สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 625

บทที่ 625 เซวียนอ๋องได้รับความสำคัญ

บทที่ 625 เซวียนอ๋องได้รับความสำคัญ

เมื่อฟ่านเหยี่ยนกลับไปยังจวนอ๋องก็ตรงไปหาจ้าวอวิ๋นซวง

จ้าวอวิ๋นซวงช่วยถอดเสื้อคลุม ถอดสายรัดเอว จากนั้นจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา

“นี่อะไร?” ฟ่านเหยี่ยนเห็นม้วนภาพอยู่บนโต๊ะจึงเอ่ยถามพลางเปิดออกดู

เมื่อเขาเห็นภาพนั้น สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนฉับพลัน

“ผู้ใดให้เจ้าแตะต้องของในห้องตำราของข้า?”

จ้าวอวิ๋นซวงคุกเข่าลงเอ่ย “ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะ น้องไม่เคยไปห้องตำราของท่านอ๋อง นั่นเป็นของที่พระนางหวางเฟยให้คนส่งมา น้องไม่รู้ว่าต้องจัดการอย่างไรจึงรอให้ท่านอ๋องกลับมาเสียก่อน”

“ท่านอ๋อง ท่านอนุไม่กล้าขัดคำสั่งเป็นอันขาด ภาพวาดนี้เป็นพระนางหวางเฟยส่งมาจริง ๆ นะเจ้าคะ” บ่าวรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ร้อนรนอธิบาย

ฟ่านเหยี่ยนเดินออกไปพร้อมภาพวาดนั้น

“ท่านอนุ ท่านอ๋องและหวางเฟยคงไม่ทะเลาะวิวาทกันใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

“นั่นไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา”

“ท่านอ๋องใส่ใจกับภาพนี้จริง ๆ”

“สิ่งที่เขาใส่ใจไม่ใช่ภาพวาด แต่เป็นคนในภาพต่างหาก…”

ฟ่านเหยี่ยนมายังเรือนหลักของหยางอีเหริน

หยางอีเหรินกำลังทานรังนก เมื่อนางเห็นเขากลับมาจึงหยุดมือในงานที่กำลังทำ

“วันนี้ท่านอ๋องกลับมาเร็วเสียจริง”

“เจ้าไปที่ห้องตำราข้าหรือ?” ฟ่านเหยี่ยนมองหยางอีเหรินนิ่ง ๆ

หยางอีเหรินเช็ดมุมปากของตน “ใช่ ข้าไปที่ห้องตำรามา ข้าอยู่แต่บ้านรู้สึกเบื่อจึงอยากไปที่ห้องตำราหาหนังสือสักสองสามเล่มมาอ่าน”

“ห้องตำราเป็นสถานที่สำคัญ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าเข้าไปก็ช่างเถิด เหตุใดจึงแตะต้องข้าวของของข้า?” ฟ่านเหยี่ยนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เจ้าส่งภาพนี้ไปให้อนุจ้าว มันหมายความว่าอย่างไร?”

“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างไร เพียงแต่รู้สึกว่าคนในภาพละม้ายคล้ายคลึงกับอนุจ้าว ข้าสงสัยว่าจะใช่ภาพอนุจ้าวหรือไม่ จึงส่งไปให้นางดูก็เท่านั้น”

ฟ่านเหยี่ยน “…”

จ้าวอวิ๋นซวงคล้ายกับเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์อยู่บ้างจริง ๆ นอกจากนี้ชื่อของทั้งสองคนยังมีคำว่า ‘อวิ๋น’ เขาจึงได้โปรดปรานนางเป็นพิเศษ

ทว่าลู่จื่ออวิ๋นก็คือลู่จื่ออวิ๋น จ้าวอวิ๋นซวงก็คือจ้าวอวิ๋นซวง หยางอีเหรินเคยพบลู่จื่ออวิ๋นแล้วจะจำทั้งสองคนสลับกันได้อย่างไร? ท้ายที่สุดก็เห็นได้ชัดว่านางจงใจ

“ท่านอ๋อง พวกเราไม่เอ่ยถึงภาพนี้แล้ว” หยางอีเหรินดึงฟ่านเหยี่ยนให้นั่งลง “วันนี้ข้ากลับไปที่บ้าน ได้พบกับท่านพ่อ ท่านพ่อของข้าเป็นห่วงท่านมากทีเดียวนะเพคะ ทั้งยังกล่าวว่าในเร็ววันนี้ฝ่าบาทจะมอบหมายหน้าที่สำคัญให้ท่าน ท่านจะต้องใส่ใจให้มาก ทำเรื่องนี้ให้สำเร็จลุล่วงด้วยดีให้ได้นะเจ้าคะ”

“ข้าทราบ” ฟ่านเหยี่ยนสงบลงแล้วจึงเอ่ย “เจ้าคงเอ่ยอะไรต่อหน้าท่านพ่อตาไปมากกระมัง? ข้าควรหาโอกาสไปขอบคุณสักวัน เจ้าเตรียมของขวัญสักหน่อยเถอะ”

“เพคะ”

มุมปากของหยางอีเหรินหยักยกขึ้นมา

ดูสิ! เขามีคนในใจแล้วอย่างไร อย่างไรก็ต้องการการสนับสนุนจากสกุลหยางของพวกนางไม่ใช่หรือ?

สกุลหยางเคยเป็นพรรคพวกขององค์รัชทายาท หลังจากองค์รัชทายาทสิ้นแล้ว สายสัมพันธ์ที่เหลืออยู่ย่อมถ่ายเทไปยังเซวียนอ๋อง ถึงตอนนั้นองค์ชายที่มีอำนาจมากที่สุดทั่วทั้งราชสำนักย่อมเป็นเซวียนอ๋องแล้ว

หลายวันต่อมา เซวียนอ๋องก็ได้รับความสำคัญขึ้นมาจริงดังคาด

ตอนนี้ทุกคนในราชสำนักล้วนจับตามอง องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์ องค์ชายรองถูกลิดรอนอำนาจ องค์ชายคนอื่น ๆ ไร้อำนาจมากพอ ผู้ที่มีบารมีมากที่สุดทั่วทั้งราชสำนักคือจงอ๋องและเซวียนอ๋อง

“ใต้เท้าลู่” ฟ่านเหยี่ยนเข้ามาหาลู่อี้ “ข้ามีเรื่องต้องขอคำแนะนำจากท่าน”

“แม้ฮูหยินวังจะไม่ถือสา ข้ากลับถือสา ในเมื่อนางต้องการขนจิ้งจอกแดง หากหอซือเป่าของพวกเราไม่รับปากก็แล้วไปเถอะ ในเมื่อรับปากแล้วก็ต้องหาทางทำให้สำเร็จสิ”

ลู่จื่ออวิ๋นตรวจพบความผิดพลาดเพิ่มอีกสองคน

ทุกคนล้วนไม่พอใจนาง

นางอายุน้อยที่สุดแต่กลับมีอำนาจมากที่สุด เมื่อท่านเจ้าหอสวีไม่อยู่ ลู่จื่ออวิ๋นศิษย์รักจึงกุมอำนาจในที่แห่งนี้โดยสมบูรณ์

ลู่จื่ออวิ๋นกำชับกับหยางเจิงสองสามคำ ก่อนจะออกไปข้างนอกเพียงคนเดียว

“พวกเจ้าว่านางออกไปหาขนจิ้งจอกแดงใช่หรือไม่?”

“ขนจิ้งจอกแดงนั้นหายาก มิหนำซ้ำยังหายากยิ่งกว่าขนจิ้งจอกขาว” อีกคนหนึ่งจึงกล่าวขึ้นมา “ถึงแม้นางอยากหาก็คงหาไม่ได้ภายในชั่วข้ามคืนกระมัง”

“รอดูเถอะ นางคิดจะโอ้อวดความสามารถ ทว่าท้ายที่สุดหากนางไม่อาจหาจิ้งจอกแดง คงทำได้เพียงใช้สิ่งอื่นแทน ถึงตอนนั้นผู้ที่ถูกอบรมสั่งสอนย่อมเป็นนาง”

ลู่จื่ออวิ๋นตามหาไปตามร้านขายขนสัตว์ทั่วทุกร้าน ทว่าสุดท้ายยังคงหาพบเพียงขนจิ้งจอกขาว ไม่ใช่ขนจิ้งจอกแดง

ติงเซียงทนดูไม่ไหวอีกต่อไปจึงเอ่ยว่า “อย่างไรเสียล้วนเป็นขนจิ้งจอกเช่นเดียวกัน มีอะไรไม่เหมือนกันเจ้าคะ?”

“บุตรสาวของฮูหยินวังชอบสีแดงเป็นพิเศษ”

“เช่นนั้นก็ย้อมขนจิ้งจอกขาวเป็นสีแดง” ติงเซียงเอ่ย “ไม่เช่นนั้นหากหาไม่พบ จะไม่ยิ่งทำให้คนผิดหวังหรือเจ้าคะ?”

“แม่นางลู่…” เจียงหว่านเฉินขี่ม้าผ่านมา จึงเอ่ยทักลู่จื่ออวิ๋น

ลู่จื่ออวิ๋นเห็นเจียงหว่านเฉิน ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นมา

“คุณชายเจียง หลังจากท่านมาเป็นผู้บัญชาการทหาร คงล่าสัตว์บ่อยครั้งกระมัง?”

เจียงหว่านเฉินไม่เข้าใจเจตนาของแม่นางน้อย “จริงอยู่ที่ข้าได้ล่าสัตว์บ่อยครั้ง แม่นางลู่มีอะไรหรือ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย