สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 554

บทที่ 554 อาการเจ็บใจของเซวียนอ๋อง

บทที่ 554 อาการเจ็บใจของเซวียนอ๋อง

“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว” เริ่นอู่กระตือรือร้นขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำถามของฟ่านเหยี่ยน

หากฟ่านเหยี่ยนเอ่ยถามเรื่องในราชสำนักกับเขา เขาย่อมไม่มั่นใจเพียงนี้ ทว่าเมื่อถูกถามเรื่องระหว่างบุรุษและสตรี เขาคุ้นเคยกับเรื่องเหล่านี้มาก ย่อมสามารถคุยโวได้สามวันสามคืนโดยไม่ซ้ำกัน

“อนุหลายคนของข้าน่ะ ผู้หนึ่งดียิ่งกว่าผู้หนึ่ง…” เริ่นอู่คุยโวโอ้อวดไม่ยอมหยุด

ฟ่านเหยี่ยนเอ่ยขัดเขาอย่างหมดความอดทน “ปกติเจ้าทำให้พวกนางมีความสุขอย่างไร?”

“สตรีล้วนกล่อมง่าย เพียงแค่มอบชาดและแป้งตลับเล็ก ๆ น้อยๆ มอบเครื่องประดับเงินเครื่องประดับทองให้บ้างเป็นบางโอกาส แต่ละคนล้วนยิ้มแย้มราวดอกไม้บานแล้ว…”

ฟ่านเหยี่ยนยิ่งได้ฟังยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม

เหล่านี้ล้วนเป็นลูกไม้ที่ใช้รับมือกับสตรีธรรมดาทั่วไป

เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์ดูเหมือนสตรีธรรมดาหรือ?

เขาป่วยจนต้องรีบไปหาหมอแล้วจริง ๆ ถึงได้มาถามเจ้าทึ่มคนนี้

“ท่านอ๋องตกอยู่ในวังวนความรักใช่หรือไม่?” ขุนนางวัยกลางคนข้าง ๆ เขาเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นก็ต้องดูว่าแม่นางที่องค์ชายพึงใจเป็นคนเช่นใด องค์ชายจะได้เขียนเทียบยาให้ถูกกับอาการ ค่อย ๆ คิดหาหนทางไป จะต้องทำให้นางประทับใจได้อย่างแน่นอน”

“ค่อย ๆ คิดหาหนทางไปงั้นหรือ?”

“ใช่แล้ว อย่าได้รีบร้อน ค่อย ๆ คิดหาหนทางไป” ขุนนางวัยกลางคนผู้นั้นกล่าว “สตรีที่ท่านอ๋องชมชอบต้องมิใช่สตรีธรรมดาอย่างแน่นอน หากแม่นางเช่นนั้นประทับใจโดยง่ายก็คงเป็นเพียงสตรีที่รู้จักแค่แต่งหน้าประทินโฉมด้วยแป้งราคาถูก ท่านอ๋องจะตกหลุมรักสตรีพื้น ๆ เช่นนั้นได้อย่างไร? แม่นางผู้นี้ย่อมมิใช่คนตกลงใจง่ายดายเพียงนั้น ท่านทำได้เพียงค่อย ๆ คิดหาหนทางไปแล้ว”

“ท่านพูดถูก” ฟ่านเหยี่ยนฮึดขึ้นมาอีกครั้ง “หากทำให้นางตกลงใจได้ง่ายดายเพียงนั้น เช่นนั้นนางก็มิใช่แม่นางที่ข้าชอบแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น นางยังเล็ก ตอนนี้ยังไม่มีความคิดเรื่องรักใคร่ก็เป็นเรื่องปกติ เหตุใดเมื่อครู่ข้าจึงแสดงสีหน้าเช่นนั้นต่อนางนะ? ไม่ควรทำเลยจริง ๆ”

ฟ่านเหยี่ยนปลอบใจตนเอง คิดแค่เพียงรอบกายลู่จื่ออวิ๋นไม่มีชายอื่น ไม่ช้าก็เร็วเขาย่อมได้แม่นางคนงามผู้นี้มาอยู่ในอ้อมกอด

อย่างไรก็ตาม เซวียนอ๋องหาได้รู้ไม่ว่าสตรีที่เขาเฝ้าถวิลกำลังจะตัดเย็บเสื้อให้ชายหนุ่มอีกคน

เซี่ยเฉิงจิ่นยืดแขนออกไป มองดูแม่นางน้อยที่สูงเพียงอกตนแล้วเอ่ยว่า “ปกติเจ้าดื่มเพียงน้ำค้าง ไม่ทานข้าวหรือ?”

มิเช่นนั้นเหตุใดถึงได้ตัวเล็กจ้อยเพียงนี้?

สิ่งสำคัญที่สุดคือผิวของนานเนียนละเอียดจนมองไม่เห็นแม้กระทั่งรูขุมขน นางคงมิได้โตมาด้วยการดื่มน้ำค้างจากแดนเซียนกระมัง?

ลู่จื่ออวิ๋นใช้สายวัดวัดรอบเอวเขา เมื่อได้ยินเขากล่าวเช่นนั้น นางพลันออกแรงที่มือ ดึงสายวัดรัดเอวเขาแน่นกว่าเดิม

เซี่ยเฉิงจิ่นหน้าเปลี่ยนสี สายตาที่ใช้มองลู่จื่ออวิ๋นแปลกไปจากเดิม

“ใช่แล้ว ครอบครัวข้ายากจน ไม่มีเงินพอซื้อข้าวกิน” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

เซี่ยเฉิงจิ่นหัวเราะออกมาเบา ๆ

ลู่จื่ออวิ๋นเงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงง มองเขาด้วยความประหลาดใจ

เขาหัวเราะแล้วจริง ๆ!

คนผู้นี้แต่ไหนแต่ไรมักจะมีท่าทีเคร่งขรึมอยู่เสมอ อายุยังน้อยกลับทำตัวราวกับผู้ใหญ่ นางนึกว่าเขาหัวเราะไม่เป็นเสียอีก!

“วัดเสร็จแล้วหรือยัง?” เซี่ยเฉิงจิ่นเลิกคิ้วขึ้น

ลู่จื่ออวิ๋นถอนสายวัดตัวในมือออกมา จากนั้นเขียนตัวเลขลงไปบนกระดาษที่อยู่ข้าง ๆ

“วัดเสร็จแล้ว ข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”

“ช้าก่อน” เซี่ยเฉิงจิ่นรั้งนางไว้ “ห้องนี้เก็บไว้ให้ข้า อย่าให้ผู้อื่นใช้”

ขณะที่กล่าวเช่นนั้น เขาก็ล้วงตั๋วเงินออกมาจากแขนเสื้อปึกหนึ่ง

โม่ชิงเหยียนเดินเข้ามาหาลู่จื่ออวิ๋น “น้องหญิงจื่ออวิ๋น ยามบ่ายพวกเราไปขี่ม้ากันเถอะ ข้าจะสอนเจ้าขี่ม้า”

“ท่านกล่าวว่าขี่ม้าไม่เป็นไม่ใช่หรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม

โม่ชิงเหยียนยกหินทับเท้าตนเสียแล้ว “…”

ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยว่า “ขอบคุณน้ำใจของท่าน เพียงแต่ข้าขี้ขลาดเล็กน้อย ไม่อยากเรียนขี่ม้า”

เมื่อเอ่ยถึงเรื่องขี่ม้า นางพลันคิดถึงม้าสีชาดตัวนั้นขึ้นมา

น่าเสียดายที่ม้าที่นางชอบกลับเป็นของผู้อื่น มิเช่นนั้นนางคงอยากขี่ม้าเล่นบ้าง

ชีวิตอันสุขสบายทั้งสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าเหล่าคนหนุ่มสาวเหล่านั้นจะวุ่นวายเพียงใด ฮูหยินทุกท่านกลับอยู่ด้วยความสำราญใจตลอดสามวันที่อยู่ที่นี่

มู่ซืออวี่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขเป็นพิเศษเมื่อนางมองดูรายชื่อบัตรสมาชิกรายปีในสมุดบัญชี

หลังจากส่งแขกคนสุดท้ายกลับไปแล้ว นางก็เรียกคนงานทั้งหมดมารวมตัวเพื่อหารือร่วมกัน จากนั้นก็ส่งต่องานของเรือนพักผ่อนบนภูเขาให้กับเจียงอีเมิ่ง

แน่นอนว่าเจียงอีเมิ่งเป็นคนใหม่ นางจะได้รับความเชื่อมั่นโดยสมบูรณ์ได้อย่างไร? ทว่าไม่เป็นไร คนส่วนใหญ่ของที่นี่ล้วนเป็นคนของมู่ซืออวี่ทั้งสิ้น หากมีปัญหาอะไรย่อมมีคนไปรายงานนาง

นางพาลู่จื่ออวิ๋นกลับเข้าไปในเมือง

“ฮูหยิน” ฟ่านเหยี่ยนควบม้าเข้ามาหา “ไม่ได้ทานมื้อค่ำกับฉาวอวี่นานแล้ว ข้าร่วมทางไปทานมื้อค่ำด้วยได้หรือไม่?”

มู่ซืออวี่ยิ้มน้อย ๆ “ได้อย่างแน่นอน”

นางจะกล้าไล่เขาไปโดยไม่ต้อนรับได้หรือ?

นางเหลือบมองลู่จื่ออวิ๋นแวบหนึ่ง ไม่แปลกใจเท่าใดนักเมื่อเห็นสีหน้าสับสนเช่นนั้นของบุตรสาว

ลูกสาวของนางฉลาด ทว่ายังคงไร้เดียงสาเกินไป นางคิดว่าตนจะทำให้ฟ่านเหยี่ยนตกใจหนีหายไปเพียงเพราะคำพูดไม่เข้าหูเพียงไม่กี่คำ ทว่าสำหรับฟ่านเหยี่ยนแล้ว สิ่งใดที่เขาคว้ามาไม่ได้ย่อมดีที่สุด จะยอมพ่ายแพ้ไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย