ลมหายใจของชายหนุ่มเขยิบเข้ามาเรื่อยๆ เย้นหว่านรู้สึกว่าตนเองเซถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดขนาดใหญ่ แขนของเขาพันรอบเอวคอดของเธอ และกอดเอาไว้แน่น แถมพละกำลังมากมายมหาศาลราวกับต้องการบีบเข้าไปในกระดูก
ส่วนเธอนั้นเพิ่งรู้สึกได้ว่า ร่างกายที่เขารัดไว้แน่น เริ่มสั่นเทาเล็กน้อย
เย้นหว่านเบิกตาโตด้วยความรู้สึกตกใจ และนิ่งอยู่นานยังไม่สามารถเรียกสติกลับมาได้
โห้หลีเฉิน เป็นอะไรไปเนี่ย?
ความอาฆาตยังคงอบอวลอยู่ทั่วตัว แต่กลับไม่รู้สึกถึงอันตรายแม้แต่น้อย แม้กระทั่งเธอรับรู้ได้ว่าเขานั้นเริ่มมีอาการประหม่า ราวกับหวาดกลัว
ในใจของเธอนั้นสับสนไปหมด มือเล็กๆ ค่อยกอดเขาตอบ
“โห้หลีเฉิน ....”
“ตอนนี้รู้ว่าต้องเรียกผมแล้วใช่ไหม?”
น้ำเสียงของโห้หลีเฉินทุ้มต่ำ พร้อมทั้งอาการโกรธเคือง ราวกับมันเล็ดลอดออกมาจากไรฟัน
“เมื่อเจอกับอันตราย ทำไมไม่มาหาผมก่อน? คุณรู้ไหมว่าตอนที่ผมได้ยินว่าคนพวกนั้นทำร้ายคุณ มันน่าหวาดกลัวถึงเพียงไหน ทั้งกังวลว่าคุณจะถูกทำร้ายตรงไหนไหม”
“แล้วทำไมต้องไปเดินออกไปกับเซอร์ยุนซีด้วย? เรื่องออกไปหาตัวยาผมจัดการเองก็หมดเรื่อง คุณไม่ยอมอยู่ข้างกายผม คุณรู้ไหมว่าผมเป็นห่วงว่าจะเกิดเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับคุณบ้าง?”
แค่ระยะไม่กี่ชั่วโมง โห้หลีเฉินก็เหมือนกับขึ้นไปยังภูเขาที่เต็มไปด้วยอันตรายเลวร้ายที่สุด แวบเดียวก็ดำดิ่งลงไปยังทะเลเพลิง
เขาหาเธอไม่เจอ หัวใจของเขาทั้งดวงดั่งลอยเคว้งคว้างขึ้นมา กลัวว่าเขามาไม่ทัน เธอจะเจอกับอันตราย จนถูกทำร้าย
ยิ่งเมื่อรู้ข่าวตอนที่เย้นหว่านถูกคนรังแกนั้น อารมณ์ที่กำลังเป็นอยู่เช่นนั้นยิ่งระเบิดออกมาทั้งหมดทั้งมวล
เซอร์ยุนซีแอบพาเย้นหว่านออกไปโดยพลการ แถมยังไม่สามารถปกป้องคุ้มครองเย้นหว่านไม่ได้ดีอีก สมควรตายไปซะ!
ที่ยังไว้ชีวิตเขาอยู่นั้น นั่นมันเป็นสิ่งที่โห้หลีเฉินพยายามอดกลั้นอย่างยิ่งยวด ทั้งหมดก็คือนึกถึงเรื่องว่าเย้นหว่านไม่ได้ถูกรังแกจริงๆ
เย้นหว่านได้แต่ตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น ปกติแล้วโห้หลีเฉินจะเป็นคนพูดน้อยแต่กลับพูดพล่ามออกมาเป็นชุด แถมยังเน้นทุกถ้อยคำในเวลานี้ ทั้งหมดมันเหมือนโดนตอกตะปูในก้นบึ้งหัวใจของเธอ
เธอไม่ได้คิดอะไรมากมายขนาดนี้จริงๆ
เธอก็แค่อยากช่วยเขา อยากใช้โอกาสนี้ไปเดินสำรวจในเขตสวนพฤกษศาสตร์วังหลวง เพื่อไปหาร่องรอยของเมล็ดแมกโนเลีย แต่กลับไม่รู้ว่าจะยิ่งทำให้โห้หลีเฉินเป็นห่วงได้ถึงเพียงนี้ ที่ทำให้คนที่แข็งแกร่งอยู่ยงคงกระพันอย่างเขา หวาดกลัวจนใกล้จะสิ้นสภาพอยู่แล้ว
“ขอโทษ ขอโทษด้วยค่ะ ...”
เย้นหว่านกอดโห้หลีเฉินเอาไว้ พลางสะอึกสะอื้นและพึมพำด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ฉันไม่เป็นไร ฉันก็ยังครบสมบูรณ์ทุกอย่าง คุณไม่ต้องเป็นห่วง ต่อไปฉันจะไม่ไปไหนคนเดียวอีกแล้ว ฉันจะไปไหนก็ต้องไปกับคุณ ตกลงไหม?”
เธอรู้ดีว่า การที่โห้หลีเฉินเคร่งเครียดซะขนาดนี้นั้น ก็เพราะว่าในพระราชวังนี้สำหรับเธอแล้ว มันช่างอันตรายเกินไปจริงๆ
หลายวันก่อน เย้นหว่านก็ถูกตามฆ่ามาแล้ว แม้ว่าเธอไม่ได้พูดกับโห้หลีเฉินตรงๆ แต่โห้หลีเฉินก็รู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว
รู้เรื่องที่เธอถูกซาอินติตามไล่ฆ่า และรู้ว่าเธอเข้าห้องน้ำยังถูกคนข่มขู่ รู้ว่ายังมีคนเอางูพิษไปปล่อยในห้องพักของเธออีก...
รอบกายเธอมีแต่อันตรายแอบซ่อนเร้นอยู่รอบด้าน ถ้าไม่มีเขาคอยเฝ้าอยู่ มีความเป็นไปได้ว่าแค่เธอหันตัวกลับก็คงถูกคนเอาชีวิตไปแล้ว
การที่เย้นหว่านถูกต้อนและถูกทำร้ายในสวนดอกไม้ ก็เป็นฝีมือของซาอินติ
นางก็เป็นเหมือนงูพิษที่อยู่ในมุมมืด เพื่อต้องการห้อมล้อมตัวเธอเอาไว้ เพื่อจะได้ใช้เวลาและโอกาสที่เหมาะสมในการฆ่าของเย้นหว่าน
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ โห้หลีเฉินจะปล่อยผ่านไปได้ยังไงล่ะ?
หลายวันมานี้เขาและเธอตัวติดกัน ไม่ใช่ก็เพื่อเป็นห่วงถึงความปลอดภัยและอันตรายของเธอทุกวินาทีหรอกเหรอ วันนี้เย้นหว่านหายไปนาน โห้หลีเฉินก็ควรจะเป็นห่วงมาก และกระวนกระวายมากเช่นเดียวกัน
เขาแข็งแกร่งอยู่ยงคงกระพันก็ตาม แต่ว่าเธอ เป็นจุดอ่อนของเขาเพียงสิ่งเดียว
“อย่าได้ หายไปจากสายตาของผมอีก”
น้ำเสียงของโห้หลีเฉินกระซิบทุ้มต่ำมาก แขนทั้งสองข้างเพิ่มแรง กอดเย้นหว่านให้อยู่ในอ้อมกอดเอาไว้แน่น
ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะโอบเอาเย้นหว่านไปไว้ในกระดูกและเลือดของตนเองเลยทีเดียว จะไม่ได้ไม่จากไปไหนแม้เพียงเสี้ยววินาที ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน
เขาจะได้ปกป้องเธอเอาไว้ทุกวินาทีทุกลมหายใจ
เมื่อสัมผัสได้ชายหนุ่มนั้นเคร่งเครียดถึงเพียงใด หัวใจของเย้นหว่าน พลันอ่อนระทวยทันที
เขามองความคิดที่อยู่ในใจของเธอออก โห้หลีเฉินพูดกระทบใจเธอไม่เห็นใจเธอสักนิด
เย้นหว่าน “….” อึดอัดใจ
เธอก้มหน้าก้มตา ขยับนิ้วไปมา หลังจากหมกมุ่นอยู่กับตรงนั้นผ่านไปสักพักแล้ว ถึงได้มองโห้หลีเฉินด้วยสายตาทอประกาย
พร้อมทั้งพูดอย่างอ่อนแอ “เรื่องนั้น เอ่อ โห้หลีเฉิน ฉันไปเขตสวนพฤกษศาสตร์วังหลวงไม่ได้แค่ไปทรมานอย่างไร้ประโยชน์อย่างเดียวนะ เหมือนว่า....ไปก่อเรื่องไว้ด้วยแหละ”
“ไปก่อเรื่องอะไร?”
คำถามของโห้หลีเฉินถามกลับอย่างเฉยเมย ราวกับว่าคำว่าก่อเรื่องของเธอนั้น สำหรับเขาแล้ว ก็แค่ต้องไปจัดการปัญหาให้เท่านั้นเอง
แต่เย้นหว่านรู้สึกเคอะเขินมาก
เพราะตอนที่อยู่ในเขตสวนพฤกษศาสตร์วังหลวงนั้น เธอได้คุยกับทหารรักษาการณ์ และยังได้รู้กฎในการเข้าไปในห้องสมบัติด้วย ดูจากภายนอกแล้วคือการขออนุญาต ความจริงแล้วมันยากมากที่จะเข้าไปได้ จำเป็นต้องมีสถานการณ์ที่พิเศษจริงๆ ถึงจะเข้าไปได้
แต่ด้วยอาศัยวิธีการของโห้หลีเฉินแล้ว หลังจากที่เขาได้ตรวจสอบกฎระเบียบแล้วนั้น ก็ต้องสร้างสถานการณ์ที่พิเศษให้เกิดขึ้น จึงจะสามารถเข้าไปด้านในเพื่อเอาเมล็ดแมกโนเลียออกมาได้สำเร็จทว่าในเวลานี้ เพราะว่าเธอได้ทำให้เซอร์ยุนซีฉีกหน้าโอหยางฝู่อย่างเป็นทางการแล้ว โอหยางฝู่ได้หมายหัวว่าเธอกลายเป็นจุดด้อยเป็นเป้าโจมตีของเซอร์ยุนซี เลยต้องหาวิธีการร้อยแปดพันเก้ามาทำให้เธอยากลำบากไปด้วย
ส่วนโห้หลีเฉินดูจากภายนอกแล้วเป็นพี่ชายของเย้นหว่าน โอหยางฝู่เลยหมายหัวให้โห้หลีเฉินเป็นศัตรูทางอำนาจของเขา
โห้หลีเฉินได้สร้างสถานการณ์ขึ้นมาเป็นพิเศษ โดยสันนิษฐานว่าโอหยางฝู่ตกทุกข์ได้ยากเช่นกัน ที่จะไม่ให้โห้หลีเฉินเข้าไปในห้องสมบัติที่อยู่ในเขตสวนพฤกษศาสตร์วังหลวง
“ฉัน ฉันก่อเรื่องไว้กับโอหยางฝู่ด้านในเขตสวนพฤกษศาสตร์วังหลวง กุญแจห้องสมบัตินั่นเขาเป็นคนดูแล....”
เย้นหว่านเหมือนเด็กที่ทำผิดมา จากนั้นก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเขตสวนพฤกษศาสตร์วังหลวงออกมาด้วยความอ่อนแอ ให้โห้หลีเฉินได้ฟังอย่างหมดเปลือก
โห้หลีเฉินฟังอยู่ด้วยท่วงท่าเงียบขรึม สีหน้ายิ่งดูไม่ได้หนักขึ้นเรื่อยๆ
เย้นหว่านยิ่งรู้สึกละอายใจและหดหู่มากขึ้น “ขอโทษ ฉันผิดเอง....”
“โอหยางฝู่ แกกำลังรนหาที่ตาย”
โห้หลีเฉินกัดฟันพูด ความเกลียดชังอย่างรุนแรงรายล้อมอยู่รอบตัว จากนั้นก็กำหมัดไว้แน่นจนนิ้วมีเสียง “กรอบแกรบ” ดังออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สัญญารัก คบกับประธานฮั่ว30วัน
อืดอาด มีเรื่องคู่นั้นคู่นี้แทรกมาตลอด แล้วยังออกทะเลไปไม่รู้กี่รอบ วนอยู่แต่กับความโง่ของนางเอกและความปิดปังเพราะรักของพระเอก เฮ้อ ทนอ่านมาเพราะอยากรู้ตอนจบ แต่หงุดหงิกมาก...
ฝึกฝนตัวเองหาทางช่วยสามีมันก็ดี แต่ถึงขนาดทิ้งลูกให้คนอื่นดูแลนี่ไม่ไหว เลี้ยงเด็กยังไงให้เป็นแบบนี้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แถมเป็นภาระ ใช้ชีวิตโง่ ๆ มีศัตรูอยู่ แต่ไม่พาการ็ดไปด้วย พอลูกมีปัญหาที่รร. แทนที่จะเรียกสามี มาช่วยตั้งแต่แรก เสือกจะสู้เอง...
นางเอกอ้อนแอแถมโง่ แต่ก็ไม่ฟังพระเอก เสือกวิ่งไปวิ่งมาให้ถูกคนทำร้าย อ่านแล้วรำคาญ...
นางเอกโง่เง่าไม่มีการพัฒนา...
ทำไมไม่บอกพระเอกแล้วให้จัดการกับนังนั่น...
โอน่อหยาก็รู้นี่นาว่านางเอกเป็นคู่หมั้นประธาน ทำไมยังกล้าใส่ร้ายหรือแปลกใจว่านางเอกยังมีคนหนุน...
เนื้อเรื่องยืดยาวววน่าเบื่อมาก วนไปมาไม่เข้าเรื่องสักทีอ่านจนไม่อยากอ่านต่อน่าเบื่อเกิน ไม่เข้าเรื่องพระเอกกับนางเอกสักที วนอยู่ที่เดิมจนไม่น่าติดตามเพราะน่าเบื่อ...