เช่นนั้นที่นี่ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่นาง พวกเราไปพาฮูหยินกลับมาเถอะ”

มู่ซืออวี่เห็นว่าไม่มีคนตามนางมาจึงดึงสายบังเหียนหยุดรถม้าลง

นางหันไปมองรอบ ๆ พบว่าที่แห่งนี้รายล้อมไปด้วยภูเขา หากไม่กลับไปก็ต้องเดินหน้าต่อ ไม่มีทางอื่นแล้ว

“ฮูหยิน…” เสียงของจื่อซูดังขึ้น

มู่ซืออวี่หันหัวม้ากลับไป นางมองจื่อซูที่ตัวโอนเอนอยู่บนหลังม้า เมื่อเห็นว่าบนบ่าของอีกฝ่ายมีเลือดจึงรีบโผเข้าไปหา

“นักฆ่าพวกนั้นเล่า? เจ้าสลัดพวกเขาทิ้งไปแล้วใช่หรือไม่?”

“เถ้าแก่ฉีมาเจ้าค่ะ เขาขวางนักฆ่าเหล่านั้นไว้ บ่าวจึงพาคนมาหาท่าน”

“เถ้าแก่ฉีมีวรยุทธ์หรือ?” มู่ซืออวี่ประหลาดใจ

“ไม่เพียงมีวรยุทธ์เท่านั้น ฝีมือของเขายังร้ายกาจมากอีกด้วย บ่าวมั่นใจว่านักฆ่าสี่คนนั้นไม่คณามือเขาแน่นอนเจ้าค่ะ มิเช่นนั้นพวกเรากลับดีหรือไม่เจ้าคะฮูหยิน?”

“อาจารย์ฟ่านเป็นอย่างไรบ้าง? ไม่รู้ว่าจั่วอวิ๋นหู่ช่วยนางไว้ได้หรือยัง แล้วไหนจะคนสวมหน้ากากคนนั้นอีก เขาจะลงมือกับอาจารย์ฟ่านหรือไม่ เช่นนั้นความปลอดภัยของอาจารย์ฟ่าน…”

“ฮูหยิน ท่านอย่าได้กังวลไปเลยเจ้าค่ะ จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”

มู่ซืออวี่พยุงจื่อซู “เจ้าเข้าไปในรถม้าก่อน โชคดีที่ทุกครั้งที่ข้าออกมาข้างนอกมักจะคิดแผนต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้า ครั้งนี้จึงนำกล่องยาจากบ้านมาด้วย”

เหล่านักการก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเช่นกัน

จั่วอวิ๋นหู่ได้รับบาดเจ็บ เขาใช้มือกดท้องเอาไว้ ขณะที่มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด

ฟ่านอวี๋พยายามใช้ผ้าเช็ดหน้าอุดปากแผลเอาไว้ สายตานางเต็มไปด้วยความกังวล

“รีบขึ้นไปในรถม้า” มู่ซืออวี่กล่าว

นางหันกลับมามองหร่วนฉีอีกครั้ง เขากำลังคุมตัวคนสวมหน้ากาก ผู้สร้างความวุ่นวายโกลาหลตลอดสองวันมานี้

ก่อนจะเห็นว่าบาดแผลของคนสวมหน้ากากสาหัสยิ่งกว่า ขาและแขนข้างหนึ่งหักไปแล้ว แม้คิดจะหลบหนีก็ไม่อาจทำได้ และต่อให้คิดจะลงมือก็ไร้ความสามารถ

เขาจ้องมองมู่ซืออวี่ด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด “ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”

พลั่ก!

หร่วนฉีต่อยเข้าที่ท้องอีกฝ่ายหนึ่งที

คนสวมหน้ากากนั่งคุกเข่าลงลงด้วยความเจ็บปวด

ทุกคนมุ่งหน้ากลับเข้าเมือง เมื่อพวกเขาผ่านประตูเมืองเข้าไป ผู้คนต่างก็พากันหวาดกลัวเมื่อเห็นสภาพสะบักสะบอมหลังการต่อสู้

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? นั้นมิใช่ฮูหยินนายอำเภอหรือ? นางออกไปเที่ยวหนึ่ง เหตุใดจึงนำคนพิลึกพิลั่นเหล่านี้กลับมา?”

“ยังมีศพอีกด้วย! หรือว่าจะเป็นโจรป่า”

“ข้าได้ยินมาว่า เมื่อคืนนี้มีคน…”

ถึงแม้คนที่รู้เรื่องฟ่านอวี๋ถูกลักพาตัวจะมีไม่มากนัก ทว่าเรื่องราวก็ยังคงแพร่สะพัดออกไป งานเลี้ยงเมื่อวานนี้มีผู้คนมากมาย อีกทั้งยังมีศัตรูคู่อาฆาตของฟ่านอวี๋ อีกฝ่ายจะไม่ฉวยโอกาสนี้ใส่ร้ายนางได้อย่างไร

“นางถูกโจรป่าลักพาตัวไปหนึ่งคืนหรือ? เช่นนั้นความบริสุทธิ์ของนาง…”

“เอาล่ะ สตรีหนึ่งคนถูกลักพาตัวไปก็น่าเวทนามากแล้ว อย่าได้สาดน้ำโคลนใส่คนเขาเลย”

ณ โรงหมอถงตั๋ว ท่านหมอจูมองผู้บาดเจ็บจำนวนมาก เขาขมวดคิ้วอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งรักษาบาดแผลของทุกคนจนเสร็จสิ้น

“ผู้ใดต้องการทำร้ายมู่ซืออวี่กันแน่?” ท่านหมอจูถาม “ถึงแม้เจ้าจะเป็นคนค้าขายแต่คนที่ล่วงเกินไว้ก็มีไม่น้อย หรือว่าเจ้าช่วงชิงโอกาสทางการค้ามากเกินไปจึงมีคนทนไม่ไหว? ฆ่าฮูหยินขุนนางเพื่อการค้า นี่อีกฝ่ายไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ? หรือเพราะลู่อี้ไม่อยู่ที่นี่ จึงมีคนฉวยโอกาสสังหารฮูหยินของเขาเพื่อตักเตือน? โธ่เอ๊ย เรื่องของพวกเจ้าช่างซับซ้อนเหลือเกิน รีบตรวจสอบออกมาให้กระจ่างเถิด ไม่เช่นนั้นภายหน้าคงไม่สงบเป็นแน่”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย