สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย นิยาย บท 665

บทที่ 665 คุณหนูล้มป่วยเพราะความโมโห

บทที่ 665 คุณหนูล้มป่วยเพราะความโมโห

หนึ่งชั่วยามต่อมา จูเหนิงถูกลูกศรปักเข้าที่ขาข้างหนึ่งและที่แขนอีกข้างหนึ่ง บนตัวเขาไม่เหลือเสื้อผ้าแม้เพียงชิ้นเดียว ประหนึ่งเหลือเพียงผ้าขี้ริ้วปกคลุมร่างกาย

อันที่จริงเขาต้องต้องการออกไปตั้งแต่เพียงครึ่งทางแล้ว ทว่าบ้านสกุลลู่แห่งนี้ร้ายกาจยิ่งนัก เขาไม่อาจออกไปดังใจต้องการได้ ไม่ว่าเขาจะระมัดระวังเพียงใดก็ยังคงไปถูกกับดักเข้าอยู่ดี

“แปลกเสียจริง เหตุใดคืนนี้มีความเคลื่อนไหวมากมายนัก?” บ่าวรับใช้ในบ้านลู่เดินผ่านไป

“ฮูหยินบอกแล้ว บางทีกลไกลอาจไม่ได้รับการซ่อมแซมจึงไม่ได้รัดกุมเพียงนั้น พรุ่งนี้นางจะปรับปรุงมันและติดตั้งกลไกเสริมให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้ไม่พังเอาตอนช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน”

จูเหนิง “…”

ยังจะปรับปรุงเพิ่มเติมอีกหรือ?

บ้านลู่หลังนี้ไม่ใช่พระราชวัง ต้องแข็งแกร่งตีไม่แตกถึงเพียงนั้นเชียวรึ?

ไม่ได้การ ๆ ต้องรีบออกไปแล้ว

จูเหนิงหลบหนีออกไปด้วยความอับอาย ไม่สนใจไปดูว่าลู่จื่ออวิ๋นป่วยจริงหรือแสร้งป่วยแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาเกรงว่าตนจะต้อง ‘ตาย’ จริง ๆ แน่

จูเหนิงหลบหนีไปด้วยกำลังทั้งหมดที่เขามี ทันทีที่เขากลับไปถึงบ้านของตน ภายใต้สายตาแปลกประหลาดของบ่าวรับใช้ เขาตะโกนดังลั่น “รีบเข้าครัวไปหาของมาให้ข้ากินประเดี๋ยวนี้!”

“ของกิน? เกรงว่าท่านจะไม่มีเวลาทานอาหารอยู่ที่จวนของตนเองแล้วกระมัง ทว่าอาหารการกินที่นั่นของข้าก็ไม่เลวเช่นกัน ท่านไปลองชิมดูได้” เจียงหว่านเฉินรุดเข้ามาพร้อมกับคนของเขา

“เจ้า…” จูเหนิงลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธ ทันทีที่เขาลุกขึ้นก็กระเทือนไปถึงบาดแผลตนเองทันที สีหน้าเขาบิดเบี้ยวไม่น่ามอง ท้ายที่สุดก็นั่งลงไปด้วยความเจ็บ ผ่อนคลายครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ ชี้ไปที่เจียงหว่านเฉินแล้วเอ่ยว่า “เจ้ามาทำอะไรที่บ้านข้า?”

“ข้าเพิ่งกลับมาถึงบ้าน หลังจากกลับมาจากไปปราบกลุ่มโจรป่าก็ได้ยินว่าในบ้านลู่มีหัวขโมยทำให้คุณหนูลู่ตกใจกลัวจนล้มป่วย บัดนี้เมื่อตามร่องรอยมา ท้ายที่สุดจึงพบโจรผู้นั้น”

ขณะที่เจียงหว่านเฉินพูด ในมือเขาก็ถือเศษผ้าชิ้นหนึ่งเอาไว้

“นี่… ใช่ของใต้เท้าจูกระมัง?”

จูเหนิงหลบสายตา “เจ้ามีหลักฐานอะไรยืนยัน?”

“ใต้เท้าจู เสื้อผ้าบนร่างท่านยังไม่เปลี่ยนด้วยซ้ำ!” เจียงหว่านเฉินมองอีกฝ่ายคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “นี่ไม่ใช่หลักฐานที่เห็นอยู่ทนโท่เลยหรือ?”

“จับโจรเป็นหน้าที่ของที่ว่าการอำเภอเรา เหตุใดแม่ทัพเจียงถึงก้าวก่ายขอบเขตอำนาจหน้าที่ได้เล่า?” โม่ชิงเหยียนเดินเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ทางการ “ได้ยินว่าสกุลลู่มีโจรขึ้นบ้านจึงแจ้งกับทางการ ข้าเลยรีบตรวจสอบทันที นึกไม่ถึงว่าหลักฐานทุกอย่างจะชี้ไปที่ใต้เท้าจู ใต้เท้าจู ตามข้ากลับไปที่ว่าการอำเภอได้หรือไม่?”

“แต่ข้า…” จูเหนิงกำลังจะอ้างชื่อเซวียนอ๋องออกมา ทว่าถูกเจียงหว่านเฉินเอ่ยขัดคำขึ้นเสียก่อน

“ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้ใด แม้จะเป็นเชื้อพระวงศ์ ตราบใดที่ฝ่าฝืนกฎหมายก็ต้องถูกตัดสินตามกฎหมาย ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าท่านเป็นเพียงสุนัขรับใช้ที่เซวียนอ๋องเลี้ยงดูมา ต่อให้ท่านเป็นเซวียนอ๋องเอง ขอเพียงถูกจับได้ก็ต้องว่าง่ายเข้าไว้ ไปอยู่ในคุกเสีย!” โม่ชิงเหยียนเอ่ย “เด็ก ๆ พาตัวใต้เท้าจูไป”

เจียงหว่านเฉินเหลือบมองโม่ชิงเหยียนแวบหนึ่ง “ใต้เท้าโม่ช่างน่าเกรงขามเสียจริง!”

“เทียบไม่ได้กับเศษหนึ่งในพันของแม่ทัพเจียง”

ผู้ใต้บังคับบัญชาของโม่ชิงเหยียนเข้ามาจับจูเหนิง เดิมทีจูเหนิงคิดจะดิ้นรน ทว่าเมื่อเห็นทหารที่เจียงหว่านเฉินพามา เขาก็ว่าง่ายทันที

เขาเป็นคนของเซวียนอ๋อง เขาไม่เชื่อว่าคนเหล่านี้จะกล้าทำอะไรเขา

แน่นอนว่าการหลับหูหลับตามั่นใจในตนเองก็สามารถนำตนไปสู่ความวินาศได้เช่นกัน

จูเหนิงถูกควบคุมตัวแล้ว ลูกน้องเขากลายเป็นฝูงมังกรไร้หัว ล้วนถูกเจียงหว่านเฉินพาตัวไป

มู่ซืออวี่หัวเราะออกมา “เจ้านี่นะ เห็นผู้อื่นดีกว่าข้า ช่วยโกรธแม่แทนท่านลุงเซี่ยของเจ้าเสียแล้ว”

“ไม่กล้า ๆ ข้าจะกล้าโกรธท่านแม่ได้อย่างไร? ท่านแม่ ข้าอยากไปออกทะเลกับพี่หญิงน้องหญิง ได้ยินจากชาวประมงในพื้นที่ พวกเขาบอกว่ามีเกาะแห่งหนึ่งที่น่าสนใจยิ่ง ข้าอยากไปดู”

“ในเมื่อน่าสนใจ เช่นนั้นพวกเราก็ไปดูด้วยกันเถิด!” มู่ซืออวี่เอ่ย หากมีเกาะที่น่าสนใจเพียงนั้นจริง ไม่สู้เปิดเป็นจุดดึงดูดคนมาท่องเที่ยว เช่นนี้ก็จะได้ทำให้ความเป็นอยู่ของชาวประมงดีขึ้นด้วย”

“เถ้าแก่เนี้ยมู่ของพวกเราช่างเป็นเทพแห่งความมั่งคั่งเสียจริง นางไปที่ใด คนท้องถิ่นของที่นั่นก็จะได้รับพรตามไปด้วย” เซี่ยคุนเอ่ยอย่างจริงใจ

“ท่านแม่ข้าเห็นอะไรล้วนเป็นโอกาสทางการค้า แสดงให้เห็นว่าในครอบครัวของเรา ท่านแม่มีสมองที่ดีที่สุด” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ผู้อื่นล้วนกล่าวว่าพี่ชายข้าเหมือนท่านพ่อ ข้ากลับรู้สึกว่าเขาเหมือนท่านแม่เสียมากกว่า ปัญญาล้ำเลิศ!”

“เหตุใดข้ารู้สึกไม่เหมือนกำลังชม หากแต่เหน็บแนมข้าเล่า?”

ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถึงเกาะกลางทะเล ทำให้มู่ซืออวี่เห็นโอกาสทางการค้าขึ้นมา

ดังนั้นนางจึงพาลูกน้องกว่าสิบคนออกทะเลไปสำรวจเกาะเหล่านั้น ท้ายที่สุดจึงเลือกมาห้าเกาะ ตั้งใจไว้ว่าจะพัฒนาให้เป็นรีสอร์ต

มู่ซืออวี่จะเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการดำเนินงานนี้

แน่นอนว่าเรื่องโรงต่อเรือก็ไม่อาจล่าช้า เหล่านายช่างรับผิดชอบในการออกแบบ นางรับผิดชอบในการตรวจสอบและเพิ่มความคิดสร้างสรรค์เข้าไปในบางจุด เรือรบลำแรกสำเร็จไปครึ่งทางแล้ว ควรจะเสร็จภายในสิ้นปีนี้

มู่ซืออวี่ให้อีกกลุ่มหนึ่งสร้างเรือสินค้าอีกลำ จุดประสงค์หลักของเรือสินค้าลำนี้ก็เพื่อพาคนไปท่องเที่ยว เป็นต้นว่าในอนาคตอาจพาไปท่องเที่ยวที่เกาะและชื่นชมทิวทัศน์ของทะเล

ระยะทางระหว่างห้าเกาะนั้นไกลอยู่บ้าง จำเป็นต้องใช้เรือลำใหญ่เพื่อไปถึงที่นั่น นอกจากนี้ ห้าเกาะนั้นจะออกแบบในลักษณะที่แตกต่างกัน เพื่อให้แขกได้ชมความงามที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น

เมื่อสิ่งนี้เริ่มแล้วจะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล แน่นอนว่ามู่ซืออวี่ไม่ขาดเงินทุนในการเริ่มต้น ขอแค่เพียงสร้างขึ้นได้ก็เพียงพอแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย